สิ่งที่ควรใส่ใจ เวลาพรีเซนท์งานวิชาการ

กระทู้สนทนา
จากการใช้เวลาสี่ปี เข็นเด็กในทีม 20 คนที่หลากหลายแบ็คกราวน์ ไม่ว่าจะจบ ตรี โท เอก ทั้งทางวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ เป็นช่างเทคนิคหรือนักวิจัย ทุกคนต้องได้ไปพรีเซนท์งานในงานประชุมวิชาการหมด ร่วมปีละ 40 เรื่อง(เราไม่ใช่อาจารย์ค่ะ เป็นนักวิจัย) บางคนจบด็อกเตอร์แล้ว เคยพรีเซนท์มาเป็นสิบงานแล้ว แต่พูดไม่รู้เรื่องเลย เพราะอาจารย์ไม่เคยตำหนิ ไม่เคยมีใครบอกให้แก้ แต่ผิดกับบางคนพูดรู้เรื่องฉะฉานแต่จบแค่ตรีเท่านั้น แม้จะชั่วโมงบินน้อย แต่มีการจัดระบบสมองมาดี(บอกได้เลยว่า มหาลัยที่จบมานี่บอกมาตรฐานในการพรีเซนท์งานได้ระดับนึงเลย)

กระทู้นี้จะมาเล่าสิ่งที่จับทางได้ เผื่อเป็นประโยชน์กะใครที่ยังต้องวนเวียนทำงานในวงการวิชาการทางสายวิทย์อยู่ ที่จะสร้างบุคลิคภาพและความน่าเชื่อถือในวงการงานที่ทำ

การจัด สไลด์ใน powerpoint
1. อย่าทำสีฉูดฉาด
2. อย่าใส่เนื้อหานอกเหนือจากสิ่งที่พูด(ยกเว้น reference ของภาพหรือข้อความที่ยกมา)
3. อย่าละเลยการพิมพ์เลขยกกำลัง หรือตัวเอียงเวลาเขียนสมการ
4. อย่าใช้ u แทน ไมโคร
5. อย่าลืมใส่เลขหน้า
6. เวลาใส่ label ของกราฟ ควรใช้สีของตัวอักษรเป็นสีเดียวกะเส้นกราฟ
7. เนื้อหาต้องมี logic มี story มีที่มาที่ไปในแต่ละหน้า ไม่ใช่เรื่องที่ควรอยู่ที่ intro เอาไปไว้ที่สรุป ที่สำคัญควรมี problem ชัดเจน

การใช้อุปกรณ์
1. ทำตัวพร้อมรับเทคโนโลยีบ้าง เช่นการใช้ laser pointer ที่มีปุ่มกดเลื่อน page ไปหน้าหลังได้
แต่ถ้าไม่มั่นใจก็กดที่ คีย์ลูกศรบนคีบอร์ดคอมเอา(แต่อย่าไม่มั่นใจไปจนตาย คนเราต้องพัฒนา)
2. อย่าใช้ laser pointer ค้างทั้งที่ไม่จำเป็น ชี้ตรงที่จะพูดนิดเดียวแล้วปล่อยเลยไม่ต้องชี้ค้างไว้นาน
3. อย่าใช้ laser pointer วนเป็นวงกลมซ้ำๆ วนได้แต่ที่ละรอบพอ ไม่ก็ลากเป็นเส้นใต้ที่ข้อความที่จะเน้นแบบนิ่งๆและมั่นคง
4. ถ้าไม่มี laser pointer อย่าพูดทั้งที่ไม่ได้ชี้อะไร หาไม้ หรือไม่ก็ใช้เมาส์ลากลูกศรไปชี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้คนฟังงงหรือกวาดตาหาเอง
5. ถ้าต้องใช้ไมค์อย่าเอาไปจ่อปาก ถือประมาณอกก็พอ ถ้ามีที่เสียบก็แล้วไป

การใช้สายตา
มองสกรีนเฉพาะตอนที่จะใช้ pointer ก็พอ นอกนั้นก็มองดูผู้ชมไปรอบๆห้องว่ามีปฏิกิริยายังไง แอบง่วง แอบทำหน้าเบื่อมั๊ย หรือตั้งหน้าตั้งตาฟัง
เวลาตอบคำถามก็พยายามมี eye contact กับผู้ถาม อย่าแบบเอาแต่มองหาอาจารย์หรือหัวหน้าให้ช่วยตอนที่ตอบไม่ได้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

การพรีเซนท์
1. พูดให้จบประโยค อย่าข้าม อย่าค้าง อย่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ
2. พูดอย่าให้มีช่วง idle หรือหยุดพูดไปดื้อๆ แค่ 5 วิก็ไม่ควร แต่ถ้านึกไม่ออกแล้วจะเอาคำไม่มีความหมายอย่าง เอ่อ อ่า คือ แบบว่า มาแทรกแทนความสงัดล่ะก็เงียบยังจะดีกว่า แต่ไม่ควรจริงๆ
3. แทรกมุขได้บ้าง แต่อย่าโจ๊กจนไร้สาระ อย่าลืมว่า เรามาพรีเซนท์วิชาการ
4. พูดให้ดูแอคทิฟ อย่าแบบซังกะตาย ไร้ชีวิตชีวา น่าเบื่อ หรือพูดเป็นเสียงโทนเดียวกันไปตลอดทั้งการพรีเซนท์  

การตอบคำถาม
1. ถ้าไม่แน่ใจคำถามควร ถามกลับไปว่า คนถามหมายความว่าแบบนี้ใช่มั๊ย
2. อย่าเพียงแต่ตอบตรงๆตามเนื้อหาที่คนถาม จงคิดว่า ทำไมเค้าถึงถามเช่นนั้น มันมีเหตุอะไร แล้วถ้าเหตุมันคือเราเตรียมมาไม่พอ อย่าโชว์โง่ด้วยการตอบว่า ไม่ได้อยู่ใน scope ของงานนี้แล้วจบ จงรับไปว่า จะลองไปค้นคว้า หรือทดลอง หรือพิสูจน์ดู อะไรก็ได้ ที่ไม่ปิดกั้นการต่อยอดของงาน แม้จริงๆจะไม่ทำก็ยังดีกว่าตอบว่าจะไม่ทำ หรือแม้คนถามจะงี่เง่าที่ถามนอก scope เอง จงยิ้มๆแล้วรับคอมเม้นท์ไว้พิจารณาอย่างสุภาพ
3. ถ้าไม่รู้ อย่าแถ หรือตอบข้างๆคูๆให้ตอบไปว่าไม่รู้ แต่อย่าจบแค่นั้น บอกไปว่า ขออภัยที่เตรียมมาไม่เพียงพอ แต่เป็นคำถามที่ดี ที่เราควรนำไปศึกษาเพิ่มเติม (ยังไงคนถามคงไม่ถามอะไรที่มันไม่เกี่ยวกะงานเราเลยแน่ๆ)
4. พยายามจำให้ได้ว่าคนถามชื่ออะไร มาจากสถาบันอะไร คำถามที่เค้าถาม ถ้าเราตอบบนเวทีไม่เคลียร์ ต้องหาโอกาส ติดต่อทีหลัง อย่าให้เค้ากลับไปด้วยความรู้สึกว่า เราก็แค่มาทำงานให้มันจบๆไปวันๆ
5. พยายามจดจำคำถามให้ได้ แล้วลิสต์ทีหลังกันลืม เพื่อเอาไว้ปรับปรุงตัวเอง

เชื่อมั๊ยว่าหลายๆคนเป็นระดับอาจารย์หรือโปรเฟสเซอร์แล้วยังพรีเซนท์ขัดๆหรือไม่น่าฟัง ไม่ชัดเจน เสียดายเนื้อหางานดีๆ ไม่ว่าจะอ้างว่า ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากะการ brush up สิ่งเหล่านี้ เอาเวลาไปทำงานวิจัยดีกว่า แต่จะบอกว่า มันก็แค่เอาใจใส่ลงไป แล้วรักที่จะพัฒนา เท่านั้นมันก็ทำได้ทุกคน เด็กในทีมเรา 20 คน แรกเริ่มพรีเซนท์เป็นเรื่องเป็นราวแค่ 2 คน นอกนั้นไม่มีใครทำได้เกิน 30% ของที่บอกข้างบนนี้เลย แต่แรกเริ่มทุกคนมักอ้างว่า แค่เตรียมผลมาพรีเซนท์ก็หมดเวลาแล้ว จะหวังให้พรีเซนท์ได้เพอร์เฟค ไม่มีทางหรอก ก็ถ้าจะคิดแบบนี้ จะอีกกี่สิบปีมันก็ทำไม่ได้ หลังจากนั้น ก็พยายามเคี่ยวเข็ญให้ทุกคนทำให้ดีขึ้น จากที่ผ่านมา session ที่พวกเราพรีเซนท์กัน มีคนเข้าฟังไม่มาก แล้วมาฟังแป็บๆแล้วข้ามไป ผ่านไป 3 ปี ตอนนี้ทุกคนทำได้เกิน 90% แล้ว คนฟัง session เราเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วส่วนใหญ่ก็นั่งฟังจนจบทั้ง session (ปกติทีมเราส่งงานพรีเซนท์ทีเรียงกัน 10-20 เรื่อง) แล้วเมื่อปีแรกๆไม่มีใครถามคำถามออกแนววิชาการเลยเพราะดูจากการพรีเซนท์แล้วไม่น่าจะตอบได้ แต่พอเริ่มพรีเซนท์กันดีขึ้น คนก็เริ่มถามคำถามที่เหมาะสมมากขึ้นเพราะเริ่มแน่ใจว่าน่าจะตอบได้ มันเป็นสิ่งที่มาจากการตัดสิน performance ในการพรีเซนท์ซะเป็นส่วนใหญ่ มากกว่าความน่าสนใจหรือความใหม่ของเนื้อหา ที่สำคัญเราพิสูจน์แล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นคนพูดมากพูดน้อย พูดไม่เก่ง เรียนน้อย เรียนมาก ถ้าเทรนดีๆทำได้ทุกคน

เราเองก็ผ่านจุดที่เคยหลงคิดว่าตัวเองทำได้ดีมาก่อน แต่ยังไม่ถึงครึ่งนึงของลิสต์ข้างบนนี้หรอก เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงมักได้รับการประนีประนอม ฟีดแบ็คดี ไม่ค่อยมีใครมาวิชาการจ๋าขั้นลึกใส่ เลยคิดว่าตัวเองดีแล้ว แต่พอเรียนรู้จากหลายๆ conference หลายๆด้านไม่ว่าจะเครื่องกล ไฟฟ้า ฟิสิกส์ อุตสาหการ มันจะเห็นได้ว่าใครที่โปรและมีความมั่นใจและบุคลิคดี น่าเอาเป็นแบบอย่าง และสิ่งเหล่านั้นที่เค้าทำได้ เรามันก็คนเหมือนกันก็ต้องทำได้ เลยปรับแก้มาตลอด แล้วก็ไม่ละเลยที่จะพยายามเคี่ยวเข็ญลูกน้องให้พัฒนาไปด้วย จนทุกคนตอนนี้มีความมั่นใจสูงและตอบฉะฉานได้ทุกครั้ง ระดับพอๆกันหมด

อยากให้นักศึกษารุ่นใหม่ๆ ให้ความสนใจกับการพัฒนาบุคลิคภาพ และการปรับแนวคิดเรียบเรียงการพรีเซนท์งาน ให้เก่ง ฉะฉาน คล่องแคล่ว เป็นที่ยอมรับนับถือ อย่าได้ละเลยสิ่งเล็กๆน้อยๆพวกนี้เลย มันเป็นประโยชน์ต่อตัวเองจริงๆค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่