30 มีนาคม วันไบโพลาร์โลกควรจะเป็นวันที่สังคมได้ทำความรู้จักโรคไบโพลาร์ เพื่อลดตราบาปคือการมองผู้ป่วยอย่างผิดๆ. แต่ปีที่แล้วผลออกมาตรงกันข้าม. คนไทยตื่นตัวสนใจ“ชื่อ”โรคไบโพลาร์มาก แต่ไม่ได้รู้จักข้อมูลจริงๆ ทั้งที่หลายหน่วยงานช่วยกันให้ความรู้. เพราะบังเอิญโชคร้าย ก่อนหน้านั้นแค่ 6 วัน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ นักบินสายการบินเยอรมันวิงส์ จงใจพาเครื่องบินตก คร่า 150 ชีวิต.
จริงๆมันก็ไม่เกี่ยวกับไบโพลาร์เลย เพราะสื่อทั่วโลกจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีพูดถึงชื่อโรคอะไร เพราะจรรยาบรรณจิตแพทย์ให้ข้อมูลคนไข้ไม่ได้. แต่ในวันไบโพลาร์โลก สื่อไทยพร้อมใจกันพาดหัวให้เขาเป็นไบโพลาร์. ทั้งที่ไม่มีข้อมูลว่าเขาเคยแมเนีย หรือกินยาคุมอารมณ์ แค่เคยและกำลังมีอาการซึมเศร้า และกินยาต้านเศร้า (บางสื่อคาดว่าเป็นอาการ psychotic depression ไม่มีใครพูดถึงอาการแมเนียหรือไบโพลาร์).
• ข่าวสด “ชี้นักบินเยอรมันมรณะป่วย ไบโพลาร์ สธ.เผยเป็นโรคอันตราย-สังเกตยาก” • มติชน “ช็อค! เชื่อหรือไม่-ไทยป่วย′ไบโพลาร์′นับล้านคน! โรคเดียวกับนักบินเยอรมันวิงส์” • ผู้จัดการ “รักษา ‘ไบโพลาร์’ ไม่ต่อเนื่องเสี่ยงเป็นซ้ำ 90% ชี้ ผช.นักบินเยอรมันวิงส์ก็ป่วย” • ไทยรัฐ “ไทยเป็นไบโพลาร์นับล้าน โรคเดียวกับนักบินเยอรมัน”
วันไบโพลาร์โลก 2558 เลยกลายเป็นตอกย้ำให้เข้าใจผิดว่าผู้ป่วยอันตราย ทำร้ายคนได้อย่างเลือดเย็น. นั่นผ่านมา 1 ปีพอดี ปัญหาตอนนี้คือ ทำไงให้วันไบโพลาร์โลกที่กำลังจะถึงนี้ ไม่กลับตาลปัตรแบบนั้นอีก. และโชคก็ไม่เข้าข้างเราเมื่อมีผู้ป่วยหญิง 2 คนเป็นข่าวช่วงก่อนหน้านี้พอดี. กับฆาตกรหลังพวงมาลัยที่สื่อวินิจฉัยว่าเป็นไบโพลาร์อีก. น่าห่วงว่าอารมณ์ข่าวจะวาดภาพให้ไบโพลาร์อันตราย สวนเจตนารมณ์ของวันไบโพลาร์โลกอีกหรือเปล่า.
ถ้าคนเขียนข่าวอ่านอยู่ พวกเราทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล ขอร้องให้นำเสนอข้อมูลข่าวเกี่ยวกับโรคจิตเวชอย่างเป็นกลาง. เพราะยิ่งคนเกลียดไบโพลาร์ คนที่เป็นโรคนี้ก็จะรับไม่ได้ ไม่หาหมอรักษา. หรือหยุดยาเอง เพราะไม่อยากจำว่าป่วยโรคที่สังคมรังเกียจ. แล้วเขาก็จะแมเนียหนัก จนทยอยกันออกมาป่วนแบบผู้ป่วยหญิง 2 คนนั้น. ไม่งั้นก็ดีเพรสหนักจนฆ่าตัวตาย. 1 ใน 5 ของพวกเราตายแบบนี้² ทั้งที่เป็นโรคที่ยารักษาได้ดี. สาเหตุหลักก็คือตราบาปที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ยอมรักษา. และสื่อก็มีส่วนมากในปัญหานี้ เราจึงอยากขอร้องให้ร่วมกันแก้ไข. ส่วนคนทั่วไปก็อยากให้ช่วยแชร์บทความนี้ไป เผื่อคนที่เกี่ยวข้องจะได้เห็น.
ผู้ป่วยไบโพลาร์จริงๆเป็นอย่างไร?
——————————————
คำอธิบายทางการแพทย์ดูลิงค์อ้างอิงข้างล่าง แต่ผมจะสรุปภาษาชาวบ้าน พอให้อ่านบทความนี้เข้าใจ. ชีวิตผู้ป่วยเราที่“ยังไม่หาย”จะแบ่งเป็น 3 ช่วงหรือโหมด คือ ปกติ, ดีเพรส, แมเนีย โดยโหมดแมเนียมี 2 ระดับ. เมื่อเราหลุดเข้าไปในโหมดไหน แล้วมักจะค้างอยู่โหมดนั้นเป็น“สัปดาห์”ขึ้นไป.
• ช่วงดีเพรส คือโหมดหมดแรงจนทำงานไม่ได้ ท้อแท้ รู้สึกไร้ค่า เก็บตัว
• ช่วงแมเนียน้อยๆ คือโหมดไฮเปอร์จนมีปัญหา แอคทีฟ หลงตัวเอง พูดมาก ลงทุนและลงมือโครงการมาก
• ช่วงแมเนียเต็มขั้น จะแถมอาการประสาทหลอน (เห็น/ได้ยิน…สิ่งที่ไม่มีจริง) หรือหลงผิด (เช่นเชื่อว่าตัวเองเป็นมหาเศรษฐี, บรรลุธรรม, มีคนปองร้าย).
เวลาเห็นข่าวผู้ป่วยที่เหมือนคนบ้า (เช่นแก้ผ้าหรือกลายเป็นคนจรจัด) ก็คือโหมดแมเนียเต็มขั้นนี้. เนื่องจากแมเนียรักษาด้วยยาได้ดี ถ้าตามรายละเอียดข่าว จะพบว่าสาเหตุคือผู้ป่วยหยุดยาเองเสมอ.
มีหลุมพรางอยู่ในคำอธิบายทุกโรคจิตเวช. คนอ่านอาการไบโพลาร์แล้วจะคิดว่าตัวเองก็เป็น เพราะมองข้าม 2 “เงื่อนไข”สำคัญ คือ “ระยะเวลา” และ “ความรุนแรง”. ระยะเวลาคือ เราค้างอยู่โหมดเดิมมักเป็นสัปดาห์ขึ้นไป โหมดดีเพรสก็ท้อทุกวัน โหมดแมเนียก็ไฮเปอร์ทุกวัน. ความรุนแรงคือ หนักจนเป็นอุปสรรคกับชีวิต คือมันไม่ใช่อารมณ์ขึ้นๆลงๆธรรมดา. โรคนี้ไม่ได้เป็นง่ายๆ ถ้าไม่มีพันธุกรรม. มันไม่ใช่นิสัยเสีย แต่เป็นความผิดปกติของสมอง (สแกนเห็น) เหมือนอัลไซเมอร์ แต่กินยาก็หายได้.
ความสับสนกับ “ชื่อ” โรค
———————————
เนื่องจากโรงเรียนไม่สอน ปัจจุบันสังคมไทยจึงเพิ่งรู้จักโรคจิตเวชแค่ 3 โรคคือ คนบ้า (สกิตโซฟรีเนีย), โรคซึมเศร้า และไบโพลาร์. พอคนเห็นใครมีปัญหาจิตเวช จึงเหมาอยู่ 3 โรคนี้. เช่นรู้ว่าใครพบจิตแพทย์ก็เหมาว่าเป็นคนบ้า. แต่ถ้าเกลียดใครก็จะให้เป็นไบโพลาร์. ที่มาลงที่ไบโพลาร์ ส่วนนึงเพราะชื่อโรคภาษาอังกฤษ ชวนให้ตีความได้ตามอำเภอใจ. และคำว่า “ไบ” ก็กระตุ้นจินตนาการมาก. เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คนจึงไม่สนใจหานิยามของแพทย์. เท่าที่ผมสังเกตคนไทยจะมีจินตนาการอยู่ 4 แบบ. แต่ละแบบควรจะใช้คำอื่นจะถูกต้องกว่า:-
(ก) โรคสองบุคลิก
ความจริงไม่มีโรคจิตเวชชื่อโรคสองบุคลิก. อันนี้เกิดจากคนเก่งอังกฤษเลยแปลชื่อไบโพลาร์ตามใจ. ไบแปลว่าสอง ใช่. แต่โพลาร์แปลว่าขั้ว. ไบโพลาร์แปลทางการว่า โรค“อารมณ์”สองขั้ว เพราะผู้ป่วยเรามีอารมณ์ผิดปกติสองโหมด. เราไม่ได้มีคนสองคนอยู่ข้างใน สลับไปมาบ่อยๆ เหมือนในหนังสยองขวัญที่ตัวละครเป็นโรค “multiple personality disorder” (DID).
(ข) เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เวลาดีก็ดีมาก เวลาร้ายก็ชอบทำร้ายคน
มาจากแปลไบโพลาร์ว่า 2 ขั้ว แล้วคิดเอาเองว่าคือสุดขั้ว ดีสุดๆ-ร้ายสุดๆ. ความจริงมันคือขั้วของอารมณ์ ท้อสุดๆ-ไฮเปอร์สุดๆ ต่างหาก. แล้วเราไม่ได้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับไปมา. เรามักดีเพรสเป็นเดือน แมเนียเป็นสัปดาห์. คนที่นาทีนึงอารมณ์ดี นาทีนึงร้องไห้ นาทีนึงทำร้ายคนอื่น น่าจะเป็นคนบ้ามากกว่า. ถ้าระดับน้อยๆพอให้หมั่นไส้ ฝรั่งจะใช้คำว่า“ฮีสทีเรีย” ซึ่งไม่ใช่โรค บางคนจะเรียกว่า“อารมณ์ศิลปิน”ด้วยซ้ำ.
(ค) ไม่มีความเห็นใจคนอื่น ทำร้ายคนได้อย่างเลือดเย็น
มาจากหนังละครที่ชอบให้ผู้ป่วยเป็นผู้ร้าย. และเพราะคนไทยไม่ค่อยรู้จักคำว่า“ไซโคพาท” เลยใช้คำว่าไบโพลาร์แทน. จริงๆลักษณะนี้เปิดตำราดูจะไม่เกี่ยวกับอาการไบโพลาร์เลย.
(ง) สองหน้า กลับกลอก หน้าไหว้หลังหลอก โกหกตาใสตลอดเวลา
มาจากแปลแค่คำว่า “ไบ” แล้วนึกภาพเป็นคนสองหน้า. พอเจอคนโกหกหน้าด้านๆ (โดยเฉพาะนักการเมือง) ก็เลยด่าว่าไบโพลาร์. เช่นนักการเมืองท่านนึงเหน็บแนมอีกท่านว่า¹¹ “เวลาคนพูดจริงบ้าง โกหกบ้าง ผสมปนเปกันไป แยกผิดแยกถูกไม่ได้ เขาเรียกว่าโรคไบโพลาร์หรือคนสองขั้ว”.
จริงๆนิสัยนี้ก็ไม่เกี่ยวกับอาการไบโพลาร์เลย. ถ้าใครเป็นแบบนั้นจริงๆก็เรียกว่า pathological liar หรือ “เด็กเลี้ยงแกะ” (หรือ “นาธาน”) ก็ได้. แต่ในทางการเมือง เขาแค่ต้องการด่าฝ่ายตรงข้ามว่า “สองมาตรฐาน”เท่านั้นเอง.
กรณีตัวอย่างความสับสนชื่อโรค
—————————————
กรณีวันชัย แสงขาว ฆ่าข่มขืนเด็กแล้วโยนทิ้งจากรถไฟ มีนักจิตวิทยาเข้าไปประเมินวันชัย. แล้วนักข่าวก็รายงานจากที่“แหล่งข่าว”เล่าถึงการประเมินนั้นอีกที เป็นข่าวฮือฮาทุกสื่อและโซเชียลฯว่า วันชัยเป็นโรคสองบุคลิก. ซึ่งคนไทยเข้าใจว่าคือไบโพลาร์ เลยสรุปว่าไบโพลาร์ทำให้คนเป็นอาชญากรเลือดเย็นขนาดนี้. จากนั้นไม่ว่าคดีอะไรที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ (เช่นยิงหมา) จะมีคนพยากรณ์ว่าไบโพลาร์เสมอ ทั้งที่สาเหตุอันดับนึงคือยาเสพติดและเหล้า เหมือนอย่างกรณีวันชัย.
ถ้าดูจากเนื้อข่าวนี้ จะสรุปได้ว่าวันชัยเป็นไซโคพาทเท่านั้น. การอารมณ์ดีบ้าง โหดร้ายบ้าง เป็นนิสัยคน anti-social ธรรมดาๆ ไม่ใช่ multiple personality disorder ด้วยซ้ำ เพราะการมี 2 คนในร่างเดียวหมายถึงแต่ละคนไม่รู้การกระทำของอีกคนด้วย. นักจิตวิทยาแค่บอกว่าวันชัยมีบุคลิก 2 แบบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นโรคสองบุคลิก (ซึ่งไม่มี). การเล่าต่อของแหล่งข่าว นักข่าว และชาวเน็ต ที่ต่างไม่มีความรู้จิตเวช ทำให้สารค่อยๆเพี้ยนไป จนวันชัยเป็นไบโพลาร์ในที่สุด.
(อ่านต่อ…)
—
¹โรคอารมณ์สองขั้ว (โรคไบโพลาร์)
—
http://www.thaifamilylink.net/web/node/154
²Bipolar Disorder Statistics
—
http://www.dbsalliance.org/site/PageServer?pagename=education_statistics_bipolar_disorder
³นักจิตวิทยาชี้ "ไอ้เกม" วันชัย แสงขาว มีอาการคนสองบุคลิก บำบัดจิตให้เป็นปกติไม่ได้
“แหล่งข่าวระดับสูงในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากทางเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ส่งนักจิตวิทยาเรือนจำเข้าไปพูดคุยเพื่อทำจิตบำบัดกับนายวันชัย หรือเกม แสงขาว 1 ในผู้ต้องหาข่มขืนและฆ่าเด็กหญิง วัย 13 ขวบบนรถไฟ พบว่านายวัยชัยเป็นบุคคลที่ 2 บุคลิค มีทั้งการแสดงสีหน้าเรียบเฉย ยิ้มแย้มแจ่มใส อีกพฤติกรรมคือมีสภาพจิตใจโหดร้าย
จากผลของการพูดคุยและให้ให้ปากคำนายวัยชัย ไม่สะทกสะท้านในการลงมือข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่าบนรถไฟ โดยจะยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม”
—
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qQXhNakUyTXc9PQ==§ionid=
¹¹ชูวิทย์ โพสต์เหน็บสุเทพ ชี้เป็นโรค "ไบ โพลาร์"
—
http://news.sanook.com/1508026/
วันไบโพลาร์โลก วันแห่งความเข้าใจ? (ยาว)
30 มีนาคม วันไบโพลาร์โลกควรจะเป็นวันที่สังคมได้ทำความรู้จักโรคไบโพลาร์ เพื่อลดตราบาปคือการมองผู้ป่วยอย่างผิดๆ. แต่ปีที่แล้วผลออกมาตรงกันข้าม. คนไทยตื่นตัวสนใจ“ชื่อ”โรคไบโพลาร์มาก แต่ไม่ได้รู้จักข้อมูลจริงๆ ทั้งที่หลายหน่วยงานช่วยกันให้ความรู้. เพราะบังเอิญโชคร้าย ก่อนหน้านั้นแค่ 6 วัน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ นักบินสายการบินเยอรมันวิงส์ จงใจพาเครื่องบินตก คร่า 150 ชีวิต.
จริงๆมันก็ไม่เกี่ยวกับไบโพลาร์เลย เพราะสื่อทั่วโลกจนถึงวันนี้ ก็ไม่มีพูดถึงชื่อโรคอะไร เพราะจรรยาบรรณจิตแพทย์ให้ข้อมูลคนไข้ไม่ได้. แต่ในวันไบโพลาร์โลก สื่อไทยพร้อมใจกันพาดหัวให้เขาเป็นไบโพลาร์. ทั้งที่ไม่มีข้อมูลว่าเขาเคยแมเนีย หรือกินยาคุมอารมณ์ แค่เคยและกำลังมีอาการซึมเศร้า และกินยาต้านเศร้า (บางสื่อคาดว่าเป็นอาการ psychotic depression ไม่มีใครพูดถึงอาการแมเนียหรือไบโพลาร์).
• ข่าวสด “ชี้นักบินเยอรมันมรณะป่วย ไบโพลาร์ สธ.เผยเป็นโรคอันตราย-สังเกตยาก” • มติชน “ช็อค! เชื่อหรือไม่-ไทยป่วย′ไบโพลาร์′นับล้านคน! โรคเดียวกับนักบินเยอรมันวิงส์” • ผู้จัดการ “รักษา ‘ไบโพลาร์’ ไม่ต่อเนื่องเสี่ยงเป็นซ้ำ 90% ชี้ ผช.นักบินเยอรมันวิงส์ก็ป่วย” • ไทยรัฐ “ไทยเป็นไบโพลาร์นับล้าน โรคเดียวกับนักบินเยอรมัน”
วันไบโพลาร์โลก 2558 เลยกลายเป็นตอกย้ำให้เข้าใจผิดว่าผู้ป่วยอันตราย ทำร้ายคนได้อย่างเลือดเย็น. นั่นผ่านมา 1 ปีพอดี ปัญหาตอนนี้คือ ทำไงให้วันไบโพลาร์โลกที่กำลังจะถึงนี้ ไม่กลับตาลปัตรแบบนั้นอีก. และโชคก็ไม่เข้าข้างเราเมื่อมีผู้ป่วยหญิง 2 คนเป็นข่าวช่วงก่อนหน้านี้พอดี. กับฆาตกรหลังพวงมาลัยที่สื่อวินิจฉัยว่าเป็นไบโพลาร์อีก. น่าห่วงว่าอารมณ์ข่าวจะวาดภาพให้ไบโพลาร์อันตราย สวนเจตนารมณ์ของวันไบโพลาร์โลกอีกหรือเปล่า.
ถ้าคนเขียนข่าวอ่านอยู่ พวกเราทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล ขอร้องให้นำเสนอข้อมูลข่าวเกี่ยวกับโรคจิตเวชอย่างเป็นกลาง. เพราะยิ่งคนเกลียดไบโพลาร์ คนที่เป็นโรคนี้ก็จะรับไม่ได้ ไม่หาหมอรักษา. หรือหยุดยาเอง เพราะไม่อยากจำว่าป่วยโรคที่สังคมรังเกียจ. แล้วเขาก็จะแมเนียหนัก จนทยอยกันออกมาป่วนแบบผู้ป่วยหญิง 2 คนนั้น. ไม่งั้นก็ดีเพรสหนักจนฆ่าตัวตาย. 1 ใน 5 ของพวกเราตายแบบนี้² ทั้งที่เป็นโรคที่ยารักษาได้ดี. สาเหตุหลักก็คือตราบาปที่ทำให้ผู้ป่วยไม่ยอมรักษา. และสื่อก็มีส่วนมากในปัญหานี้ เราจึงอยากขอร้องให้ร่วมกันแก้ไข. ส่วนคนทั่วไปก็อยากให้ช่วยแชร์บทความนี้ไป เผื่อคนที่เกี่ยวข้องจะได้เห็น.
ผู้ป่วยไบโพลาร์จริงๆเป็นอย่างไร?
——————————————
คำอธิบายทางการแพทย์ดูลิงค์อ้างอิงข้างล่าง แต่ผมจะสรุปภาษาชาวบ้าน พอให้อ่านบทความนี้เข้าใจ. ชีวิตผู้ป่วยเราที่“ยังไม่หาย”จะแบ่งเป็น 3 ช่วงหรือโหมด คือ ปกติ, ดีเพรส, แมเนีย โดยโหมดแมเนียมี 2 ระดับ. เมื่อเราหลุดเข้าไปในโหมดไหน แล้วมักจะค้างอยู่โหมดนั้นเป็น“สัปดาห์”ขึ้นไป.
• ช่วงดีเพรส คือโหมดหมดแรงจนทำงานไม่ได้ ท้อแท้ รู้สึกไร้ค่า เก็บตัว
• ช่วงแมเนียน้อยๆ คือโหมดไฮเปอร์จนมีปัญหา แอคทีฟ หลงตัวเอง พูดมาก ลงทุนและลงมือโครงการมาก
• ช่วงแมเนียเต็มขั้น จะแถมอาการประสาทหลอน (เห็น/ได้ยิน…สิ่งที่ไม่มีจริง) หรือหลงผิด (เช่นเชื่อว่าตัวเองเป็นมหาเศรษฐี, บรรลุธรรม, มีคนปองร้าย).
เวลาเห็นข่าวผู้ป่วยที่เหมือนคนบ้า (เช่นแก้ผ้าหรือกลายเป็นคนจรจัด) ก็คือโหมดแมเนียเต็มขั้นนี้. เนื่องจากแมเนียรักษาด้วยยาได้ดี ถ้าตามรายละเอียดข่าว จะพบว่าสาเหตุคือผู้ป่วยหยุดยาเองเสมอ.
มีหลุมพรางอยู่ในคำอธิบายทุกโรคจิตเวช. คนอ่านอาการไบโพลาร์แล้วจะคิดว่าตัวเองก็เป็น เพราะมองข้าม 2 “เงื่อนไข”สำคัญ คือ “ระยะเวลา” และ “ความรุนแรง”. ระยะเวลาคือ เราค้างอยู่โหมดเดิมมักเป็นสัปดาห์ขึ้นไป โหมดดีเพรสก็ท้อทุกวัน โหมดแมเนียก็ไฮเปอร์ทุกวัน. ความรุนแรงคือ หนักจนเป็นอุปสรรคกับชีวิต คือมันไม่ใช่อารมณ์ขึ้นๆลงๆธรรมดา. โรคนี้ไม่ได้เป็นง่ายๆ ถ้าไม่มีพันธุกรรม. มันไม่ใช่นิสัยเสีย แต่เป็นความผิดปกติของสมอง (สแกนเห็น) เหมือนอัลไซเมอร์ แต่กินยาก็หายได้.
ความสับสนกับ “ชื่อ” โรค
———————————
เนื่องจากโรงเรียนไม่สอน ปัจจุบันสังคมไทยจึงเพิ่งรู้จักโรคจิตเวชแค่ 3 โรคคือ คนบ้า (สกิตโซฟรีเนีย), โรคซึมเศร้า และไบโพลาร์. พอคนเห็นใครมีปัญหาจิตเวช จึงเหมาอยู่ 3 โรคนี้. เช่นรู้ว่าใครพบจิตแพทย์ก็เหมาว่าเป็นคนบ้า. แต่ถ้าเกลียดใครก็จะให้เป็นไบโพลาร์. ที่มาลงที่ไบโพลาร์ ส่วนนึงเพราะชื่อโรคภาษาอังกฤษ ชวนให้ตีความได้ตามอำเภอใจ. และคำว่า “ไบ” ก็กระตุ้นจินตนาการมาก. เพราะจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คนจึงไม่สนใจหานิยามของแพทย์. เท่าที่ผมสังเกตคนไทยจะมีจินตนาการอยู่ 4 แบบ. แต่ละแบบควรจะใช้คำอื่นจะถูกต้องกว่า:-
(ก) โรคสองบุคลิก
ความจริงไม่มีโรคจิตเวชชื่อโรคสองบุคลิก. อันนี้เกิดจากคนเก่งอังกฤษเลยแปลชื่อไบโพลาร์ตามใจ. ไบแปลว่าสอง ใช่. แต่โพลาร์แปลว่าขั้ว. ไบโพลาร์แปลทางการว่า โรค“อารมณ์”สองขั้ว เพราะผู้ป่วยเรามีอารมณ์ผิดปกติสองโหมด. เราไม่ได้มีคนสองคนอยู่ข้างใน สลับไปมาบ่อยๆ เหมือนในหนังสยองขวัญที่ตัวละครเป็นโรค “multiple personality disorder” (DID).
(ข) เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เวลาดีก็ดีมาก เวลาร้ายก็ชอบทำร้ายคน
มาจากแปลไบโพลาร์ว่า 2 ขั้ว แล้วคิดเอาเองว่าคือสุดขั้ว ดีสุดๆ-ร้ายสุดๆ. ความจริงมันคือขั้วของอารมณ์ ท้อสุดๆ-ไฮเปอร์สุดๆ ต่างหาก. แล้วเราไม่ได้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายสลับไปมา. เรามักดีเพรสเป็นเดือน แมเนียเป็นสัปดาห์. คนที่นาทีนึงอารมณ์ดี นาทีนึงร้องไห้ นาทีนึงทำร้ายคนอื่น น่าจะเป็นคนบ้ามากกว่า. ถ้าระดับน้อยๆพอให้หมั่นไส้ ฝรั่งจะใช้คำว่า“ฮีสทีเรีย” ซึ่งไม่ใช่โรค บางคนจะเรียกว่า“อารมณ์ศิลปิน”ด้วยซ้ำ.
(ค) ไม่มีความเห็นใจคนอื่น ทำร้ายคนได้อย่างเลือดเย็น
มาจากหนังละครที่ชอบให้ผู้ป่วยเป็นผู้ร้าย. และเพราะคนไทยไม่ค่อยรู้จักคำว่า“ไซโคพาท” เลยใช้คำว่าไบโพลาร์แทน. จริงๆลักษณะนี้เปิดตำราดูจะไม่เกี่ยวกับอาการไบโพลาร์เลย.
(ง) สองหน้า กลับกลอก หน้าไหว้หลังหลอก โกหกตาใสตลอดเวลา
มาจากแปลแค่คำว่า “ไบ” แล้วนึกภาพเป็นคนสองหน้า. พอเจอคนโกหกหน้าด้านๆ (โดยเฉพาะนักการเมือง) ก็เลยด่าว่าไบโพลาร์. เช่นนักการเมืองท่านนึงเหน็บแนมอีกท่านว่า¹¹ “เวลาคนพูดจริงบ้าง โกหกบ้าง ผสมปนเปกันไป แยกผิดแยกถูกไม่ได้ เขาเรียกว่าโรคไบโพลาร์หรือคนสองขั้ว”.
จริงๆนิสัยนี้ก็ไม่เกี่ยวกับอาการไบโพลาร์เลย. ถ้าใครเป็นแบบนั้นจริงๆก็เรียกว่า pathological liar หรือ “เด็กเลี้ยงแกะ” (หรือ “นาธาน”) ก็ได้. แต่ในทางการเมือง เขาแค่ต้องการด่าฝ่ายตรงข้ามว่า “สองมาตรฐาน”เท่านั้นเอง.
กรณีตัวอย่างความสับสนชื่อโรค
—————————————
กรณีวันชัย แสงขาว ฆ่าข่มขืนเด็กแล้วโยนทิ้งจากรถไฟ มีนักจิตวิทยาเข้าไปประเมินวันชัย. แล้วนักข่าวก็รายงานจากที่“แหล่งข่าว”เล่าถึงการประเมินนั้นอีกที เป็นข่าวฮือฮาทุกสื่อและโซเชียลฯว่า วันชัยเป็นโรคสองบุคลิก. ซึ่งคนไทยเข้าใจว่าคือไบโพลาร์ เลยสรุปว่าไบโพลาร์ทำให้คนเป็นอาชญากรเลือดเย็นขนาดนี้. จากนั้นไม่ว่าคดีอะไรที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ (เช่นยิงหมา) จะมีคนพยากรณ์ว่าไบโพลาร์เสมอ ทั้งที่สาเหตุอันดับนึงคือยาเสพติดและเหล้า เหมือนอย่างกรณีวันชัย.
ถ้าดูจากเนื้อข่าวนี้ จะสรุปได้ว่าวันชัยเป็นไซโคพาทเท่านั้น. การอารมณ์ดีบ้าง โหดร้ายบ้าง เป็นนิสัยคน anti-social ธรรมดาๆ ไม่ใช่ multiple personality disorder ด้วยซ้ำ เพราะการมี 2 คนในร่างเดียวหมายถึงแต่ละคนไม่รู้การกระทำของอีกคนด้วย. นักจิตวิทยาแค่บอกว่าวันชัยมีบุคลิก 2 แบบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นโรคสองบุคลิก (ซึ่งไม่มี). การเล่าต่อของแหล่งข่าว นักข่าว และชาวเน็ต ที่ต่างไม่มีความรู้จิตเวช ทำให้สารค่อยๆเพี้ยนไป จนวันชัยเป็นไบโพลาร์ในที่สุด.
(อ่านต่อ…)
—
¹โรคอารมณ์สองขั้ว (โรคไบโพลาร์)
— http://www.thaifamilylink.net/web/node/154
²Bipolar Disorder Statistics
— http://www.dbsalliance.org/site/PageServer?pagename=education_statistics_bipolar_disorder
³นักจิตวิทยาชี้ "ไอ้เกม" วันชัย แสงขาว มีอาการคนสองบุคลิก บำบัดจิตให้เป็นปกติไม่ได้
“แหล่งข่าวระดับสูงในเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากทางเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ส่งนักจิตวิทยาเรือนจำเข้าไปพูดคุยเพื่อทำจิตบำบัดกับนายวันชัย หรือเกม แสงขาว 1 ในผู้ต้องหาข่มขืนและฆ่าเด็กหญิง วัย 13 ขวบบนรถไฟ พบว่านายวัยชัยเป็นบุคคลที่ 2 บุคลิค มีทั้งการแสดงสีหน้าเรียบเฉย ยิ้มแย้มแจ่มใส อีกพฤติกรรมคือมีสภาพจิตใจโหดร้าย
จากผลของการพูดคุยและให้ให้ปากคำนายวัยชัย ไม่สะทกสะท้านในการลงมือข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่าบนรถไฟ โดยจะยอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม”
— http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qQXhNakUyTXc9PQ==§ionid=
¹¹ชูวิทย์ โพสต์เหน็บสุเทพ ชี้เป็นโรค "ไบ โพลาร์"
— http://news.sanook.com/1508026/