TRUEเดินเกมขอลดค่าไลเซนส์4G
"ทรู คอร์ปอเรชั่น" ร่อนหนังสือดักคอ กสทช. จี้เร่งประมูลคลื่น 900MHz ใหม่ อย่างโปร่งใสและเสมอภาค ย้ำราคาเริ่มต้นควรอยู่ที่ 7.56 หมื่นลบ. ตามที่ JAS ประมูลได้ หรือหากผู้ชนะประมูลรอบใหม่ได้ราคาต่ำกว่า ต้องยอมลดค่าไลเซนส์ให้ TRUE พร้อมตัดพ้อ เป็นผู้ชนะประมูล ต้องแบกภาระต้นทุน แต่ AIS ที่แพ้ประมูล กลับได้ใช้คลื่น 900 MHz ฟรี ระทึก!เปิดมาตรา 8 พ.ร.บ. ฮั้วประมูล เอาผิด JAS หลังทิ้งไลเซนส์ 4G โทษถึงขั้นติดคุก - ปรับ 50% ของราคาประมูล
*** TRUE จี้ กสทช.เร่งเปิดประมูลคลื่น 900MHz ใหม่
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ TRUE ออกแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มทรูฯได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ให้เร่งจัดสรรคลื่นความถี่คลื่น 900 MHz ใหม่ โดยวิธีการประมูลอย่างโปร่งใส ยึดหลักความเป็นธรรมคำนึงถึงผลกระทบภาพพจน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจของนักธุรกิจและนักลงทุนทั่วไปในภาคส่วนต่างๆทั่วโลก กล่าวคือ การประมูลคลื่นความถี่คราวนี้ มีผู้เข้าประมูลสี่ราย มีผู้ยอมแพ้ออกจากการประมูลสองราย มีผู้ชนะการประมูลให้ราคาสูงสุดสองราย คือ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด และ ทรูฯ แต่มีเพียงทรูฯผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันทางการเงินตามเงื่อนไขการประมูล แต่แจสฯซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลที่สู้ราคาถึง 75,654 ล้านบาท ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันทางการเงินต่อ กสทช.
*** ลั่นราคาตั้งต้นต้องเริ่มที่ 7.56 หมื่นลบ. หรือยอมลดค่าไลเซนส์ให้ TRUE
ทั้งนี้ หาก กสทช. จะจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ที่แจสฯเคยประมูลชนะแต่ไม่ชำระเงิน ก็ควรที่จะจัดประมูลใหม่เพื่อให้ผู้ที่ชนะการประมูลรายใหม่มีราคาต้นทุนไม่น้อยกว่าต้นทุนที่บริษัทฯ ต้องรับภาระอยู่ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการแข่งขันทางการค้า และเพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันการเงินต่อ กสทช. และผู้ที่แพ้ไม่ยอมประมูลสู้ราคาในการประมูลคราวก่อน กลับกลายเป็นได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้ากับกลุ่มทรูฯ ซึ่งชนะการประมูลและเป็นผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธกรณีกับ กสทช.
ตัวอย่างเช่น กสทช. ควรตั้งราคาเริ่มต้นการประมูลเริ่มต้นของคลื่นย่าน 900 MHz ที่ราคาเดียวกันกับที่ แจสฯ ประมูลชนะคือ 75,654 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันกับที่ใช้อยู่กับบริษัทฯ หรือในกรณีที่ผู้ประมูลในครั้งใหม่นี้ประมูลชนะในราคาต่ำกว่า 75,654 ล้านบาท ก็ให้ปรับลดราคาที่บริษัทฯ จะต้องชำระค่าคลื่นให้แก่ กสทช. ที่บริษัทฯชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ลงมาเท่ากับราคาที่ผู้ชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ครั้งใหม่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน
เพื่อให้บริษัทฯผู้ชนะการประมูลและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การประมูลไม่เสียเปรียบแก่กันในการแข่งขันในการให้บริการ มิฉะนั้นแล้ว การปฏิบัติที่ทำให้ผู้ที่ผิดหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันการเงินต่อ กสทช. และผู้ที่แพ้ไม่ยอมประมูลสู้ราคาในการประมูลคราวก่อน ได้เปรียบในการแข่งขันทางการแข่งขันกับบริษัทฯ ซึ่งชนะการประมูลและเป็นผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธกรณีกับ กสทช. จะเป็นที่ครหาและดูแคลนของนักลงทุนและนักธุรกิจนานาชาติที่จับตาดูเรื่องนี้อยู่
*** ตัดพ้อ กสทช. ชี้ AIS แพ้ประมูล แต่ได้ใช้คลื่น 900MHz ฟรี
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น แถลงการณ์ด้วยว่า การดำเนินการต่างๆก็ไม่ควรที่จะให้ เครือเอไอเอส สามารถใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า หารายได้โดยที่เอไอเอสไม่ต้องจ่ายค่าใช้คลื่น 900 MHz เพราะนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมนานาประเทศ รวมทั้งสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนผู้ถือหุ้นต่างชาติที่ให้การสนับสนุนการประมูลของบริษัทฯ ก็สับสนไม่เข้าใจว่าเหตุใดบริษัทฯผู้ชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ต้องแบกภาระการลงทุนสร้างโครงข่ายและจ่ายเงินเพื่อใช้คลื่นความถี่
ในขณะที่เครือเอไอเอสผู้แพ้การประมูลกลับสามารถใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHzที่ชนะโดยแจสฯได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคลื่นเพื่อหารายได้ เช่นนี้ จะเกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันให้บริการได้อย่างไร เหมือนกับว่าการประมูลในประเทศนี้ การแพ้หรือชนะการประมูลไม่มีความหมาย เพราะผู้แพ้การประมูลก็สามารถใช้คลื่นได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ชนะการประมูลได้ สำคัญกันที่ว่าใครจะมีอุบายหรือลูกเล่นกันอย่างไร เช่นนี้ จะเป็นสร้างความไม่มั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ และจะเป็นการชี้นำให้ผู้เข้าประมูลอื่นๆหาช่องทางที่จะใช้อุบายหาทางเอาเปรียบในเชิงการแข่งขันกันต่อไปในอนาคต การที่เครือเอไอเอสเข้าใช้คลื่นย่าน 900 MHz นี้ จึงควรที่จะต้องมีภาระค่าใช้คลื่นตามสัดส่วนของราคาค่าประมูลคลื่นเช่นกัน
*** เปิดมาตรา 8 พ.ร.บ. ฮั้วประมูล เอาผิด JAS
สำหรับกรณีที่"แจส โมบายฯ" ในเครือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ทิ้งใบอนุญาตคลื่น 900MHz หลังชนะประมูลนั้น "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้สืบค้นข้อมูลในแง่ของกฎหมายที่อาจจะใช้ฟ้องร้องเอาผิดหรือเรียกค่าเสียหายจาก"แจส โมบายฯ" ได้ โดยใช้ช่องทางพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “กฏหมายฮั้วประมูล”
โดยในข้อ 1.5 ความผิดฐานเสนอราคาที่สูงหรือต่ำเกินปกติจนไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาได้(มาตรา 8) ระบุว่า ผู้ใดโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำมากเกินกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือ เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่านั้น เป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอ ราคา หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นด้วย ในการพิจารณาดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ถ้ามีการร้องขอให้ศาลพิจารณากำหนดค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องรับภาระเพิ่มขึ้นให้แก่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสองด้วย
1.6 ความรับผิดของผู้แทนนิติบุคคลในกรณีมีการกระทำความผิดที่เป็นประโยชน์ต่อนิติบุคคล (มาตรา 9 ) ในกรณีที่การกระทำความผิด เป็นไปเพื่อนิติบุคคลใด ให้ถือว่า หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลในเรื่องนั้น เป็นตัวการร่วมในการกระทำผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดนั้น
*** จงใจประมูล "แพงเกินปกติ" เพื่อ "ทิ้งประมูล" หรือไม่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นการใช้ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ในแง่ของราคาประมูลที่ "ต่ำเกินปกติ" แต่กรณีของ JAS อาจเรียกว่าเป็นกรณีแรกที่ต้องพิสูจน์ว่า ประมูลในราคา "สูงเกินปกติ" ส่วนจะมี "วัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่านั้นเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้" หรือไม่นั้น คงต้องอาศัยการสืบสวนในเชิงลึกต่อไป
แต่หากพิจารณาจากการเคาะประมูลที่ราคาสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เจรจากับธนาคารกรุงเทพ เพื่อขอแบงก์การันตีเพียงแค่ 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น นั่นอาจหมายความถึงการประมูลเกินศักยภาพของบริษัทฯหรือไม่?
นอกจากนี้ JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งสนใจร่วมลงทุนในแจสโมบาย และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งของประเทศจีน ติดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2559 ซึ่งไม่ทันกำหนดระยะเวลา 90 วันตามที่ระบุใบประกาศ กสทช. และสำนักงาน กสทช.ก็ไม่สามารถผ่อนปรน หรือผ่อนเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาใดๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศ กสทช. ทำให้ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ตามกำหนดเวลา
ขณะที่ กสทช.กลับระบุว่าไม่เคยได้รับแจ้งจาก JAS เรื่องขอขยายเวลาจ่ายค่าไลเซนส์ถึงกลาง เม.ย. ตามที่กล่าวอ้างว่ารอพันธมิตร ซึ่งนี่ยังเป็นเรื่องที่ต้องสอบในเชิงลึกว่า JAS มีการเจรจาพันธมิตร "จริงหรือไม่" และหากทราบอยู่แล้วว่าจะหาแบงก์การันตีไม่ทันตามที่กำหนด เหตุใดจึงไม่เจรจากับ กสทช. เพื่อขยายเวลาวางแบงก์การันตี ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ทำได้ หลังจากศาลปกครองคุ้มครอง AIS ให้ใช้คลื่น 900MHz ล็อตของ JAS ไปจนถึงวันที่ 14 เม.ย. นี้ เพื่อโอนย้ายลูกค้า 2G ที่ยังเหลืออยู่ราว 4 แสนราย
TRUEเดินเกมขอลดค่าไลเซนส์4G ลั่นราคาตั้งต้นต้องเริ่มที่ 7.56 หมื่นลบ. หรือยอมลดค่าไลเซนส์ให้ TRUE
"ทรู คอร์ปอเรชั่น" ร่อนหนังสือดักคอ กสทช. จี้เร่งประมูลคลื่น 900MHz ใหม่ อย่างโปร่งใสและเสมอภาค ย้ำราคาเริ่มต้นควรอยู่ที่ 7.56 หมื่นลบ. ตามที่ JAS ประมูลได้ หรือหากผู้ชนะประมูลรอบใหม่ได้ราคาต่ำกว่า ต้องยอมลดค่าไลเซนส์ให้ TRUE พร้อมตัดพ้อ เป็นผู้ชนะประมูล ต้องแบกภาระต้นทุน แต่ AIS ที่แพ้ประมูล กลับได้ใช้คลื่น 900 MHz ฟรี ระทึก!เปิดมาตรา 8 พ.ร.บ. ฮั้วประมูล เอาผิด JAS หลังทิ้งไลเซนส์ 4G โทษถึงขั้นติดคุก - ปรับ 50% ของราคาประมูล
*** TRUE จี้ กสทช.เร่งเปิดประมูลคลื่น 900MHz ใหม่
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ TRUE ออกแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มทรูฯได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ให้เร่งจัดสรรคลื่นความถี่คลื่น 900 MHz ใหม่ โดยวิธีการประมูลอย่างโปร่งใส ยึดหลักความเป็นธรรมคำนึงถึงผลกระทบภาพพจน์ของประเทศชาติและผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นที่สนใจของนักธุรกิจและนักลงทุนทั่วไปในภาคส่วนต่างๆทั่วโลก กล่าวคือ การประมูลคลื่นความถี่คราวนี้ มีผู้เข้าประมูลสี่ราย มีผู้ยอมแพ้ออกจากการประมูลสองราย มีผู้ชนะการประมูลให้ราคาสูงสุดสองราย คือ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด และ ทรูฯ แต่มีเพียงทรูฯผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันทางการเงินตามเงื่อนไขการประมูล แต่แจสฯซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลที่สู้ราคาถึง 75,654 ล้านบาท ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันทางการเงินต่อ กสทช.
*** ลั่นราคาตั้งต้นต้องเริ่มที่ 7.56 หมื่นลบ. หรือยอมลดค่าไลเซนส์ให้ TRUE
ทั้งนี้ หาก กสทช. จะจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ที่แจสฯเคยประมูลชนะแต่ไม่ชำระเงิน ก็ควรที่จะจัดประมูลใหม่เพื่อให้ผู้ที่ชนะการประมูลรายใหม่มีราคาต้นทุนไม่น้อยกว่าต้นทุนที่บริษัทฯ ต้องรับภาระอยู่ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในการแข่งขันทางการค้า และเพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันการเงินต่อ กสทช. และผู้ที่แพ้ไม่ยอมประมูลสู้ราคาในการประมูลคราวก่อน กลับกลายเป็นได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้ากับกลุ่มทรูฯ ซึ่งชนะการประมูลและเป็นผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธกรณีกับ กสทช.
ตัวอย่างเช่น กสทช. ควรตั้งราคาเริ่มต้นการประมูลเริ่มต้นของคลื่นย่าน 900 MHz ที่ราคาเดียวกันกับที่ แจสฯ ประมูลชนะคือ 75,654 ล้านบาท ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันกับที่ใช้อยู่กับบริษัทฯ หรือในกรณีที่ผู้ประมูลในครั้งใหม่นี้ประมูลชนะในราคาต่ำกว่า 75,654 ล้านบาท ก็ให้ปรับลดราคาที่บริษัทฯ จะต้องชำระค่าคลื่นให้แก่ กสทช. ที่บริษัทฯชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ลงมาเท่ากับราคาที่ผู้ชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ครั้งใหม่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน
เพื่อให้บริษัทฯผู้ชนะการประมูลและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การประมูลไม่เสียเปรียบแก่กันในการแข่งขันในการให้บริการ มิฉะนั้นแล้ว การปฏิบัติที่ทำให้ผู้ที่ผิดหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันการเงินต่อ กสทช. และผู้ที่แพ้ไม่ยอมประมูลสู้ราคาในการประมูลคราวก่อน ได้เปรียบในการแข่งขันทางการแข่งขันกับบริษัทฯ ซึ่งชนะการประมูลและเป็นผู้เดียวที่ปฏิบัติตามพันธกรณีกับ กสทช. จะเป็นที่ครหาและดูแคลนของนักลงทุนและนักธุรกิจนานาชาติที่จับตาดูเรื่องนี้อยู่
*** ตัดพ้อ กสทช. ชี้ AIS แพ้ประมูล แต่ได้ใช้คลื่น 900MHz ฟรี
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น แถลงการณ์ด้วยว่า การดำเนินการต่างๆก็ไม่ควรที่จะให้ เครือเอไอเอส สามารถใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz เพื่อให้บริการแก่ลูกค้า หารายได้โดยที่เอไอเอสไม่ต้องจ่ายค่าใช้คลื่น 900 MHz เพราะนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในวงการอุตสาหกรรมโทรคมนาคมนานาประเทศ รวมทั้งสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนผู้ถือหุ้นต่างชาติที่ให้การสนับสนุนการประมูลของบริษัทฯ ก็สับสนไม่เข้าใจว่าเหตุใดบริษัทฯผู้ชนะการประมูลคลื่นย่าน 900 MHz ต้องแบกภาระการลงทุนสร้างโครงข่ายและจ่ายเงินเพื่อใช้คลื่นความถี่
ในขณะที่เครือเอไอเอสผู้แพ้การประมูลกลับสามารถใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHzที่ชนะโดยแจสฯได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าคลื่นเพื่อหารายได้ เช่นนี้ จะเกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันให้บริการได้อย่างไร เหมือนกับว่าการประมูลในประเทศนี้ การแพ้หรือชนะการประมูลไม่มีความหมาย เพราะผู้แพ้การประมูลก็สามารถใช้คลื่นได้ในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ชนะการประมูลได้ สำคัญกันที่ว่าใครจะมีอุบายหรือลูกเล่นกันอย่างไร เช่นนี้ จะเป็นสร้างความไม่มั่นใจแก่นักลงทุนต่างประเทศ และจะเป็นการชี้นำให้ผู้เข้าประมูลอื่นๆหาช่องทางที่จะใช้อุบายหาทางเอาเปรียบในเชิงการแข่งขันกันต่อไปในอนาคต การที่เครือเอไอเอสเข้าใช้คลื่นย่าน 900 MHz นี้ จึงควรที่จะต้องมีภาระค่าใช้คลื่นตามสัดส่วนของราคาค่าประมูลคลื่นเช่นกัน
*** เปิดมาตรา 8 พ.ร.บ. ฮั้วประมูล เอาผิด JAS
สำหรับกรณีที่"แจส โมบายฯ" ในเครือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ทิ้งใบอนุญาตคลื่น 900MHz หลังชนะประมูลนั้น "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ได้สืบค้นข้อมูลในแง่ของกฎหมายที่อาจจะใช้ฟ้องร้องเอาผิดหรือเรียกค่าเสียหายจาก"แจส โมบายฯ" ได้ โดยใช้ช่องทางพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “กฏหมายฮั้วประมูล”
โดยในข้อ 1.5 ความผิดฐานเสนอราคาที่สูงหรือต่ำเกินปกติจนไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาได้(มาตรา 8) ระบุว่า ผู้ใดโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำมากเกินกว่าปกติจนเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นไปตามลักษณะสินค้าหรือบริการ หรือ เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐสูงกว่าความเป็นจริงตามสิทธิที่จะได้รับ โดยมีวัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและการกระทำเช่นว่านั้น เป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปีและปรับร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่มีการเสนอ ราคา หรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้ตามวรรคหนึ่ง เป็นเหตุให้หน่วยงานของรัฐ ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐนั้นด้วย ในการพิจารณาดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ถ้ามีการร้องขอให้ศาลพิจารณากำหนดค่าใช้จ่ายที่รัฐต้องรับภาระเพิ่มขึ้นให้แก่หน่วยงานของรัฐตามวรรคสองด้วย
1.6 ความรับผิดของผู้แทนนิติบุคคลในกรณีมีการกระทำความผิดที่เป็นประโยชน์ต่อนิติบุคคล (มาตรา 9 ) ในกรณีที่การกระทำความผิด เป็นไปเพื่อนิติบุคคลใด ให้ถือว่า หุ้นส่วนผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจในการดำเนินงานในกิจการของนิติบุคคลนั้น หรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลในเรื่องนั้น เป็นตัวการร่วมในการกระทำผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดนั้น
*** จงใจประมูล "แพงเกินปกติ" เพื่อ "ทิ้งประมูล" หรือไม่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจะเห็นการใช้ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ในแง่ของราคาประมูลที่ "ต่ำเกินปกติ" แต่กรณีของ JAS อาจเรียกว่าเป็นกรณีแรกที่ต้องพิสูจน์ว่า ประมูลในราคา "สูงเกินปกติ" ส่วนจะมี "วัตถุประสงค์เป็นการกีดกันการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และการกระทำเช่นว่านั้นเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาได้" หรือไม่นั้น คงต้องอาศัยการสืบสวนในเชิงลึกต่อไป
แต่หากพิจารณาจากการเคาะประมูลที่ราคาสูงถึง 7.5 หมื่นล้านบาท ทั้งที่เจรจากับธนาคารกรุงเทพ เพื่อขอแบงก์การันตีเพียงแค่ 4 หมื่นล้านบาทเท่านั้น นั่นอาจหมายความถึงการประมูลเกินศักยภาพของบริษัทฯหรือไม่?
นอกจากนี้ JAS แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศจีน ซึ่งสนใจร่วมลงทุนในแจสโมบาย และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งของประเทศจีน ติดข้อจำกัดในเรื่องของระยะเวลาในการขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องของประเทศจีน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางเดือนเมษายน 2559 ซึ่งไม่ทันกำหนดระยะเวลา 90 วันตามที่ระบุใบประกาศ กสทช. และสำนักงาน กสทช.ก็ไม่สามารถผ่อนปรน หรือผ่อนเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาใดๆ ตามที่ระบุไว้ในประกาศ กสทช. ทำให้ไม่สามารถนำหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 72,000 ล้านบาท มามอบให้แก่สำนักงาน กสทช. ได้ตามกำหนดเวลา
ขณะที่ กสทช.กลับระบุว่าไม่เคยได้รับแจ้งจาก JAS เรื่องขอขยายเวลาจ่ายค่าไลเซนส์ถึงกลาง เม.ย. ตามที่กล่าวอ้างว่ารอพันธมิตร ซึ่งนี่ยังเป็นเรื่องที่ต้องสอบในเชิงลึกว่า JAS มีการเจรจาพันธมิตร "จริงหรือไม่" และหากทราบอยู่แล้วว่าจะหาแบงก์การันตีไม่ทันตามที่กำหนด เหตุใดจึงไม่เจรจากับ กสทช. เพื่อขยายเวลาวางแบงก์การันตี ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ทำได้ หลังจากศาลปกครองคุ้มครอง AIS ให้ใช้คลื่น 900MHz ล็อตของ JAS ไปจนถึงวันที่ 14 เม.ย. นี้ เพื่อโอนย้ายลูกค้า 2G ที่ยังเหลืออยู่ราว 4 แสนราย