[CR] My Tokyo เที่ยวที่ 3 - กระทู้แชร์ความฟินกับของกินในโตเกียว by ไกด์ฟรุ้งฟริ้งคนเดิม เพิ่มเติมคือน้ำหนัก



พึ่งกลับมาจากญี่ปุ่นค่ะ ไปเที่ยวนี้อยู่ในเมืองมากๆ กิจกรรมที่ทำเลยไม่มีไรมากนอกจากช้อปปิ้ง และ "กิน" ค่ะ และจากหลายๆอย่างที่ได้ซื้อและได้ไปทานมา มีหลายอันมากที่รู้สึกว่า เฮ้ยยยย คือมันดี และมันควรต้องบอกต่อเพื่อกระจายความฟินกันไปให้ถ้วนหน้า ส่วนอันไหนที่กินแล้วเฟล ยิ่งต้องบอกต่อ เพื่อนๆจะได้ไม่ต้องไปเสียรู้เหมือนเรา 5555

ซึ่งก่อนจะไป เราก็เตรียมตัวอย่างดี โดยการไปขุดเอาหนังสือไกด์บุคต่างๆที่ซื้อไว้ มาเลือกๆร้านที่อยากไปเอาไว้ หมายว่าจะไปตามรอยซะหน่อย  แต่..... วันเดินทางดันลืมเอาไปปปปป T^T  ที่ทำการบ้านมาเป็นเวลาหลายวัน เป็นอันจบปิ้ง เลต้องไปหาเอาดาบหน้าแทนค่ะ  555 สะเปะสะปะนิดหน่อย เราไปทานอะไรที่ญี่ปุ่นมาบ้าง มาดูกันจร้า

Day 1: มื้อเช้าที่ Yoshinoya
Location: มีอยู่ทั่วไป หาได้ง่ายมาก


cr. รูปหน้าร้านจาก dreamstime.com

เราเดินทางไปถึงแต่เช้าตรู่ หลังเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่โรงแรมเสร็จ เราก็ออกมาที่ร้าน Yoshinoya ตรงใกล้ๆโรงแรมค่ะ คือสืบเนื่องจากความหิว เลยขอกินง่ายๆเอาแรงไว้ก่อน ร้าน Yoshinoya นี้ เหมือนจะมีสาขาอยู่ทั่วไปหมด และเปิด 24 ชั่วโมงเลยค่ะ หาทานง่าย สะดวก และอร่อย

เราเลือกสั่งข้าวหน้าเนื้อมาทานค่ะ โดยเราสามารถเลือกสั่งได้ 3 1size นะคะ เริ่มจาก 380 – 580 เยนสำหรับเมนูนี้ จะสั่งอันเล็กก็กลัวไม่อิ่ม เด็กกำลังโต เลยสั่งไซส์กลาง มาแทนค่ะ มื้อนี้หมดไป 480 เยน ตกราวๆ 150 บาท โหว เมืองไทยหลายๆร้านยังแพงกว่าเลยอ่ะ  แต่ร้อยกว่าบาท จะมาถามหาคุณภาพเนิ้อก็กระไร ก็เลยทานให้พออิ่มค่ะ เพราะรสชาติเค้าก็ไม่ได้แย่ ร้านนี้ก็ขอแนะนำเอาไว้สำหรับเวลาคิดไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าจะทานไหนดีละกันนะคะ อิ่ม ประหยัด รสชาติดี
คะแนนความฟิน:  3.5/5

Day 1: ฟินช่วงบ่ายกับ Ivy Place
Location:  Ivy Place – Daikanyama T-Site;  subway: daikanyama station


ร้าน Ivy place นี่จริงๆแล้วก็มาจากการค้นหาเช่นกันค่ะ แต่เจอมาจากไอจี โดย หาจาก #daikanyama ดูซิว่าที่ฮอตของย่านนี้มันมีอะไรบ้าง ก็มาสะดุดตากับกำแพงขาวๆที่มีคนอัพเยอะมากกกก เลยตั้งใจไว้เลยว่าจะต้องมาลองที่ร้านนี้ พอมาถึงที่ร้านก็พบว่าร้านเต็มจ้า คือร้านใหญ่มาก แต่เต็ม ต้องรอคิวซักพักถึงได้นั่งด้านนอกร้าน ร้านนี้มีอาหารด้วยนะคะแต่ด้วยความที่ยังอิ่มอยู่นิดหน่อยเลยสั่งแต่ขนม  ซึ่งจากที่หาข้อมูลมาเนี่ย ร้านนี้เค้าดังที่ “แพนเค้ก” ค่ะ หน้าตาเป็นแบบนี้

แต่ไม่ค่อยชอบทานเท่าไหร่ เลยสั่งมาแต่เค้กเล็กๆเบาๆ แล้วก็เครื่องดื่มมาคนละแก้ว

เมนูที่เราสั่งคืออันแรกอ่ะค่ะ ชื่อมันยาวเกิ๊นนดูหน้าตาสิ

น่าทานมากกกก อร่อยขนาดตัวเกล็ดช็อคโกแลตที่เอามาแต่งจานยังอร่อยอ่ะ คิดดู โดยในตัวพายนี่เหมือนจะกรุบกรอบ รสชาติไม่หวานมากจนเลี่ยน ทานกัน 2 คน หมดเกลี้ยง สำหรับร้านนี้ พิกัดก็ไม่ยากเลยนะคะ เดินออกมาจากสถานที่ Daikanyama แล้วก็เตรียมเสริช์หา Daikanyam-T-site แล้วเดินตาม  map ไปได้เลยค่ะ

คะแนนความฟิน 4.5/5

Day 1:  มึนๆงงๆ ดินเนอร์

สำหรับมื้อค่ำของวันแรก เราตั้งใจไปทาน Rokkasen ตามเสียงร่ำลือนะคะ ก็หาข้อมูลเอาจากใน เน็ต แล้วก็เดินตามไป แต่พอเดินไปถึงตึกที่ rokkasen ตั้งอยู่ก็เจอกับป้ายนี้ค่ะ

ค่ะ โต๊ะเต็ม จะว่างอีกทีตอนเที่ยงคืนนนนนนน คือแบบ ณ ตอนที่เราไปถึง เหมือนจะราวๆ 1 ทุ่ม ซึ่งด้วยความไม่ได้จองเราก็เตรียมรับสภาพไปแล้วว่าต้องรอคิวนานแน่นอน แต่ 5 ชั่วโมงมันก็เกินไปปปปป เลยเดินจากมาด้วยความผิดหวัง แต่ร้านนี้เค้าก็ใจดีนะคะ เปิดให้ยันตี 5 แน่ะค่ะ แต่ป่านนั้น ใครจะมีอารมณ์กินปิ้งย่าง ตอบ!!!

ทีนี้ระหว่างลงลิฟต์ ก็เจอว่าคนญี่ปุ่นออกจากลิฟต์ไปร้านๆนึงกันเยอะ เลยตามไปบ้าง มันต้องอร่อยแน่ๆ แต่สรุปร้านที่เข้าไป ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่ รมควันบุหรี่หนักมากค่ะ กินไปมึนหัวไป เราสั่งอันนี้มาทานค่ะ เป็นเนื้อกะทะร้อน + ข้าว และก้อบวกไก่ทอดอีกจานนึง


คะแนนความฟิน  2.5/5   หักความเหม็นบุหรี่ ตัวอาหารรสชาติใช้ได้ดีเลยค่ะ ราคาไม่แพงมากกด้วย ทั้งหมด 2 เมนูของเรา ลองกดเครื่องคิดเลขดูราวๆ เกือบ 6 ร้อยบาทไทย


Day 1: Manneken  ขนมกรุบกริบ ชดเชยความเฟล กับ วาฟเฟิลที่อร่อยที่สุดในโลกกก

Location: Shinjuku Station west exit

วันแรกในโตเกียวของเรากำลังจะหมดไป แต่เรายังคงไม่หยุดกิน 5555 ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในร้านที่หมายตาเอาไว้จากการดูมาในไกด์บุคนะคะ แต่ที่เค้าแนะนำจะเป็นสาขาที่กินซ่า อันนี้เราเจอที่ชินจูกุ ระหว่างเดินกลับโรงแรม พอเห็นปุ๊บก็ตาวาวปั๊บ ก็เลยจัดวาฟเฟิลมา 2 ชิ้น และก็ซื้อวาฟเฟิลจิ๋วแบบเก็บได้นานมาอีก 1 ถุงค่ะ


ในส่วนของงวาฟเฟิลน้านนนน มันเก็บได้แค่ 1 วันนะคะ คือซื้อวันที่ 29  กพ. ก็ต้องทานอย่างช้าวันที่ 1 มีค กันเลยทีเดียวเราเลยทานมันซะคืนนั้นเลยค่ะ 5555  สรุปรสชาติเป็นไงน่ะเหรอคะ ตามจั่วหัวเลยค่ะ “วาฟเฟิลที่อร่อยที่สุดในโลก” คือมันดีงามมาก แป้งนุ่มๆบวกซ็อคโกแล็ตหวานๆ กัดไปคำแรกก็ฟินล่ะอ่ะ ซึ่งตัววาฟเฟิลนี้จะชิ้นละ 140 เยนค่ะ ราวๆ 45 บาทซึ่งถือว่าไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับรสชาติ
คะแนนความฟิน 4.5/5


Day 2: จัดหนักตั้งแต่เช้า กับพาสต้า ร้าน Pastel Italiana

Location: ชั้น 7 ห้าง My Lord สถานี  Shinjuku ฝั่ง South Exit

วันนี้เรามีแพลนไปโตเกียว ดิสนีย์แลนด์กันค่ะ ทีนี้ ด้วยความกลัวเรื่องความโหดของราคาอาหารข้างในนั้น เราเลยเตรียมทานข้าวเช้า + เที่ยงให้อิ่มไปก่อนเลย แล้วค่อยกลับมาทานอาหารค่ำ ทีเดียวค่ะ ออกจากโรงแรมมา ห้างเปิดพอดีเลยขึ้นไปหาข้าวเช้ากันที่ห้างแถวนั้น คือ My Lord ค่ะ อยู่ติดกะทางออกฝั่ง South exit เลย เราก็ขึ้นไปที่ชั้น 7 ค่ะ เดินเลือกอยู่หลายร้านก็ตัดสินใจที่ร้านนี้ค่ะ Pastel Italiana



ในส่วนของร้านนี้นั้น เราต้องบอกว่า เฉยถึงเฉยมากค่ะ เราสั่ง Arabita มา ก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่กินๆไป เอ๊ะ ทำไมลิ้นมันชา คือชาแบบซ่าๆเลยอ่ะค่ะ ไม่รู้นางใส่อะไร ซอส arabita นี้ อยู่เมืองไทยทานบ่อยมาก ก็ไม่เคยมีความรู้สึกนี้นะ เลยทานได้แค่ไม่กี่คำ เลิกเลยค่ะ กลัวกินอะไรอย่างอื่นไม่อร่อย 5555 เอาภาพมาฝากนะคะ

คะแนนความฟิน: เอาไป 2.5/5 พอ มะไหวจีๆ

Day 2: ขนมนมเนย ของฝากจากสถานีโตเกียว

หลังจากกลับมาจาก Disney Land เราต้องมาเปลี่ยนสายรถใต้ดินที่สถานีโตเกียว แล้วเราก็ได้พบกับแดนสนธยาแห่งขนมและอาหารทีสถานี โตเกียวค่ะ กับ Keiyo Street คือต้องบอกว่ามันเลอค่ามากกกกกกกก มองไปรอบตัวมีแต่ขนมและของกิน!!! เราเลยไปจัดขนมนมเนยเอามาซะเยอะเลยค่ะ แต่มีถ่ายรูปทันอยู่ไม่กี่อย่าง เริ่มจาก


มันคือวาฟเฟิลกรอบๆ ค่ะ เหมือนจะฉาบไว้ด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งอะไรซักอย่าง ดูหน้าตาดีมากน่าจะทานได้เล่นๆ เพลินๆ แต่ พอชิมแล้วคือ เฉยมาก อันนี้เฟล ไม่แนะนำค่ะ  เพื่อนๆจำหน้าตาไว้นะคะ  ^_^

คะแนนความฟิน: ไม่มีความฟิน 5555

อีกอันนึงที่ดีงามระดับนึง คือน้อง Sugar Butter Tree กล่องนี้ค่ะ  อันนี้เหมือนจะเป็นพายสตอเบอร์รี่ ที่ก็ทานแล้วหวานๆดีค่ะ ซื้อไปฝากได้ไม่เสียชื่อ คอนเฟิร์ม!! หน้าตาเป็นงี้ค่ะ


อันนี้รูปเพื่อการโฆษณา หามาจากในเน็ต

ด้านในจะแยกเป็นซองๆให้แบบนี้ค่ะ



คะแนนความฟิน:  3.5/5


ชิ้นต่อมานี่ ต้องขอบอกว่า ถ้าเจอปุ๊บ อย่าเดินผ่านนะคะ แวะเลยค่ะ กับร้าน “Quatre”
Location: ตามชั้นใต้ดินห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปค่ะ อันนี้เห็นหลายห้าง




น่าทานเนอะะ ตอนซื้อกลับมานี้เค้าก็จะแจ้งวันหมดอายุไว้ให้ด้วยนะคะ


คือแนะนำมากๆอ่ะ คือต้องสารภาพว่าด้วยรูปลักษณ์ภายนอกมันดึงดูด เพราะมันคือเหมือนจะเป็น พุดดิ้ง หรือ มูส ที่เอามาใส่ไว้ในเปลือกไข่ค่ะ นับว่าการนำเสนอน่าสนใจดีมาก เหมือนเค้าจะมีหลายรสอยู่นะคะ แต่ด้วยความที่เราเป็น คอ ช็อคโกแล็ต เราเลยซื้อมาลองแค่ ช็อคโกแล็ตค่ะ มันเป็นมูสที่ไม่หวานมากจนเลี่ยนค่ะ กินจนหมเปลือกเลอ อร่อยมากกกก

คะแนนความฟิน: 4/5

อันต่อมา อันนี้คือ Royce ต้องหลบไป โตเกียวบานาน่าเหรอ ลืมไปได้เลย เพราะเรามีที่สุดของแจ้ ที่สุดของของฝาก การันตีโดยทุกคนที่ได้รับ บอกเป็นเสียงเดียวกันอย่างเป็นเอกฉันท์ว่ามัน “อร่อยมากกกกกกกกก” ไม่ซื้อถือว่าพลาดนะคะ

Tokyo Milk Cheese Factory คุ๊กกี้น้องวัว
Location: ตามชั้นใต้ดิน ของห้างต่างๆ



คุกกี้ตัวนี้นี่ ที่เราอยากแนะนำเพราะว่า ตอนที่ชิมเมื่อคราวมาโตเกียวครั้งก่อน ทำให้เรารู้จักคำว่าฟิน 5555 คือมันปริ่มมากจริงค่ะ คือเราไม่รู้ว่ามันควรจะเรียกว่า คุ้กกี้หรือเวเฟอร์อ่ะนะคะ แต่มันเหมือนขนมปังกรอบแผ่นบางและสอดใส้ด้วยขีสอ่ะ กินเพลินมากกกก ต้องลองจริงๆนะคะ เค้ามี 3 รสนะ แต่เราชอบรส ออริจิที่มันเป็นชีสเฉยๆ

คะแนนความฟิน: 5/5
ชื่อสินค้า:   ของกินในญี่ปุ่น
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่