ทริปตามใจฉัน 3 วัน 2 คืน ณ นครศรีธรรมราช

สวัสดีค่ะทุกท่าน จขกท.ตามอ่านกระทู้ในพันทิปทุกวัน แต่นานมากแล้วที่ไม่ได้ตั้งกระทู้ วันนี้มีประสบการณ์อันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นจากการเดินทางเป็นระยะเวลาสั้นๆ 3 วัน 2 คืน ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถือว่าเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงของจังหวัดที่จขกท. อาศัยอยู่มาแลกเปลี่ยนค่ะ แต่ขอออกตัวก่อนนะคะ จขกท.เป็นคนที่ชอบเล่าเรื่องราวต่างๆ แต่ไม่ได้เล่นกล้อง หรือมีความสามารถในการถ่ายรูปมาก รูปต่างๆที่เอามาลง ส่วนใหญ่ถ่ายจากไอโฟน บางส่วนเป็นรูปของเพื่อนที่อนุญาตให้เอามาลงได้ค่ะ
สืบเนื่องจากจขกท.เพิ่งผ่านพ้นช่วงงานชุกมา พบว่าหลังปีใหม่เจอแต่งานเร่งด่วนมากมาย ชีวิตแต่ละวันมีแต่ความเร่งรีบ เลยเกิดอารมณ์อยากวาร์ปออกมาจากที่ทำงาน ไปที่ไหนก็ได้ที่เวลามันหมุนช้าๆ เพื่อเป็นการชาร์ตแบตเตอรี่ให้ชีวิต เปิดตารางชีวิต โอ้ว !! วันศุกร์ที่ 25/03/59 ยังว่าง ไม่มีนัดหมายหรืองานใดๆ เข้ามา เลยคิดว่าน่าจะจัดทริปสั้นๆ สักทริปบริเวณไม่ไกลจากหาดใหญ่มาก เป็นสถานที่มีความปลอดภัยเพราะตั้งใจจะไปคนเดียว รีวิวโน่นนี่นั่น มาลงตัวที่หมู่บ้านคีรีวง หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย หมู่บ้านคีรีวง ตั้งอยู่ ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช
หลังได้ข้อสรุปกับตัวเองก็จัดการลางาน และจองที่พัก (จขกท.จองที่พักที่เพ็ชรคีรีโฮมสเตย์) และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ตรวจเช็คสภาพตัวเอง (นอนพอ ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยอะไร อายุอานามก็โตพอที่จะไม่ต้องขออนุญาตผู้ปกครอง 555) สภาพรถ (น้ำมันเต็มถัง ต่อทะเบียน เช็คลมยาง และเอาเข้าศูนย์เช็คสภาพสัปดาห์ก่อน) เมื่อทุกอย่างพร้อมจะกลัวอะไร ไปกันเลยค่ะ

วันที่ 1 (25/03/59) ออกจากหาดใหญ่เช้า แวะไหว้พระที่วัดพระมหาธาตุฯ จริงๆแล้วจขกท.ได้เดินทางมาไหว้พระที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่มาพบว่าไม่มากับเพื่อน ก็จะมากับญาติ ทุกครั้งก็จะรีบๆ ไหว้ให้เสร็จแล้วกลับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มาเอง เลยได้มีโอกาสดูส่วนต่างๆอย่างละเอียด ไม่เร่งรีบอย่างทุกครั้ง ไปๆ มาๆ ลืมถ่ายรูป --" ได้มารูปเดียวคือ



ไม่รู้ว่าจะถือว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนัง หรือประติมากรรมดีนะคะ
หลังจากดื่มด่ำกับศิลปวัฒนธรรมที่วัดพระมหาธาตุแล้ว ก็ออกจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าสู่อ.ลานสกา โดยใช้ google map เพื่อนยากนำทาง ถึง destination อย่างปลอดภัย ไม่หลง (ปลาบปลื้มในตัวเพื่อนมาก)



ถ่ายรูปแลนด์มาร์กคีรีวงได้ 1 รูปตอนบ่ายโมง รับรู้ถึงความร้อนแรงของดวงอาทิตย์ได้ชัดเจน ขอลาสะพานชั่วคราว ไปหาที่เย็นๆ นั่งเล่นก่อน หลังจากนั้นก็ขับรถไปยังหนานหินท่าหา ที่ๆมีสะพานแขวน (แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา --") ได้แต่นั่งใต้สะพาน ดูผู้คนเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน



นั่งแช่เท้าในน้ำสักพัก เท้าเย็นแต่ลำตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ รู้สึกไม่ไหวทน เราคงต้องหากิจกรรมอะไรทำระหว่างรอเวลาเย็นจะได้ออกมาเดินเล่นอีกรอบ จขกท.ตัดสินใจไปนวดแผนไทย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง นวดเสร็จประมาณห้าโมงเย็น อากาศเริ่มเย็นลง เลยออกไปเดินเล่น



โบสถ์?? ในวัดคีรีวง



บรรยากาศยามเย็น สวยนะ แต่ดูเหงาดีแท้ หลังจากนั้นก็กลับโฮมสเตย์ ทานข้าวเย็นเป็นอาหารพื้นเมืองที่เจ้าของโฮมสเตย์ทำเอง รสชาติเหมือนกินที่บ้าน อร่อยดีค่ะ (ลืมถ่ายรูปอาหาร สงสัยกำลังหิว ระบบประสาทส่วนกลางไม่สั่งการให้ถ่ายรูป)

วันที่ 2 (26/03/59)
ตื่นมาตอนเช้า เดินชมวิถีชีวิตผู้คน เห็นคุณป้านั่งตัดตะไคร้หันมายิ้ม จขกท.ทักทายนิดหน่อย "ทำแกงไหรอ่ะป้า" หลังจากนั้นยืนคุยกันครึ่งชั่วโมง 555 ชาวบ้านน่ารักดีแท้



พระอาทิตย์กำลังขึ้น



FC เดินตามตลอดเวลา มาถึงริมน้ำปุ้บ นางกระโดดเล่นน้ำเฉย เอ๊ะ หรือนางจะไม่ได้เดินตาม 555



นั่งชมบรรยากาศที่ร้านกาแฟนายทั่ง slow life แท้ๆ



เหนียวไก่ กาแฟ เข้ากับบรรยากาศจริงๆ



อีกสักรูป

แพลนจริงๆ ของจขกท.คือการกลับหาดใหญ่เลย แต่บังเอิญเพื่อนสนิทได้ทราบข่าวว่ากำลังจขกท. slow life อยู่นครฯ และบังเอิญอีกอย่างคือวันที่ 26/03/59 กลางคืนจะมีงานดนตรีในสวนฝากฟ้า กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ชื่องาน "สายหมอก ดอกเพลง ครั้งที่ 7 เลยชวนจขกท.ไปเที่ยวต่อ แล้วจะรออะไรล่ะ ตกลงสิ (ใจง่ายมากๆ 555) โดย จขกท.พยายามรีวิวที่มาที่ไปของงานนี้ก็ไม่พบข้อมูลที่น่าพอใจ ทราบแต่ว่าผู้ริเริ่มโครงการคือ นพ.รังสิต ทองสมัคร เจ้าของสวนฝากฟ้า ใครพอจะทราบข้อมูลที่มาและรายละเอียดของงานสามารถแบ่งปันกันได้นะคะ

หาทางไปสวนฝากฟ้าโดยใช้บริการของ google map เพื่อนเก่า นางบอกว่านางแนะนำทางที่ใช้เวลาสั้นสุดให้ ไปๆมาๆ destination อยู่อีกฝั่งคลอง TT เธอจะให้ชั้นว่ายน้ำข้ามไปใช้มั้ย ตอบ !! เลยใช้วิธีการโบราณ ถามชาวบ้านแถวนั้น ซึ่งกว่าจะหาทางเข้าเจอ กลับรถไปมาประมาณ 3 รอบ --"



Logo งานค่ะ











ภาพบรรยากาศในงานค่ะ ไปถึงงานก็จะเห็นเวทีกลางสวนไม้ตะเคียน ใครอยากนอนตรงไหนก็จับจองที่ทางในการกางเต้นท์ หรือผูกเปลได้ จขกท.เลือกจางเต้นท์ริมน้ำอีกฝั่งหนึ่งของงานค่ะ



แบกเต้นท์ข้ามคลองค่ะ



ใช้ความรู้สมัยเรียนลูกเสือ เนตรนารีมาใช้กางเต้นท์ หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ปรากฏว่าไม่สำเร็จ --" คุณลุงที่เล่นน้ำอยู่ข้างๆถึงกับทนไม่ได้ ขึ้นจากน้ำมาช่วยสวนกางเต้นท์ และแล้ว...



เราจะมีที่นอนกันแล้ววววว (ปาดเหงื่อสองที)

หลังกางเต้นท์เสร็จ เกิดอาการหิว เดินข้ามคลองกลับมาฝั่งงานดนตรี ซื้ออาหารและเครื่องดื่มทานกันหน้าเวที เพลงเพราะๆ อาหารอร่อยๆ ได้นั่งคุยกันเพื่อนที่รู้ใจหลังไม่ได้เจอกันนาน



นั่งฟังเพลงสักพัก เริ่มง่วงกัน เลยเดินกลับเต้นท์ ไปนอนฟังเพลงต่อ อากาศเย็นๆ เสียงน้ำไหลเอื่อยๆ มองไปบนฟ้าก็เจอดาวระยิบระยับ ความสุขอยู่ไม่ไกลจริงๆ

วันที่ 3 (28/03/59)
ตื่นตอนเช้า มีบริการน้ำชา กาแฟ ขนมปัง





จขกท.จิบกาแฟไปหนึ่งบ้อง หลังจากนั้นก็ถึงเวลาอาบน้ำ



เด็กเล่นน้ำ สนุกสนานมาก



ผมเหนื่อยแล้ว ก่อกองทรายเล่นดีกว่า



เอิ่ม อารมณ์ไหน ถ้าเดินสะดุดแล้วมันพังชั้นจะบาปมั้ย (อารมณ์พาลเริ่มมา 555)

งานเลี้ยงมีวันเลิกลาฉันใด วันหยุดก็มีวันหมดไปฉันท์นั้น --" ก็ทำใจออกเดินทางเพื่อกลับไปทำงานต่อ แต่ก่อนกลับ ขอแวะกินอาหารว่าง



บะกุ้ดเต๋ ร้านโกปี๊





ขนมจีน น้ำยาปู ร้านแม่ยาย เป็นอันจบทริป

สรุปสุดท้ายทริปนี้จากที่ตั้งใจจะไปคนเดียว ตอนหลังก็ได้ไปต่อกับเพื่อน
ข้อดีของการไปคนเดียว
1. ไม่ต้องรอใคร
2. อยากทำอะไรก็ทำเลย
3. แพลนเปลี่ยนได้เสมอ โดยไม่มีใครว่า (ใครจะว่าล่ะ ก็ไปคนเดียว --")
4. ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้าบ้าง

ข้อดีของการไปกับเพื่อน
1. ไปร้านอาหาร สามารถสั่งอาหารได้หลายอย่าง
2. สามารถแชร์ค่าที่พักและค่าเดินทางกับเพื่อนได้
3. สามารถไปในที่ๆ ไม่มั่นใจที่จะไปคนเดียว

ทั้งสองแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แล้วเพื่อนล่ะคะ ชอบแบบไหน ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่