ครั้งแรกในการเขียนกระทู้แรก ไม่รู้ว่าขึ้นหัวข้อว่าอะไรดี… คุณเชื่อเรื่องชาติที่แล้วไหม? คุณเชื่อว่าคนดีดีจะต้องเจอแต่สิ่งดีดีไหม?
นี้คือความรักที่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องจริงจากชีวิตจริงๆ ของเราเอง อาจจะยาวหน่อย แต่ถ้าคนที่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นยังไง…จะเข้าใจ
…
เราเป็นผู้หญิง อายุ 30 อัฟแล้ว สถานะตอนนี้คือโสด และโสดมา 5 ปีเต็ม เราเคยมีความรักแต่ตอนนี้เราลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว จนวันนี้….
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ เรา และ ผู้ชาย 3 คนในชีวิต
เราเคยมีแฟน คนแรก (คนที่ 1) คบกับมานานมาก ตั้งแต่สมัยเรียน จนเข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน ทุกอย่างก็ปกติ แต่ยอมรับว่าแฟนค่อนข้างคุยเก่ง เจ้าชู้ รุ่นน้องชอบเยอะ แต่ตอนนั้นก็มีเรา มีปัญหาหยุ๋มหยิ๋มบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ จนมาทำงานในกรุงเทพฯ เค้าทำงานในบริษัทค่อนข้างดี โอกาสเจอคนและสังคมค่อนข้างเยอะ บวกกับเค้าอัธยาศัยดี คุยง่าย จึงมีเพื่อนฝูงเยอะ ส่วนเราทำงานอีกที่ บริษัทค่อนข้างดีเหมือนกัน แต่งานของเราไม่ได้เจอผู้คนเยอะ เช้าทำงาน เย็นกลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ เราก็ไปหาเค้าที่บ้าน บางทีเค้าก็มาหา เราคบกันมานานจนพ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็รับรู้ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่เรื่องกุ๊กกิ๊กของเค้ากับเด็กๆ ก็มีมาให้รู้บ่อยๆ แต่เราก็จะนิ่ง รู้แต่ยังไม่แสดงออก
….
คุณผู้หญิงเชื่อไหม? ว่าผู้หญิงเรามีเซ้นต์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จนวันหนึ่งเขาบอกว่า เขาจะย้ายไปอยู่สาขาหนึ่งที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อโอกาสก้าวหน้า เราก็ใจหาย เพราะคือ เราต้องไกลกัน เมื่อก่อนการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ไปง่ายๆและถูกเหมือนสมัยนี้ เขาบอกว่าขอทำงานอีกหน่อย เดี๊ยวจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น และเขาบอกว่า เพื่ออนาคต เก็บเงินอีกหน่อยก็จะได้แต่งงานกัน เราก็ยังโทรหากัน คุยกัน เทศกาล เขามาหาเราที่ กทม บ้าง บางทีเราก้อไปหาเขาที่โน้น จนหลังๆ สิ่งปกติก้อเกิดขึ้น เราโทรหากันน้อยลง คุยกันน้อยลง โทรไปรอสายตลอด แต่เขาก็โทรกลับมาหลังจากนั้นแต่ก็นานพอควรกว่าจะโทรกลับมา จนเทศกาลหนึ่งเราไปหาเขาที่โน้น ทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเดิม มีของบางอย่างในห้องเขาเพิ่มขึ้น กิ๊บติดผม!! ยางมัดผม!! ที่ซุกๆๆไว้ในลิ้นชักโต๊ะ หลังจากนั้นเราเริ่มถาม และเริ่มทะเลาะกันมาเรื่อยๆ แต่เราก้อพยายามมากถึงมากที่สุด ที่จะเก็บๆๆๆและไม่ทะเลาะ เพื่อประคองความรักไว้ และทุกครั้งที่ทะเลาะพอเราร้องไห้ เค้าก็จะนิ่งแล้วก็ขอโทษ แล้วก็พูดว่า “เค้ามีตัวเองคนเดียว” แค่คำพูดแค่นี้ เราจึงยอมมาตลอด จนวันที่ไม่เคยคิดก็มาถึง เราอยู่ กทม ทำงาน ใช้ชีวิตปกติ โทรคุยโทรหา ถึงแม้จะติดบ้างรับบ้างไม่รับบ้าง แต่ยังได้คุย จนคืนหนึงเมื่อ 5 ปีแล้ว เขาเป็นฝ่ายโทรมาก่อน แล้วพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ เค้ามีแฟนใหม่แล้ว” ทุกอย่างดูอื้อไปหมด จุกและร้องไห้ไม่ออก แต่ปากก็ยังสามารถอ้าและถามเขาไปว่า “ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำไมอะ” เขาบอกว่าเขาเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วเขาก็วางสายไป นั้นคือประโยคสุดท้ายที่เราได้ยินเสียงเขา เราพยายามโทรหาเขาทั้งคืนแต่เขาไม่รับ เราเหนื่อยและเจ็บมาก ร้องไห้คนเดียวทั้งคืน จนเช้าสิ่งที่ทำให้เราเจ็บเจียนตายคือ เขาลบเราออกจากโซเชี่ยลทั้งหมด Facebook, MSN (สมัยนั้นยังฮิต) และบล็อกเบอร์เรา เราติดต่อเขาไม่ได้เลย เขาทิ้งให้เราอยู่กับตัวเองมาตั้งแต่วันนั้น ผ่านไป 1 อาทิตย์ เราตัดสินใจโทรหาคุณแม่เขา และบอกว่า “ทำไม…(ชื่อแฟน)..ทำกับหนูแบบนี้” แม่เขาก็ร้องไห้เพราะสงสารเรา แต่สุดท้าย เมื่อลูกชายเขาเลือกใคร คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องตามใจลูก จริงไหมค่ะ
…..
ทุกอย่างจบแบบนั้น
…..
หลังจากวันนั้น 5 เดือนถัดมา เขาก็แต่งงาน (แต่งปกติ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นท้อง แต่เพราะเขาทั้งคู่ก็คบกันสักพักทั้งๆที่มีเราด้วย) แต่เรา…จากที่เป็นคนร่าเริง ตลก ยิ้มๆๆ ทุกอย่างหายหมด เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี เช้าทำงาน-เย็นกลับบ้าน ไม่ยิ้ม ไม่สดใจ ไม่ไปไหนกับเพื่อน เพื่อนๆก็รู้แต่ได้แต่ให้กำลังใจ และเราเป็นคนที่จะไม่ยอมเอาเรื่องทุกข์และไม่สบายไประบายให้คนอื่นทุกข์ไปอีก เก็บไว้คนเดียว กลางวันทำงานปกติ แต่พอถึงห้องเปิดประตูเข้าห้อง ก็ทิ้งตัวเองร้องไห้ 2 ปีเต็มๆ เราไม่ฟังเพลงช้า เพลงอกหัก 2 ปีเต็มๆ จากที่น้ำตาไหลทุกวัน จนมันเริ่มน้อยลงๆ จนไม่มีน้ำตา แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจาง เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี ไปในที่ที่อยากไปคนเดียว ไปเชียงราย-เชียงใหม่คนเดียว ไปชะอำคนเดียว ไปพัทยาคนเดียว คิดๆ อยู่กับตัวเอง แต่อีก 2 ปี หลัง ความชินชาและความเข้มแข็งเริ่มมากขึ้น ก็เริ่มใช้ชีวิตปกติกับเพื่อนกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพื่อนรู้ว่าเรารักใครรักจริง และรักมาก แต่เพื่อนก็ยังแนะนำคนมาให้รู้จัก แต่เราปิดตัวเอง… 1 กลัวรักมาก / 2 กลัวเจ็บอีก เราเลยปฏิเสธ
…
จนวันหนึ่งเริ่มฟังคนรอบข้างมากขึ้น เริ่มให้โอกาสตัวเอง
คนที่ 2 จึงเข้ามา เป็นรุ่นพี่ของเพื่อน เขาเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้ 2 ปี เราเลยได้คุยกัน ลองๆ คบดู แต่เพราะเขาอายุห่างกับเราประมาณ 7 ปี และเขามีธุรกิจของตัวเอง และความที่เขาเป็นผู้ใหญ่ การคุยกันจึงดูแบบเกร็งๆ แต่เขาก็เป็นคนดี สุภาพบุรุษ เราทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ พี่เขาก็จะคอยถามเสมอว่า ไปเที่ยวไหนไหม เดี๊ยวพี่พาไป? เราไปเที่ยวกันประมาณ 4-5 ครั้ง ไปแบบ ไปเช้า-เย็นกลับ ออกตัวก่อนว่า กับคนที่ 2 ตลอดระยเวลา 6 เดือน ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย แม้แต่จับมือยังไม่เคย ทุกอย่างเหมือนจะดี เราก็เริ่มรู้สึกว่า พี่คนนี้คงจะใช่และดูแลเราได้ แต่บางอย่างเหมือนเรายังเข้าไม่ถึง เวลาไปเที่ยว พี่เขาก็จะถามถ่ายรูปไหม? พี่ถ่ายให้ป่าว? เพราะพี่เขาเล่นกล้องชอบถ่ายรูป แต่เราไม่ชอบถ่ายคนเดียว ก็บอกว่า “ก็ถ่ายด้วยกัน” แต่พี่เขาไม่ถ่าย เขาไม่เคยถ่ายรูปคู่เราเลยสักรูปเดียว เป็นสิ่งที่เป็นคำถามในใจเราตลอดมาว่าทำไม? ทุกอย่างเป็นแบบนี้ 6 เดือน จนวันหนึ่ง…ช่วงหนึ่งพี่เขาเงียบไป ครั้งสุดท้ายที่คุยคือ เพราะลูกจ้างลาออกไป 3 คน งานจึงค้างและต้องเร่งทำให้เสร็จ ทำให้พี่เขาต้องยุ่งไปด้วย เราก้อเข้าใจ แต่มันนานเกินไปที่ไม่ติดต่อมาเลย.. 2 วันเงียบไป เราก็ไลน์ไปหา คำตอบคือ “ช่วงนี้พี่ยุ่งมาก” เราก็ อะ เข้าใจ จนผ่านไป 1 อาทิตย์ นานเกินไปละ เราเลยถามเพื่อนว่า พี่ …(ชื่อพี่เขา).. เงียบไปเลย แกรู้ไหม? เพื่อนก็บอกว่าไม่ได้คุยเหมือนกัน แต่เพื่อนก็จะไปสืบให้ ผ่านไป หลายวัน พี่เขาก็ไม่ติดต่อมา แต่เพื่อนติดต่อมาแทนบอกว่า “แกจำได้ไหม ที่พี่เขาเลิกกับแฟน แฟนเขาไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้แฟนเขากลับมาแล้ว” แค่นี้ก็รู้แล้วว่า ประวัติศาสตร์การอยู่คนเดียวกลับมาอีกครั้ง และหลังจากคำตอบเพื่อน พี่เขาก็หายไปแบบไม่ติดต่อมาเลยจริงๆ
คบเผื่อเลือก? หาคนคุยระหว่างรอ? ไม่ถ่ายรูปคู่เพราะไม่อยากผูกมัด? นี่คือสิ่งที่เราคิด
ทุกอย่างจบ….ร้องไห้ อีกตามเคยแต่ไม่ได้เสียใจที่พี่เขาจากไป แต่สงสารตัวเอง
…
ผ่านมาเป็นปี เราก็ใช่ชีวิตปกติอีกเหมือนเดิม จนคิดว่าชาตินี้คงไม่เจอคนที่รักเราจริงๆ ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนแต่งงาน ญาติแต่งงาน หรือแม้แต่หลานๆ แต่งงาน ก็ได้แต่ดีใจ แต่ในใจ เราคงไม่มีโอกาสแบบนี้ ผ่านร้าน wedding เราคงไม่มีวันได้ใส่!!
…
จนวันนี้ ต้นเหตุของการเขียนกระทู้ เพราะ…..
ขอย้อนนิดหนึ่งว่า คุณแม่ของเรา เป็นคนชอบดูดวง เคยเอาดวงลูกๆ ไปดู บ้านเรามีลูกสาว 3 คน สมัยนั้นแม่เอาดวงลูก 3 คนไปดู ตอนนั้นเราเพิ่งอยู่มัธยมปลายเอง แม่แค่บอก วันเดือน ปีเกิดแค่นั้น
แต่หมอดูทักว่า ลูกคนโต หัวแข็ง ใจร้อน อารมณ์ร้อน ค่อนข้างจะมีปัญหากว่าคนอื่น แต่ถ้าแต่งงานแล้วจะดีขึ้น
ลูกคนที่ 2 (คือเรา) คนนี้ใจเย็น มีเหตุผล เป็นที่พึ่งของพ่อและแม่ได้ แต่อาภัพเรื่องคู่ เนื้อคู่จะไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน จะได้คนที่แก่กว่าหรือเด็กกว่า
ลูกคนที่ 3 นิ่งเงียบ แต่ถ้าได้ด่าคือด่าไฟแล่บ เนื้อคู่เป็นคนรุ่นเดียวกัน
…
ซึ่งเราไม่เคยเชื่อเรื่องดวง เรื่องหมอดู แต่ก็ตรง พี่สาวเราแต่งงานแล้ว ใจเย็นลง น้องสาวมีแฟนแล้วรุ่นเดียวกัน และเรา เนื้อคู่ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน (คนแรก) อาจจะได้คนที่แก่กว่า (คนที่ 2…ไปแล้ว) และคนที่ 3 เด็กกว่า….
….
เพราะผิดหวังมา 2 ครั้งแล้ว นี่คือครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราแล้ว ลองให้โอกาสอีกครั้ง
…
คนที่ 3 เรารู้จักกันเพราะคำแนะนำอีกเช่นเคย
เรารู้จากคนที่แนะนำแค่ว่า เขาไม่มีแฟน เลิกกันแล้ว แต่ใจเราก็กลัวว่า จะไม่มีปัญหาตามมาใช่ไหม?
แต่พอเราได้คุยกัน เราคุยกันง่าย คุยได้ทุกเรื่อง เรื่องครอบครัว เรื่องงาน จึงสนิทกันเร็ว ด้วยสายงานแล้วก็พอจะเข้าใจการทำงานกัน แต่ด้วยอายุห่างกัน คือเราอายุเยอะกว่า (เราแก่กว่า 5 ปี) แต่เขาบอกว่า อายุไม่สำคัญขอแค่เข้าใจกันพอ เพราะเราคุยกันได้ทุกเรื่อง เขาพูดถึงอนาคตและบางครั้งมีเราในอนาคตของเขาด้วย ทักทาย ดูแลเป็นห่วงกัน เราจึงรู้สึกดี ถึงระยะเวลาไม่นานมาก แต่เรา 2 คนก็เคยพูดกันว่า รู้สึกผูกพันกันมาก เวลาเขาโทรมา เรายังอยู่ที่ทำงาน พอมีคนถามว่าคุยกับใคร เขาก็บอกว่า ให้บอกไปเลยว่า “คุยกับแฟน” เขาก็บอกว่าถ้ามีคนถาม ก็บอกว่ามีแฟนแล้ว แฟนชื่ออะไร? ทำงานอะไร? บอกไปเลย หลายๆอย่าง เขาทำให้เรารู้สึกดี เขาเคยถามเราว่า อนาคตจะคบกับเขาไหม? จะเป็นแฟนกันได้ไหม? เราจึงลืมจุดที่ว่าเรื่องแฟนเขา ชัดเจนหรือยัง?
….
จนวันนี้เราบอกตัวเองว่า เราจะคบกับเขา
แต่พอเราตัดสินใจแบบนี้…เราก็เจ็บอีก
…
….เหตุการณ์หนึ่ง (ขอไม่เล่า) เขาทำให้เราคิดว่า เราเป็นใครกัน? เขากับแฟนยังคงติดต่อกันอยู่ และวันนั้นเขาไม่สะดวกคุยกับเรา
วันนั้นเราร้องไห้หนักมากๆๆ เพราะด้วยเราป่วยด้วย มันจึงอ่อนแอไปหมด เราร้องไห้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเช้าของอีกวัน วันนั้นสงสารตัวเองมากๆ สงสารที่ไม่เคยสมหวังเรื่องความรักเลยสักครั้ง ช่วงที่ผิดหวังร้องไห้มากๆ ในสมองคิดว่า ชาติที่แล้วเราทำบาปเยอะหรอ? เราไปแย่งของเขามาหรอ? ชาตินี้เราจึงไม่เคยสมหวังเลย
เราเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่ชอบปาร์ตี้ (แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไป/งานบริษัท)
เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริง “รักคือรักมาก ห่วงคือห่วงมาก” ถ้าเรารัก เราก็จะบอกตรงๆ ว่ารัก ถ้าเราคิดถึง เราก็จะบอกตรงๆว่าคิดถึง เราเป็นคนที่คบใคร ให้เกียรติเสมอ เชื่อใจ บอกให้เราเชื่อใจเราก็เชื่อ เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาไม่เล่าเราก็จะไม่ถาม ขอแค่บอกเหตุผลและเข้าใจกันก็พอ เพื่อนเคยบอกว่า “แกไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นคนดี เดี๊ยวก้อเจอคนดีดี” เราก็ตอบกลับไปว่า “เราเจอแต่คนทิ้งเราไป” เพื่อนก็ได้แต่ลูบหัวแล้วก้อเช็ดน้ำตาเรา ความรักในมุมมองของเราคือ “รักคือรอยยิ้มของคนทั้งคู่” ไม่ใช่ 1 คนยิ้ม 1 คนร้องไห้…
คุณผิดหวังในเรื่องความรักกันแบบไหนบ้าง?
นี้คือความรักที่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องจริงจากชีวิตจริงๆ ของเราเอง อาจจะยาวหน่อย แต่ถ้าคนที่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นยังไง…จะเข้าใจ
…
เราเป็นผู้หญิง อายุ 30 อัฟแล้ว สถานะตอนนี้คือโสด และโสดมา 5 ปีเต็ม เราเคยมีความรักแต่ตอนนี้เราลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว จนวันนี้….
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ เรา และ ผู้ชาย 3 คนในชีวิต
เราเคยมีแฟน คนแรก (คนที่ 1) คบกับมานานมาก ตั้งแต่สมัยเรียน จนเข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน ทุกอย่างก็ปกติ แต่ยอมรับว่าแฟนค่อนข้างคุยเก่ง เจ้าชู้ รุ่นน้องชอบเยอะ แต่ตอนนั้นก็มีเรา มีปัญหาหยุ๋มหยิ๋มบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ จนมาทำงานในกรุงเทพฯ เค้าทำงานในบริษัทค่อนข้างดี โอกาสเจอคนและสังคมค่อนข้างเยอะ บวกกับเค้าอัธยาศัยดี คุยง่าย จึงมีเพื่อนฝูงเยอะ ส่วนเราทำงานอีกที่ บริษัทค่อนข้างดีเหมือนกัน แต่งานของเราไม่ได้เจอผู้คนเยอะ เช้าทำงาน เย็นกลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ เราก็ไปหาเค้าที่บ้าน บางทีเค้าก็มาหา เราคบกันมานานจนพ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็รับรู้ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่เรื่องกุ๊กกิ๊กของเค้ากับเด็กๆ ก็มีมาให้รู้บ่อยๆ แต่เราก็จะนิ่ง รู้แต่ยังไม่แสดงออก
….
คุณผู้หญิงเชื่อไหม? ว่าผู้หญิงเรามีเซ้นต์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จนวันหนึ่งเขาบอกว่า เขาจะย้ายไปอยู่สาขาหนึ่งที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อโอกาสก้าวหน้า เราก็ใจหาย เพราะคือ เราต้องไกลกัน เมื่อก่อนการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ไปง่ายๆและถูกเหมือนสมัยนี้ เขาบอกว่าขอทำงานอีกหน่อย เดี๊ยวจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น และเขาบอกว่า เพื่ออนาคต เก็บเงินอีกหน่อยก็จะได้แต่งงานกัน เราก็ยังโทรหากัน คุยกัน เทศกาล เขามาหาเราที่ กทม บ้าง บางทีเราก้อไปหาเขาที่โน้น จนหลังๆ สิ่งปกติก้อเกิดขึ้น เราโทรหากันน้อยลง คุยกันน้อยลง โทรไปรอสายตลอด แต่เขาก็โทรกลับมาหลังจากนั้นแต่ก็นานพอควรกว่าจะโทรกลับมา จนเทศกาลหนึ่งเราไปหาเขาที่โน้น ทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเดิม มีของบางอย่างในห้องเขาเพิ่มขึ้น กิ๊บติดผม!! ยางมัดผม!! ที่ซุกๆๆไว้ในลิ้นชักโต๊ะ หลังจากนั้นเราเริ่มถาม และเริ่มทะเลาะกันมาเรื่อยๆ แต่เราก้อพยายามมากถึงมากที่สุด ที่จะเก็บๆๆๆและไม่ทะเลาะ เพื่อประคองความรักไว้ และทุกครั้งที่ทะเลาะพอเราร้องไห้ เค้าก็จะนิ่งแล้วก็ขอโทษ แล้วก็พูดว่า “เค้ามีตัวเองคนเดียว” แค่คำพูดแค่นี้ เราจึงยอมมาตลอด จนวันที่ไม่เคยคิดก็มาถึง เราอยู่ กทม ทำงาน ใช้ชีวิตปกติ โทรคุยโทรหา ถึงแม้จะติดบ้างรับบ้างไม่รับบ้าง แต่ยังได้คุย จนคืนหนึงเมื่อ 5 ปีแล้ว เขาเป็นฝ่ายโทรมาก่อน แล้วพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ เค้ามีแฟนใหม่แล้ว” ทุกอย่างดูอื้อไปหมด จุกและร้องไห้ไม่ออก แต่ปากก็ยังสามารถอ้าและถามเขาไปว่า “ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำไมอะ” เขาบอกว่าเขาเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วเขาก็วางสายไป นั้นคือประโยคสุดท้ายที่เราได้ยินเสียงเขา เราพยายามโทรหาเขาทั้งคืนแต่เขาไม่รับ เราเหนื่อยและเจ็บมาก ร้องไห้คนเดียวทั้งคืน จนเช้าสิ่งที่ทำให้เราเจ็บเจียนตายคือ เขาลบเราออกจากโซเชี่ยลทั้งหมด Facebook, MSN (สมัยนั้นยังฮิต) และบล็อกเบอร์เรา เราติดต่อเขาไม่ได้เลย เขาทิ้งให้เราอยู่กับตัวเองมาตั้งแต่วันนั้น ผ่านไป 1 อาทิตย์ เราตัดสินใจโทรหาคุณแม่เขา และบอกว่า “ทำไม…(ชื่อแฟน)..ทำกับหนูแบบนี้” แม่เขาก็ร้องไห้เพราะสงสารเรา แต่สุดท้าย เมื่อลูกชายเขาเลือกใคร คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องตามใจลูก จริงไหมค่ะ
…..
ทุกอย่างจบแบบนั้น
…..
หลังจากวันนั้น 5 เดือนถัดมา เขาก็แต่งงาน (แต่งปกติ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นท้อง แต่เพราะเขาทั้งคู่ก็คบกันสักพักทั้งๆที่มีเราด้วย) แต่เรา…จากที่เป็นคนร่าเริง ตลก ยิ้มๆๆ ทุกอย่างหายหมด เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี เช้าทำงาน-เย็นกลับบ้าน ไม่ยิ้ม ไม่สดใจ ไม่ไปไหนกับเพื่อน เพื่อนๆก็รู้แต่ได้แต่ให้กำลังใจ และเราเป็นคนที่จะไม่ยอมเอาเรื่องทุกข์และไม่สบายไประบายให้คนอื่นทุกข์ไปอีก เก็บไว้คนเดียว กลางวันทำงานปกติ แต่พอถึงห้องเปิดประตูเข้าห้อง ก็ทิ้งตัวเองร้องไห้ 2 ปีเต็มๆ เราไม่ฟังเพลงช้า เพลงอกหัก 2 ปีเต็มๆ จากที่น้ำตาไหลทุกวัน จนมันเริ่มน้อยลงๆ จนไม่มีน้ำตา แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจาง เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี ไปในที่ที่อยากไปคนเดียว ไปเชียงราย-เชียงใหม่คนเดียว ไปชะอำคนเดียว ไปพัทยาคนเดียว คิดๆ อยู่กับตัวเอง แต่อีก 2 ปี หลัง ความชินชาและความเข้มแข็งเริ่มมากขึ้น ก็เริ่มใช้ชีวิตปกติกับเพื่อนกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพื่อนรู้ว่าเรารักใครรักจริง และรักมาก แต่เพื่อนก็ยังแนะนำคนมาให้รู้จัก แต่เราปิดตัวเอง… 1 กลัวรักมาก / 2 กลัวเจ็บอีก เราเลยปฏิเสธ
…
จนวันหนึ่งเริ่มฟังคนรอบข้างมากขึ้น เริ่มให้โอกาสตัวเอง
คนที่ 2 จึงเข้ามา เป็นรุ่นพี่ของเพื่อน เขาเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้ 2 ปี เราเลยได้คุยกัน ลองๆ คบดู แต่เพราะเขาอายุห่างกับเราประมาณ 7 ปี และเขามีธุรกิจของตัวเอง และความที่เขาเป็นผู้ใหญ่ การคุยกันจึงดูแบบเกร็งๆ แต่เขาก็เป็นคนดี สุภาพบุรุษ เราทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ พี่เขาก็จะคอยถามเสมอว่า ไปเที่ยวไหนไหม เดี๊ยวพี่พาไป? เราไปเที่ยวกันประมาณ 4-5 ครั้ง ไปแบบ ไปเช้า-เย็นกลับ ออกตัวก่อนว่า กับคนที่ 2 ตลอดระยเวลา 6 เดือน ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย แม้แต่จับมือยังไม่เคย ทุกอย่างเหมือนจะดี เราก็เริ่มรู้สึกว่า พี่คนนี้คงจะใช่และดูแลเราได้ แต่บางอย่างเหมือนเรายังเข้าไม่ถึง เวลาไปเที่ยว พี่เขาก็จะถามถ่ายรูปไหม? พี่ถ่ายให้ป่าว? เพราะพี่เขาเล่นกล้องชอบถ่ายรูป แต่เราไม่ชอบถ่ายคนเดียว ก็บอกว่า “ก็ถ่ายด้วยกัน” แต่พี่เขาไม่ถ่าย เขาไม่เคยถ่ายรูปคู่เราเลยสักรูปเดียว เป็นสิ่งที่เป็นคำถามในใจเราตลอดมาว่าทำไม? ทุกอย่างเป็นแบบนี้ 6 เดือน จนวันหนึ่ง…ช่วงหนึ่งพี่เขาเงียบไป ครั้งสุดท้ายที่คุยคือ เพราะลูกจ้างลาออกไป 3 คน งานจึงค้างและต้องเร่งทำให้เสร็จ ทำให้พี่เขาต้องยุ่งไปด้วย เราก้อเข้าใจ แต่มันนานเกินไปที่ไม่ติดต่อมาเลย.. 2 วันเงียบไป เราก็ไลน์ไปหา คำตอบคือ “ช่วงนี้พี่ยุ่งมาก” เราก็ อะ เข้าใจ จนผ่านไป 1 อาทิตย์ นานเกินไปละ เราเลยถามเพื่อนว่า พี่ …(ชื่อพี่เขา).. เงียบไปเลย แกรู้ไหม? เพื่อนก็บอกว่าไม่ได้คุยเหมือนกัน แต่เพื่อนก็จะไปสืบให้ ผ่านไป หลายวัน พี่เขาก็ไม่ติดต่อมา แต่เพื่อนติดต่อมาแทนบอกว่า “แกจำได้ไหม ที่พี่เขาเลิกกับแฟน แฟนเขาไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้แฟนเขากลับมาแล้ว” แค่นี้ก็รู้แล้วว่า ประวัติศาสตร์การอยู่คนเดียวกลับมาอีกครั้ง และหลังจากคำตอบเพื่อน พี่เขาก็หายไปแบบไม่ติดต่อมาเลยจริงๆ
คบเผื่อเลือก? หาคนคุยระหว่างรอ? ไม่ถ่ายรูปคู่เพราะไม่อยากผูกมัด? นี่คือสิ่งที่เราคิด
ทุกอย่างจบ….ร้องไห้ อีกตามเคยแต่ไม่ได้เสียใจที่พี่เขาจากไป แต่สงสารตัวเอง
…
ผ่านมาเป็นปี เราก็ใช่ชีวิตปกติอีกเหมือนเดิม จนคิดว่าชาตินี้คงไม่เจอคนที่รักเราจริงๆ ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนแต่งงาน ญาติแต่งงาน หรือแม้แต่หลานๆ แต่งงาน ก็ได้แต่ดีใจ แต่ในใจ เราคงไม่มีโอกาสแบบนี้ ผ่านร้าน wedding เราคงไม่มีวันได้ใส่!!
…
จนวันนี้ ต้นเหตุของการเขียนกระทู้ เพราะ…..
ขอย้อนนิดหนึ่งว่า คุณแม่ของเรา เป็นคนชอบดูดวง เคยเอาดวงลูกๆ ไปดู บ้านเรามีลูกสาว 3 คน สมัยนั้นแม่เอาดวงลูก 3 คนไปดู ตอนนั้นเราเพิ่งอยู่มัธยมปลายเอง แม่แค่บอก วันเดือน ปีเกิดแค่นั้น
แต่หมอดูทักว่า ลูกคนโต หัวแข็ง ใจร้อน อารมณ์ร้อน ค่อนข้างจะมีปัญหากว่าคนอื่น แต่ถ้าแต่งงานแล้วจะดีขึ้น
ลูกคนที่ 2 (คือเรา) คนนี้ใจเย็น มีเหตุผล เป็นที่พึ่งของพ่อและแม่ได้ แต่อาภัพเรื่องคู่ เนื้อคู่จะไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน จะได้คนที่แก่กว่าหรือเด็กกว่า
ลูกคนที่ 3 นิ่งเงียบ แต่ถ้าได้ด่าคือด่าไฟแล่บ เนื้อคู่เป็นคนรุ่นเดียวกัน
…
ซึ่งเราไม่เคยเชื่อเรื่องดวง เรื่องหมอดู แต่ก็ตรง พี่สาวเราแต่งงานแล้ว ใจเย็นลง น้องสาวมีแฟนแล้วรุ่นเดียวกัน และเรา เนื้อคู่ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน (คนแรก) อาจจะได้คนที่แก่กว่า (คนที่ 2…ไปแล้ว) และคนที่ 3 เด็กกว่า….
….
เพราะผิดหวังมา 2 ครั้งแล้ว นี่คือครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราแล้ว ลองให้โอกาสอีกครั้ง
…
คนที่ 3 เรารู้จักกันเพราะคำแนะนำอีกเช่นเคย
เรารู้จากคนที่แนะนำแค่ว่า เขาไม่มีแฟน เลิกกันแล้ว แต่ใจเราก็กลัวว่า จะไม่มีปัญหาตามมาใช่ไหม?
แต่พอเราได้คุยกัน เราคุยกันง่าย คุยได้ทุกเรื่อง เรื่องครอบครัว เรื่องงาน จึงสนิทกันเร็ว ด้วยสายงานแล้วก็พอจะเข้าใจการทำงานกัน แต่ด้วยอายุห่างกัน คือเราอายุเยอะกว่า (เราแก่กว่า 5 ปี) แต่เขาบอกว่า อายุไม่สำคัญขอแค่เข้าใจกันพอ เพราะเราคุยกันได้ทุกเรื่อง เขาพูดถึงอนาคตและบางครั้งมีเราในอนาคตของเขาด้วย ทักทาย ดูแลเป็นห่วงกัน เราจึงรู้สึกดี ถึงระยะเวลาไม่นานมาก แต่เรา 2 คนก็เคยพูดกันว่า รู้สึกผูกพันกันมาก เวลาเขาโทรมา เรายังอยู่ที่ทำงาน พอมีคนถามว่าคุยกับใคร เขาก็บอกว่า ให้บอกไปเลยว่า “คุยกับแฟน” เขาก็บอกว่าถ้ามีคนถาม ก็บอกว่ามีแฟนแล้ว แฟนชื่ออะไร? ทำงานอะไร? บอกไปเลย หลายๆอย่าง เขาทำให้เรารู้สึกดี เขาเคยถามเราว่า อนาคตจะคบกับเขาไหม? จะเป็นแฟนกันได้ไหม? เราจึงลืมจุดที่ว่าเรื่องแฟนเขา ชัดเจนหรือยัง?
….
จนวันนี้เราบอกตัวเองว่า เราจะคบกับเขา
แต่พอเราตัดสินใจแบบนี้…เราก็เจ็บอีก
…
….เหตุการณ์หนึ่ง (ขอไม่เล่า) เขาทำให้เราคิดว่า เราเป็นใครกัน? เขากับแฟนยังคงติดต่อกันอยู่ และวันนั้นเขาไม่สะดวกคุยกับเรา
วันนั้นเราร้องไห้หนักมากๆๆ เพราะด้วยเราป่วยด้วย มันจึงอ่อนแอไปหมด เราร้องไห้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเช้าของอีกวัน วันนั้นสงสารตัวเองมากๆ สงสารที่ไม่เคยสมหวังเรื่องความรักเลยสักครั้ง ช่วงที่ผิดหวังร้องไห้มากๆ ในสมองคิดว่า ชาติที่แล้วเราทำบาปเยอะหรอ? เราไปแย่งของเขามาหรอ? ชาตินี้เราจึงไม่เคยสมหวังเลย
เราเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่ชอบปาร์ตี้ (แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไป/งานบริษัท)
เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริง “รักคือรักมาก ห่วงคือห่วงมาก” ถ้าเรารัก เราก็จะบอกตรงๆ ว่ารัก ถ้าเราคิดถึง เราก็จะบอกตรงๆว่าคิดถึง เราเป็นคนที่คบใคร ให้เกียรติเสมอ เชื่อใจ บอกให้เราเชื่อใจเราก็เชื่อ เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาไม่เล่าเราก็จะไม่ถาม ขอแค่บอกเหตุผลและเข้าใจกันก็พอ เพื่อนเคยบอกว่า “แกไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นคนดี เดี๊ยวก้อเจอคนดีดี” เราก็ตอบกลับไปว่า “เราเจอแต่คนทิ้งเราไป” เพื่อนก็ได้แต่ลูบหัวแล้วก้อเช็ดน้ำตาเรา ความรักในมุมมองของเราคือ “รักคือรอยยิ้มของคนทั้งคู่” ไม่ใช่ 1 คนยิ้ม 1 คนร้องไห้…