เรียนแพทย์/ทันตแพทย์ แต่ตอนนี้ท้อมากค่ะ ทำยังไงดี

สวัสดีค่ะ เราเป็นนักเรียนสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ  ปีหน้าจะขึ้นปีคลินิกแล้ว
(จริงๆปีแรกเรียนอักษรศาสตร์ ชอบมากกก แต่แม่ขอให้ซิ่วมาเรียนคณะนี้ )

เรียนตามความต้องการของผู้ปกครองส่วนหนึ่ง คำว่าอาชีพที่มีเกียรติส่วนหนึ่งด้วย
ก็คิดว่าไม่เป็นไร  ทำสิ่งที่ชอบเป็นงานอดิเรกก็ได้  ถ้าสอบติด เรียนไหวก็เรียน

แต่ตอนนี้กำลังจะไม่ไหวแล้วค่ะ.... TT

เจอวิชาคณะฯแรกๆก็แย่เลยค่ะ  แต่ก็สู้นะคะ เกรดเฉลี่ยเทียบกับเพื่อนก็ถือว่าดี
ภายหลังเจออาจารย์ท่านหนึ่งด่าเราเป็นสรณะเลยค่ะ  ตอนนี้เห็นแต่ข้อบกพร่องของตัวเอง ท้อค่ะ
ยิ่งเรียนยิ่งค้นพบว่าไม่ใช่ทางของตัวเอง   เรากลัวว่าตัวเองจะจบไปเป็นหมอที่ดีไม่ได้

ทุกวันนี้กังวลมากค่ะ กลัวขึ้นปีคลินิกไปแล้วตัวเองจะซ้ำชั้น  เรียนไม่จบพร้อมเพื่อน กลัวอาจารย์ด่า กลัวทำงานไม่ได้
กลัวตัวเองจะไดแอกผิด รักษาคนไข้ผิดๆ  กลัวค่ะ กลัวไปหมดทุกอย่าง ยิ่งกลัวยิ่งเครียด

มีช่วงหนึ่งเราเกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าด้วยค่ะ (คิดว่าใช่ ใช่ไหมคะ )
อาการตอนนั้นคือไม่มีความสุขกับการเรียน   ตื่นขึ้นมาก็นอนคิดว่าโดดเรียนวิชาไหนได้บ้าง
ไปเรียนก็แค่นั่งเรียน เนื้อหาไม่เข้าหัว อ่านหนังสือแค่สอบผ่าน ทำงานแค่มีส่ง
จากเรื่องเรียนก็ลามไปเรื่องอื่น ไม่อยากเจอผู้คน ไม่อยากคุยกับใคร เก็บตัว  นอนไม่หลับ
ร้องไห้ทุกวัน เบื่อไปหมด ไม่มีเรื่องไหนทำให้มีความสุขได้เลย

มันเป็นความรู้สึกที่แย่ค่ะ  กลับมาได้เพราะชดเชยด้วยสิ่งอื่น หาสิ่งที่ชอบทำ

ตอนนี้มันกำลังเป็นแบบนั้นอีกละ เหมือนไข้กลับ กลับมาแล้วแย่กว่าเก่า
ไม่มีกำลังใจแล้ว  ไม่คิดว่าจะทำงานสายนี้ได้ดีค่ะ  ท้อมาก ควรทำยังไงดี?

ไม่รู้จะปรึกษาใคร   จะบอกที่บ้านก็ไม่อยากให้พ่อแม่เครียด เลยมาตั้งกระทู้ถาม

ถามต่ออีกนิดค่ะ ถ้าเรียนให้จบ มีการทำงานใช้ทุนอย่างอื่นที่ไม่ต้องดีลกับคนไข้ไหมคะ
ถามผู้รู้ทุกคน ถ้าจะต่อโทวิชาสายภาษาหรือบริหารต้องจบตรีสายที่เกี่ยวข้องเท่านั้นรึเปล่าคะ (เท่าที่เห็นเจอแต่ที่ระบุว่าสายที่เกี่ยวข้อง)

ปล
ฝากถึงผู้ปกครองค่ะ ให้เด็กๆได้เลือกเรียนสิ่งที่ชอบดีกว่านะคะ
ฝากถึงอาจารย์ผู้สอน การด่าทอด้วยคำพูดแย่ๆไม่ได้ช่วยให้เด็กพัฒนาตัวเองค่ะ
ฝากถึงทุกคน  ทุกอาชีพมีความสำคัญ  อย่าสร้างค่านิยมให้เด็กทุกคนเลือกเรียนหมอเลยค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ตอบในฐานะรุ่นพี่ทันตแพทย์ ที่เพิ่งคุยกับน้องรหัสปี 5 ที่เครียดมาก (น่าจะประมาณน้อง จขกท นี่ล่ะ)

พี่ก็ชอบเรียนภาษาเหมือนกัน แต่คุณแม่อยากให้เรียนทันตแพทย์ แม่พี่ก็บอกว่าเรียนทันตแพทย์จบแล้วยังเรียนภาษาทีหลังได้ แต่ถ้าเลือกภาษาตอนนี้ มาเรียนทันตะทีหลังไม่ได้แล้วนะ (สมัยพี่ยังสอบเอนทรานซ์อยู่นะ น้องปี 1 ร้องโหเลย 555) เอาวะ ลุยสักตั้ง ก็พยายามเรียนไปจนจบ คิดอย่างเดียวเข้ามาก็ต้องจบออกไปเท่านั้น สรุปว่า 6 ปีผ่านไป พี่จบได้โดยปลอดภัย แต่ก็เหนื่อยมาก เครียดก็บ่อย ท้อเป็นที ๆ พีคสุดก็ตอนขึ้นคลินิกนี่ล่ะ ทำไมชีวิตมันยากลำบากแบบนี้ อาจารย์ด่าแทบทุกวัน (วันไหนรอดถือว่าโชคดี) คนไข้ก็นัดได้บ้างไม่ได้บ้าง ไหนจะโดนคนไข้ฟันปลอมทิ้งไป 3 เดือนค่อยติดต่อได้ (ถ้าติดต่อไม่ได้ พี่ก็ซ้ำชั้นค่ะ) ตอนนั้นพี่รอดมาได้ไง ก็คุยกับแม่ (แม่สงสาร เพราะเห็นว่าเรียนตามใจแม่ เวลาพี่บ่นแม่เลยไม่ว่าอะไร ถึงจะบ่นเรื่องเดิมหลายรอบก็เหอะ 555) บ่นให้เพื่อนสนิทฟัง (มีอยู่คนเดียวนี่ล่ะ ก็บ่นไป ยังดีว่ามันก็ช่วยรับฟัง) แม่พาไปเที่ยวบ้าง (ช่วงนั้นไปห้างหลังเลิกคลินิกเกือบทุกวัน) แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก ก็ต้องกลับมาทำแลป (ฟันปลอม) อ่านหนังสืออยู่ดี T_T

เดี๋ยวนะ พี่กำลังงง ที่เล่ามาเกี่ยวอะไรกับน้อง 555 เอาเป็นว่า พี่เข้าใจนะ ว่าตอนเรียนมันเครียดมากกกกก แต่ยังไงเราก็ต้องพยายามสู้หาทางแก้ปัญหา อย่างของน้อง หนูบอกว่า กังวลทุกอย่าง กลัวซ้ำชั้น จบไม่พร้อมเพื่อน อาจารย์ด่า กลัว diag ผิด ฯลฯ พี่จะบอกเลยว่าแทบทุกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย (ยกเว้นซ้ำชั้น อันนี้อาจจะรอด แต่เอาจริง ๆ ถ้าต้องซ้ำชั้นก็ไม่เป็นไร เพราะว่าก็มีรุ่นพี่หรือเพื่อนพี่บางคนซ้ำชั้นเหมือนกัน เช่น กรณีเก็บเคสไม่ครบ ก็ต้องซ้ำชั้นเก็บเคสกันไป แต่ก็เรียนจบพร้อมรุ่นน้อง) เพราะว่าเรามาเรียน เรียนเพื่อจะเป็นหมอ มันต้องมีบ้างที่จะ diag ผิด (ขนาดจบมาหลายปี บางทีก็ยังมีพลาดเลย) อาจารย์ยังไงก็ด่าแน่ ๆ ส่วนนึงเพราะอาจารย์อยากให้เราขยันอ่านหนังสือหาความรู้มารักษาคนไข้ อีกส่วนนึงเรายังทำงานใต้ license อาจารย์ ถ้ามีปัญหา อาจารย์ก็เดือดร้อนไปกับเราด้วย ยังไงก็ต้องทำใจยอมรับ พี่รู้ว่ามันยาก อันนี้พี่พูดได้ง่ายหน่อย เพราะพี่จบมาหลายปีแล้ว (ตอนขึ้นคลินิกก็พูดแบบนี้ไม่ออกเหมือนกัน ได้แต่ก้มหน้าก้มตาเก็บเคสไป 555) เอาจริง ๆ ส่วนนึงก็อยู่ที่กำลังใจของเราด้วยค่ะ อย่างน้องรหัสพี่ ตอนแรกขึ้นคลินิกไปใหม่ ๆ ก็รับไม่ค่อยได้ อยากลาออกเหมือนกัน ก็พยายามพูด ๆ ดึง ๆ กันไว้ ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็บ่นเรื่องขึ้นคลินิกเหมือนเดิม 555

ไม่รู้ว่าที่พี่เขียนมาจะช่วยอะไรน้องได้ไหม แต่เอาเป็นว่า น้องต้องหาคนคุยด้วยค่ะ หาที่ปรึกษา บางทีเราคิดอยู่คนเดียวก็คิดไปอย่างนั้นล่ะ คิดไปคิดมาคิดมากก็เครียด เหมือนวนอยู่ในอ่าง ยิ่งคิดยิ่งเครียด จริง ๆ ที่น้องบอกว่าชดเชยด้วยการหาสิ่งอื่นที่ชอบทำมันก็ช่วยได้ค่ะ (พี่ก็ไปห้างเกือบทุกวัน เปิดหนังฟังเพลงระหว่างเรียงฟัน ฯลฯ) แต่ยังไงตัวเราก็ต้องยอมรับความจริงตรงหน้าให้ได้ค่ะ เพราะยังไงเราก็ต้องขึ้นคลินิกอยู่ดี (เหมือนที่พี่บอกว่า ถึงจะไปเดินห้างมา สุดท้ายก็ต้องมาทำแลปอ่านหนังสืออยู่ดี) ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องคุยกับอาจารย์คุยกับที่บ้าน ทางสุดท้ายจริง ๆ ก็คือต้องออกไปเรียนอย่างอื่น (แต่ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย ท้ายสุดเลยนะ) เอาเป็นว่า ยังไงน้องต้องใจเย็น ๆ ไว้ก่อน ลองไปไหว้พระ ทำจิตใจให้สงบ อย่าเพิ่งคิดมาก หาคนคุยด้วย เป็นที่ปรึกษาดีที่สุดค่ะ จะปรึกษาพี่ก็ได้นะคะ ส่งหลังไมค์มาเลย เอาเป็นว่า สู้ ๆ นะคะ

ปล ส่วนเรื่องเรียนภาษา พอพี่เรียนจบทันตแพทย์ พี่ก็มาเรียนปริญญาตรีที่รามคำแหงอีกใบ คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มีแต่คนถามว่าเรียนทำไม ไม่มีประโยชน์ พี่ก็ตอบไปความใฝ่ฝัน อยากเรียนคณะนี้แต่แรก คุณแม่พี่ก็ไม่ว่าอะไร สนับสนุนพาไปสอบอีก 555 พี่ก็ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย (ความจริงคือลงทะเบียนแล้วไปสอบ) สุดท้ายก็จบราม ได้ปริญญาทั้งทันตแพทยศาสตรบัณฑิต และศิลปศาสตรบัณฑิต 2 ใบตามที่คุณแม่และพี่ต้องการ แต่ปัจจุบันพี่ก็ยังเป็นทันตแพทย์อยู่นะคะ ภาษาก็เป็นงานอดิเรกไป แถมบางครั้งก็ได้ใช้ร่วมกับงานหลักเวลาเจอคนไข้ชาวต่างชาติด้วยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่