วัยแสบสาแหรกขาด ละครที่เข้าถึงก้นบึ้งจิตใจ ดูแล้วซาบซึ้งใจ จรรโลงใจผู้ชมและสังคม (ดูแล้วแอบร้องไห้ตาม)

เป็นกระทู้บอกเล่าความรู้สึกจากการชม และเชิญชวนให้ผู้อ่านได้มารับชมนะคะ

จขกท. เป็นคนที่ปกติก็ดูละครของช่อง 3 จากทีเซอร์และภาพตัวอย่างแล้วรู้ว่าเป็นละครที่ดีนะคะ
แต่ดูเป็นละครดาร์กๆ เนื้อหาหนัก อยากดูอะไรสนุกๆมากกว่า เราก็โตแล้วไม่ใช่วัยรุ่น แต่ก็ยังไม่มีครอบครัว เลยคิดว่าไม่ต้องดูก็ได้มั้ง 555
ละครคงไม่ได้ทำมาให้กลุ่มเป้าหมายแบบเรา บางคนบอกเหมือนสารคดี จนกระทั่งเมื่อวานเราเห็นกระทู้ที่ออกมาเขียนเรื่อง
การล้างท้องที่ถูกวิธทีางการแพทย์ เลยอยากดูว่าเป็นยังไง ก็เลยค่อยๆดูไล่มาจากตอนล่าสุดตอนที่ 11 มา 10 และ 9    


-------ปรากฎ พอดูแล้ว นอกจากหยุดดูไม่ได้เพราะเนื้อเรื่องน่าติดตาม ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้ด้วย ช่วยด้วยยย 555 (ตื่นมาตาบวม)
ดูแล้วทั้งสะเทือนใจ ซึ้งใจ อิ่มเอมใจ หลายอารมณ์มาก
        ดูแล้วเหมือนไปขุดเอากล่องความทรงจำ ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นตอนเราเป็นเด็กๆ ตอนเป็นวัยรุ่น หรือแม้แต่เรื่องบางอย่างที่รู้สึกอยู่ในชีวิตประจำวันมาตีแผ่ และเล่าใหม่โดยสะท้อนผ่านตัวละครต่างๆ หรือบางเรื่องอาจจะเป็นของคนรอบตัวที่เราเคยรับฟังมา  
เหมือนคนเขียนบทประพันธ์หรือบทละครเข้าไปนั่งอยู่ในจิตใจเรา (ดังนั้นสมมติฐานก่อนชมที่ว่าละครคงไม่เข้ากับกลุ่มเป้าหมายแบบเราจึงน่าจะผิด 55)

         ต่อให้จขกท.และผู้ชมทั่วไปไม่เคยเป็นเด็กจอมโกหก(โชกุน) ขี้ขโมย(ปิ๊กๆ) ทำร้ายตัวเอง(ตังเม) ใช้ความรุนแรง(หวาย) หรือเสพติดการเล่นโซเชียล(มินนี่) เหมือนตัวละครหลักในเรื่องแต่ดิชั้นเชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยประสบหรือรู้เห็นกับสถานการณ์ สภาพแวดล้อม โจทย์ที่ใกล้เคียงกันกับตัวละคร เพราะแกนหลักของเรื่องคือ เรื่องครอบครัว ซึ่งเป็นประสบการณ์ร่วมที่ผู้คนทั่วไปเคยรู้จัก อย่างการพูดทะเลาะกันในครอบครัว การใช้ความรุนแรง ครอบครัวไม่อบอุ่น การแยกทางหรือหย่าร้าง การไม่มีเวลาให้ลูก การสอนลูกแบบผิดๆ ความเชื่อของพ่อแม่ที่ผิดๆ การขาดความรักความอบอุ่น  ไปจนถึงการที่ผู้ปกครองเป็นเพศที่สาม หรือเรื่องหนักๆอย่างการถูกข่มขืน

         หรืออย่างเรื่องที่ใกล้ตัวมากขึ้น อย่างสภาวะหรือารมณ์ที่เชื่อว่าเมื่อเป็นเด็กหรือวัยรุ่นต้องเคยพบเจอซักอย่าง แล้วรู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกแย่  ซึ่งละครได้หยิบยกขึ้นมาให้เห็นทั้งสองด้าน ทั้งด้านของเด็กที่ต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ และจากมุมมองของพ่อแม่ที่อาจทำไปด้วยอารมณ์  ไม่ได้คิดอะไร ทำไปด้วยความหวังดี หรือลืมทำไป และเป็นละครที่มีความพิเศษที่สำคัญมากประการนึงว่า ไม่ได้เล่าให้เห็นที่มาของปัญหาเฉยๆ(เล่าให้เห็นภาพ ให้ข้อคิด แล้วจบไปเฉยๆ) แต่เล่าถึงที่ไป คือ การบำบัด-รักษาตามวิธีการทางการแพทย์หลากหลายวิธี เช่นการให้ทำกิจกรรมกีฬาหรือวาดรูปเพื่อผ่อนคลายหรือสร้างสมาธิให้แก่เด็กๆ การจดบันทึกหรือทำแบบทดสอบของพ่อแม่  ซึ่งหาชมได้ยากจากละครที่ฉายทั่วไป
          ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้ชมอย่างมากทั้งต่อคนที่เป็นเด็กและวัยรุ่น และคนที่เป็นพ่อแม่เพื่อเป็นข้อคิด ข้อเตือนใจ เท่าทันปัญหาในปัจจุบัน ป้องกันไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้น  นอกจากนี้คนที่ไม่ได้อยู่ในวัยนั้นหากได้ชมก็อาจช่วยคลายปมในใจ-ทำความเข้าใจต่อเหตุการณ์ ต่อคนในเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตผ่านมุมมองใหม่ที่ดี อย่างความรู้สึกพ่อแม่ไม่เข้าใจฉัน

....การถูกห้ามหรือเตือนให้หยุดเล่นอินเตอร์เนตหรือโซเชียล การถูกห้ามปรามหรือเตือนเรื่องการคบเพื่อนต่างเพศ แบบตอนมินนี่
....การพูดถามไถ่หรือกดดัน ดุด่าเรื่องการเรียน หรือมองว่าการทำกิจกรรมอื่นๆนอกจากเรียนเป็นเรื่องไร้สาระ ความรู้สึกแบบเก็บกดเพราะพ่อแม่มากๆแบบทนไม่ไหวแล้วจะระเบิด หรือเคยระเบิดออกมาแล้ว  แบบตอนหวายทุ่มเก้าอี้ใส่พื้นเพราะไม่พอใจที่พ่อด่าและทำร้ายแม่
....ความรู้สึกอยากได้การยอมรับจากเพื่อน อยากมีคนเข้าใจ จนอาจนำพาคนไม่ดีเข้าในชีวิตแบบมินนี่  
....ความซึมเศร้า  ความรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการ ไม่มีตัวตน ทำอะไรก็ผิด แบบตังเม
----ความรู้สึกไม่เข้าใจการกระทำของตัวเอง  รู้สึกควบคุมการกระทำของตัวเองไม่ได้ แบบปิ๊กๆ
หรือเรื่องทั่วๆไป อย่างเช่น เมื่ออยู่ในภาวะเครียด ก็จะแสดงออกด้วยรูปแบบต่างๆ เช่น กัดเล็บ ไม่มีสมาธิ กินมากหรือกินน้อยกว่าปกติ

              นอกจากนี้สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ละครช่วยสร้าง คือ สร้างมุมมองและความเข้าใจที่ดีขึ้นต่อเรื่องปัญหาครอบครัวและปัญหาของเด็กและวัยรุ่น ว่าเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันที่ต้องให้พลังของความรักจากครอบครัวในการแก้ไข ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยฝ่ายใดฝ่ายเดียว บางอย่างเกิดขึ้นจากเด็กแต่แก้ไขได้ด้วยครอบครัว บางอย่างมีสาเหตุมาจากผู้ปกครอง ทำให้เห็นว่าการยอมรับว่ามีปัญหาและลงมือแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญ มองว่าการบำบัดหรือได้รับการรักษาจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ได้หมายความว่าเป็นบ้า รวมถึงต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา ทำให้สังคมมีมุมมองต่อคนที่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือแตกต่างในแง่ที่ดีขึ้น (ทำผิดก็คือทำผิด แต่ไม่พิพากษาจากการกระทำที่ปลายเหตุเพียงอย่างเดียว แต่มองย้อนกลับไปถึงต้นตอของปัญหา) นอกจากนี้ละครยังได้ตีแผ่ถึงปัญหาที่มีในสังคม แต่อาจถูกมองข้ามไป ทำให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงปัญหา อย่างการผลิตสื่อที่เน้นการได้รับความนิยม แต่มีเนื้อหาบางอย่างที่ไม่ค่อยรับผิดชอบต่อสังคม ปัญหาการใช้คำพูดที่รุนแรงกันในโลกโซเชียล

จากที่เล่ามาแต่ต้น บางคนอาจจะมองว่า ทำไมมันดาร์กแบบนี้
                    ในมุมมอง จขกท.มองว่า มันก็ดาร์กจริงๆ แต่ในความดาร์กก็มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยชูใจผู้ชมละคร ซึ่งก็คือ

ความรัก


--------สิ่งหนึ่งที่ผู้ชมจะเห็นได้ทันทีจากการชมละคร คือความรักที่มาจากครอบครัว (ซึ้งมาก จขกท.ทนไม่ไหวร้องไห้ตามตลอด) ตั้งแต่ความรักของครอบครัวที่อบอุ่นของครอบครัวนางเอก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้นางเอกเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจในการแก้ปัญหาของเด็กๆที่โรงเรียนในครอบครัว ความรักของพ่อแม่ ที่แม้ลูกจะทำผิดอย่างไร หรือแสดงกิริยาที่ไม่น่ารักยังไง แต่พ่อแม่ก็ยังรักลูกเสมอ อย่างฉากจากเรื่องของมินนี่ ที่ทั้งพ่อและแม่เสียใจมากที่มินนี่พยายามฆ่าตัวตาย ฉากแม่มินนี่ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาขอร้องให้นักข่าวเห็นใจลูกของตน ฉากพ่อมินนี่ซื้อชุดกระโปรงมาให้(แต่เธอก็บอกว่ามันล้าสมัย) หรือฉากที่แม่ของหวาย ยอมทะเลาะและถูกพ่อตบหน้า เพราะพยายามเถียงปกป้องลูกเรื่องที่ให้ลูกไปปีนหน้าผาเป็นการบำบัดแทนการเรียนพิเศษปกติหรือฉากแม่ของตังเมที่เอาตัวเองไปขวางเสี่ยที่กำลังตีลูกจนโดนตีเอง  ฉากพ่อของปิ๊กๆขอโทษแม่ของปิ๊กๆที่ตัวเองทำผิดไปเป็นคนเจ้าชู้ไม่สนใจลูกแต่ก็อยากแก้ไขไม่อยากให้ชีวิตลูกพังไปแบบชีวิตการแต่งงาน ฉากพ่อแม่ร้องไห้ตามลูกเมื่อเห็นว่าลูกเป็นทุกข์

--------- แต่ในขณะเดียวกันละครก็ได้ถ่ายทอดให้เห็นว่าความรักในครอบครัวก็เกิดขึ้นได้ แม้จะไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ  หรือมีความพร้อม ผ่านการทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดี  อย่างพ่อของมินนี่ที่เป็นชายรักชาย แต่ก็สามารถทำหน้าที่ของพ่อได้ พ่อของพระเอกถึงแม้จะแยกทางกันกับแม่พระเอกแต่ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พ่อกับแม่ของโชกุนที่แม้จะแยกกันอยู่แต่ก็ยอมกลับมาร่วมมือกันเพื่อบัดอาการของโชกุน แม่ของหวายที่ยินดีสนับสนุนให้ลูกเข้าโครงการของครูทรายแม้พ่อของหวายจะไม่เห็นด้วย

--------และนอกจากความรักของครอบครัว ก็ยังมีความรักแบบหนุ่มสาว
พระเอก คือ กร หรือที่เรียกว่าท่านรอง(อาเล็ก) กับนางเอกคือครูทราย (จ๊ะ)  เป็นความรักแบบมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ห่วงใยกัน รักแบบผู้ใหญ่
(ไม่งีเง่า ไม่โง่) หวานๆกำลังดี อยู่ในกรอบของการเป็นครูอยู่ หรือของคู่วัยรุ่นที่ดูเหมือนจะค่อยๆก่อตัว อย่างความรักของหวาย กับเพื่อนสาวที่ชื่อปุ่น ที่เป็นความรักแบบปรารถนาดี อยู่ในกรอบที่ดี มีแม่ที่คอยให้แง่คิด (ไม่ได้ตั้งใจให้ตรงๆ) ถึงการมีความรักที่ดี อย่างการสอนเรื่องการให้ของขวัญกัน โดยแม่มองว่าการชอบพอกันในวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องต้องรู้จักประมาณตน อยากการซื้อของขวัญให้กัน ก็ไม่จำเป็นต้องให้ของราคาแพง มองว่าการกระทำการห่วงใยกันนั้นเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า

สุดท้ายขอสรุปสั้นๆว่า

----------ขอเชิญชวนให้ผู้ที่ยังไม่เคยรับชมได้ลองดู วัยแสบสาแหรกขาด เป็นละครที่มีสาระ ให้แง่คิดสอนใจ (หรืออาจไปถึงบำบัด กล่อมเกลาจิตใจผู้ชม) ดำเนินเรื่องสนุก  นักแสดงทุกคนแสดงเก่งมากๆ เนื้อหาทันสมัย  กระชับฉับไว ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดความรู้ (ไม่ใช่สารคดี) เสพไม่ยาก ชมได้ทุกเพศทุกวัย ดูแล้วอิ่มเอมใจ

--------อยากขอบคุณทีมงาน ผู้จัด และนักแสดง ตลอดจนช่อง 3 มากๆ ที่ทำละครดีๆแบบนี้ออกมา ทั้งๆที่ไม่ใช่แนวที่ได้รับความนิยมมากนัก ถ้ามีโอกาสหรือเป็นไปได้อยากให้สร้างภาคต่อๆไป อีกนะคะ มันดีจริงๆ รางวัลก็อยากให้ได้รับหลายๆรางวัลเลย

-------- แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้รับรางวัลอย่างหนึ่งตอบแทนกลับมาแล้ว คือ การที่ละครได้ทำหน้าที่ช่วยจรรโลงจิตใจของผู้คนและสังคมค่ะ (เบื้องต้นเลย ดูจากคอมเม้นที่ผู้ชมได้ถ่ายทอดไว้ตามพันทิป เฟซบุค ยูทูป และโซเชียลอื่นๆที่ได้พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมที่สะท้อนมาจากละคร)

ขอบคุณสำหรับผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่