คุณผิดหวังในเรื่องความรักกันแบบไหนบ้าง?

ครั้งแรกในการเขียนกระทู้แรก ไม่รู้ว่าขึ้นหัวข้อว่าอะไรดี… คุณเชื่อเรื่องชาติที่แล้วไหม? คุณเชื่อว่าคนดีดีจะต้องเจอแต่สิ่งดีดีไหม?
นี้คือความรักที่เคยเกิดขึ้นจริง เรื่องจริงจากชีวิตจริงๆ ของเราเอง อาจจะยาวหน่อย แต่ถ้าคนที่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นยังไง…จะเข้าใจ

เราเป็นผู้หญิง อายุ 30 อัฟแล้ว สถานะตอนนี้คือโสด และโสดมา 5 ปีเต็ม เราเคยมีความรักแต่ตอนนี้เราลืมความรู้สึกนั้นไปแล้ว จนวันนี้….
เข้าเรื่องเลยนะค่ะ เรา และ ผู้ชาย 3 คนในชีวิต
เราเคยมีแฟน คนแรก (คนที่ 1) คบกับมานานมาก ตั้งแต่สมัยเรียน จนเข้ากรุงเทพฯ มาทำงาน ทุกอย่างก็ปกติ แต่ยอมรับว่าแฟนค่อนข้างคุยเก่ง เจ้าชู้ รุ่นน้องชอบเยอะ แต่ตอนนั้นก็มีเรา มีปัญหาหยุ๋มหยิ๋มบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ จนมาทำงานในกรุงเทพฯ เค้าทำงานในบริษัทค่อนข้างดี โอกาสเจอคนและสังคมค่อนข้างเยอะ บวกกับเค้าอัธยาศัยดี คุยง่าย จึงมีเพื่อนฝูงเยอะ ส่วนเราทำงานอีกที่ บริษัทค่อนข้างดีเหมือนกัน แต่งานของเราไม่ได้เจอผู้คนเยอะ เช้าทำงาน เย็นกลับบ้าน เสาร์-อาทิตย์ เราก็ไปหาเค้าที่บ้าน บางทีเค้าก็มาหา เราคบกันมานานจนพ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็รับรู้ ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ แต่เรื่องกุ๊กกิ๊กของเค้ากับเด็กๆ ก็มีมาให้รู้บ่อยๆ แต่เราก็จะนิ่ง รู้แต่ยังไม่แสดงออก
….
คุณผู้หญิงเชื่อไหม? ว่าผู้หญิงเรามีเซ้นต์ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
จนวันหนึ่งเขาบอกว่า เขาจะย้ายไปอยู่สาขาหนึ่งที่อยู่ต่างจังหวัด เพื่อโอกาสก้าวหน้า เราก็ใจหาย เพราะคือ เราต้องไกลกัน เมื่อก่อนการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศไม่ได้ไปง่ายๆและถูกเหมือนสมัยนี้ เขาบอกว่าขอทำงานอีกหน่อย เดี๊ยวจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่น และเขาบอกว่า เพื่ออนาคต เก็บเงินอีกหน่อยก็จะได้แต่งงานกัน เราก็ยังโทรหากัน คุยกัน เทศกาล เขามาหาเราที่ กทม บ้าง บางทีเราก้อไปหาเขาที่โน้น จนหลังๆ สิ่งปกติก้อเกิดขึ้น เราโทรหากันน้อยลง คุยกันน้อยลง โทรไปรอสายตลอด แต่เขาก็โทรกลับมาหลังจากนั้นแต่ก็นานพอควรกว่าจะโทรกลับมา จนเทศกาลหนึ่งเราไปหาเขาที่โน้น ทุกอย่างเริ่มไม่เหมือนเดิม มีของบางอย่างในห้องเขาเพิ่มขึ้น กิ๊บติดผม!! ยางมัดผม!! ที่ซุกๆๆไว้ในลิ้นชักโต๊ะ หลังจากนั้นเราเริ่มถาม และเริ่มทะเลาะกันมาเรื่อยๆ แต่เราก้อพยายามมากถึงมากที่สุด ที่จะเก็บๆๆๆและไม่ทะเลาะ เพื่อประคองความรักไว้ และทุกครั้งที่ทะเลาะพอเราร้องไห้ เค้าก็จะนิ่งแล้วก็ขอโทษ แล้วก็พูดว่า “เค้ามีตัวเองคนเดียว” แค่คำพูดแค่นี้ เราจึงยอมมาตลอด จนวันที่ไม่เคยคิดก็มาถึง เราอยู่ กทม ทำงาน ใช้ชีวิตปกติ โทรคุยโทรหา ถึงแม้จะติดบ้างรับบ้างไม่รับบ้าง แต่ยังได้คุย จนคืนหนึงเมื่อ 5 ปีแล้ว เขาเป็นฝ่ายโทรมาก่อน แล้วพูดว่า “เราเลิกกันเถอะ เค้ามีแฟนใหม่แล้ว” ทุกอย่างดูอื้อไปหมด จุกและร้องไห้ไม่ออก แต่ปากก็ยังสามารถอ้าและถามเขาไปว่า “ทำไม เกิดอะไรขึ้น ทำไมอะ” เขาบอกว่าเขาเจอคนที่ใช่แล้ว แล้วเขาก็วางสายไป นั้นคือประโยคสุดท้ายที่เราได้ยินเสียงเขา เราพยายามโทรหาเขาทั้งคืนแต่เขาไม่รับ เราเหนื่อยและเจ็บมาก ร้องไห้คนเดียวทั้งคืน จนเช้าสิ่งที่ทำให้เราเจ็บเจียนตายคือ เขาลบเราออกจากโซเชี่ยลทั้งหมด Facebook, MSN (สมัยนั้นยังฮิต) และบล็อกเบอร์เรา เราติดต่อเขาไม่ได้เลย เขาทิ้งให้เราอยู่กับตัวเองมาตั้งแต่วันนั้น ผ่านไป 1 อาทิตย์ เราตัดสินใจโทรหาคุณแม่เขา และบอกว่า “ทำไม…(ชื่อแฟน)..ทำกับหนูแบบนี้” แม่เขาก็ร้องไห้เพราะสงสารเรา แต่สุดท้าย เมื่อลูกชายเขาเลือกใคร คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องตามใจลูก จริงไหมค่ะ
…..
ทุกอย่างจบแบบนั้น
…..
หลังจากวันนั้น 5 เดือนถัดมา เขาก็แต่งงาน (แต่งปกติ ไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนั้นท้อง แต่เพราะเขาทั้งคู่ก็คบกันสักพักทั้งๆที่มีเราด้วย) แต่เรา…จากที่เป็นคนร่าเริง ตลก ยิ้มๆๆ ทุกอย่างหายหมด เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี เช้าทำงาน-เย็นกลับบ้าน ไม่ยิ้ม ไม่สดใจ ไม่ไปไหนกับเพื่อน เพื่อนๆก็รู้แต่ได้แต่ให้กำลังใจ และเราเป็นคนที่จะไม่ยอมเอาเรื่องทุกข์และไม่สบายไประบายให้คนอื่นทุกข์ไปอีก เก็บไว้คนเดียว กลางวันทำงานปกติ แต่พอถึงห้องเปิดประตูเข้าห้อง ก็ทิ้งตัวเองร้องไห้ 2 ปีเต็มๆ เราไม่ฟังเพลงช้า เพลงอกหัก 2 ปีเต็มๆ จากที่น้ำตาไหลทุกวัน จนมันเริ่มน้อยลงๆ จนไม่มีน้ำตา แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจาง เราอยู่กับตัวเอง 2 ปี ไปในที่ที่อยากไปคนเดียว ไปเชียงราย-เชียงใหม่คนเดียว ไปชะอำคนเดียว ไปพัทยาคนเดียว คิดๆ อยู่กับตัวเอง แต่อีก 2 ปี หลัง ความชินชาและความเข้มแข็งเริ่มมากขึ้น ก็เริ่มใช้ชีวิตปกติกับเพื่อนกับสิ่งที่ตัวเองชอบ เพื่อนรู้ว่าเรารักใครรักจริง และรักมาก แต่เพื่อนก็ยังแนะนำคนมาให้รู้จัก แต่เราปิดตัวเอง… 1 กลัวรักมาก / 2 กลัวเจ็บอีก เราเลยปฏิเสธ

จนวันหนึ่งเริ่มฟังคนรอบข้างมากขึ้น เริ่มให้โอกาสตัวเอง
คนที่ 2 จึงเข้ามา เป็นรุ่นพี่ของเพื่อน เขาเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้ 2 ปี เราเลยได้คุยกัน ลองๆ คบดู แต่เพราะเขาอายุห่างกับเราประมาณ 7 ปี และเขามีธุรกิจของตัวเอง และความที่เขาเป็นผู้ใหญ่ การคุยกันจึงดูแบบเกร็งๆ แต่เขาก็เป็นคนดี สุภาพบุรุษ เราทำงานหยุดเสาร์-อาทิตย์ พี่เขาก็จะคอยถามเสมอว่า ไปเที่ยวไหนไหม เดี๊ยวพี่พาไป? เราไปเที่ยวกันประมาณ 4-5 ครั้ง ไปแบบ ไปเช้า-เย็นกลับ ออกตัวก่อนว่า กับคนที่ 2 ตลอดระยเวลา 6 เดือน ไม่มีความสัมพันธ์อะไรเลย แม้แต่จับมือยังไม่เคย ทุกอย่างเหมือนจะดี เราก็เริ่มรู้สึกว่า พี่คนนี้คงจะใช่และดูแลเราได้ แต่บางอย่างเหมือนเรายังเข้าไม่ถึง เวลาไปเที่ยว พี่เขาก็จะถามถ่ายรูปไหม? พี่ถ่ายให้ป่าว? เพราะพี่เขาเล่นกล้องชอบถ่ายรูป แต่เราไม่ชอบถ่ายคนเดียว ก็บอกว่า “ก็ถ่ายด้วยกัน” แต่พี่เขาไม่ถ่าย เขาไม่เคยถ่ายรูปคู่เราเลยสักรูปเดียว เป็นสิ่งที่เป็นคำถามในใจเราตลอดมาว่าทำไม? ทุกอย่างเป็นแบบนี้ 6 เดือน จนวันหนึ่ง…ช่วงหนึ่งพี่เขาเงียบไป ครั้งสุดท้ายที่คุยคือ เพราะลูกจ้างลาออกไป 3 คน งานจึงค้างและต้องเร่งทำให้เสร็จ ทำให้พี่เขาต้องยุ่งไปด้วย เราก้อเข้าใจ แต่มันนานเกินไปที่ไม่ติดต่อมาเลย.. 2 วันเงียบไป เราก็ไลน์ไปหา คำตอบคือ “ช่วงนี้พี่ยุ่งมาก” เราก็ อะ เข้าใจ จนผ่านไป 1 อาทิตย์ นานเกินไปละ เราเลยถามเพื่อนว่า พี่ …(ชื่อพี่เขา).. เงียบไปเลย แกรู้ไหม? เพื่อนก็บอกว่าไม่ได้คุยเหมือนกัน แต่เพื่อนก็จะไปสืบให้ ผ่านไป หลายวัน พี่เขาก็ไม่ติดต่อมา แต่เพื่อนติดต่อมาแทนบอกว่า “แกจำได้ไหม ที่พี่เขาเลิกกับแฟน แฟนเขาไปต่างประเทศ แต่ตอนนี้แฟนเขากลับมาแล้ว” แค่นี้ก็รู้แล้วว่า ประวัติศาสตร์การอยู่คนเดียวกลับมาอีกครั้ง และหลังจากคำตอบเพื่อน พี่เขาก็หายไปแบบไม่ติดต่อมาเลยจริงๆ
คบเผื่อเลือก? หาคนคุยระหว่างรอ? ไม่ถ่ายรูปคู่เพราะไม่อยากผูกมัด? นี่คือสิ่งที่เราคิด
ทุกอย่างจบ….ร้องไห้ อีกตามเคยแต่ไม่ได้เสียใจที่พี่เขาจากไป แต่สงสารตัวเอง

ผ่านมาเป็นปี เราก็ใช่ชีวิตปกติอีกเหมือนเดิม จนคิดว่าชาตินี้คงไม่เจอคนที่รักเราจริงๆ ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนแต่งงาน ญาติแต่งงาน หรือแม้แต่หลานๆ แต่งงาน ก็ได้แต่ดีใจ แต่ในใจ เราคงไม่มีโอกาสแบบนี้ ผ่านร้าน wedding เราคงไม่มีวันได้ใส่!!

จนวันนี้ ต้นเหตุของการเขียนกระทู้ เพราะ…..
ขอย้อนนิดหนึ่งว่า คุณแม่ของเรา เป็นคนชอบดูดวง เคยเอาดวงลูกๆ ไปดู บ้านเรามีลูกสาว 3 คน สมัยนั้นแม่เอาดวงลูก 3 คนไปดู ตอนนั้นเราเพิ่งอยู่มัธยมปลายเอง แม่แค่บอก วันเดือน ปีเกิดแค่นั้น
แต่หมอดูทักว่า ลูกคนโต หัวแข็ง ใจร้อน อารมณ์ร้อน ค่อนข้างจะมีปัญหากว่าคนอื่น แต่ถ้าแต่งงานแล้วจะดีขึ้น
ลูกคนที่ 2 (คือเรา) คนนี้ใจเย็น มีเหตุผล เป็นที่พึ่งของพ่อและแม่ได้ แต่อาภัพเรื่องคู่ เนื้อคู่จะไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน จะได้คนที่แก่กว่าหรือเด็กกว่า
ลูกคนที่ 3 นิ่งเงียบ แต่ถ้าได้ด่าคือด่าไฟแล่บ เนื้อคู่เป็นคนรุ่นเดียวกัน

ซึ่งเราไม่เคยเชื่อเรื่องดวง เรื่องหมอดู แต่ก็ตรง พี่สาวเราแต่งงานแล้ว ใจเย็นลง น้องสาวมีแฟนแล้วรุ่นเดียวกัน และเรา เนื้อคู่ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน (คนแรก) อาจจะได้คนที่แก่กว่า (คนที่ 2…ไปแล้ว) และคนที่ 3 เด็กกว่า….
….
เพราะผิดหวังมา 2 ครั้งแล้ว นี่คือครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราแล้ว ลองให้โอกาสอีกครั้ง

คนที่ 3 เรารู้จักกันเพราะคำแนะนำอีกเช่นเคย
เรารู้จากคนที่แนะนำแค่ว่า เขาไม่มีแฟน เลิกกันแล้ว แต่ใจเราก็กลัวว่า จะไม่มีปัญหาตามมาใช่ไหม?
แต่พอเราได้คุยกัน เราคุยกันง่าย คุยได้ทุกเรื่อง เรื่องครอบครัว เรื่องงาน จึงสนิทกันเร็ว ด้วยสายงานแล้วก็พอจะเข้าใจการทำงานกัน แต่ด้วยอายุห่างกัน คือเราอายุเยอะกว่า (เราแก่กว่า 5 ปี) แต่เขาบอกว่า อายุไม่สำคัญขอแค่เข้าใจกันพอ เพราะเราคุยกันได้ทุกเรื่อง เขาพูดถึงอนาคตและบางครั้งมีเราในอนาคตของเขาด้วย ทักทาย ดูแลเป็นห่วงกัน เราจึงรู้สึกดี ถึงระยะเวลาไม่นานมาก แต่เรา 2 คนก็เคยพูดกันว่า รู้สึกผูกพันกันมาก เวลาเขาโทรมา เรายังอยู่ที่ทำงาน พอมีคนถามว่าคุยกับใคร เขาก็บอกว่า ให้บอกไปเลยว่า “คุยกับแฟน”  เขาก็บอกว่าถ้ามีคนถาม ก็บอกว่ามีแฟนแล้ว แฟนชื่ออะไร? ทำงานอะไร? บอกไปเลย หลายๆอย่าง เขาทำให้เรารู้สึกดี เขาเคยถามเราว่า อนาคตจะคบกับเขาไหม? จะเป็นแฟนกันได้ไหม? เราจึงลืมจุดที่ว่าเรื่องแฟนเขา ชัดเจนหรือยัง?
….
จนวันนี้เราบอกตัวเองว่า เราจะคบกับเขา
แต่พอเราตัดสินใจแบบนี้…เราก็เจ็บอีก

….เหตุการณ์หนึ่ง (ขอไม่เล่า) เขาทำให้เราคิดว่า เราเป็นใครกัน? เขากับแฟนยังคงติดต่อกันอยู่ และวันนั้นเขาไม่สะดวกคุยกับเรา
วันนั้นเราร้องไห้หนักมากๆๆ เพราะด้วยเราป่วยด้วย มันจึงอ่อนแอไปหมด เราร้องไห้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเช้าของอีกวัน วันนั้นสงสารตัวเองมากๆ สงสารที่ไม่เคยสมหวังเรื่องความรักเลยสักครั้ง ช่วงที่ผิดหวังร้องไห้มากๆ ในสมองคิดว่า ชาติที่แล้วเราทำบาปเยอะหรอ? เราไปแย่งของเขามาหรอ? ชาตินี้เราจึงไม่เคยสมหวังเลย
เราเป็นผู้หญิงธรรมดามาก ไม่ดื่ม ไม่สูบ ไม่ชอบปาร์ตี้ (แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องไป/งานบริษัท)
เป็นคนที่รักใครแล้วรักจริง “รักคือรักมาก ห่วงคือห่วงมาก” ถ้าเรารัก เราก็จะบอกตรงๆ ว่ารัก ถ้าเราคิดถึง เราก็จะบอกตรงๆว่าคิดถึง เราเป็นคนที่คบใคร ให้เกียรติเสมอ เชื่อใจ บอกให้เราเชื่อใจเราก็เชื่อ เราจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาไม่เล่าเราก็จะไม่ถาม ขอแค่บอกเหตุผลและเข้าใจกันก็พอ เพื่อนเคยบอกว่า “แกไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นคนดี เดี๊ยวก้อเจอคนดีดี” เราก็ตอบกลับไปว่า “เราเจอแต่คนทิ้งเราไป” เพื่อนก็ได้แต่ลูบหัวแล้วก้อเช็ดน้ำตาเรา ความรักในมุมมองของเราคือ “รักคือรอยยิ้มของคนทั้งคู่” ไม่ใช่ 1 คนยิ้ม 1 คนร้องไห้…
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่