วันที่ 10 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ตัวเล็กได้จากหน่อยไปแล้วค่ะ
ขออนุญาตมาโพสต์แจ้งเพื่อนๆ ที่รู้จักกันในห้องสุนัข
ขออนุญาต Tag "บันทึกนักเดินทาง" เพราะตัวเล็กมีโอกาสได้อยู่ในกระทู้รีวิวท่องเที่ยวหลาย ๆ ทริป
มาแจ้งช้า เพราะว่าหลังจากที่ตัวเล็กจากไป หน่อยยังไม่พร้อมที่จะเขียนถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น
แค่คิดถึงก็ปวดใจ ไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น กลัวว่าความทุกข์ที่เป็น จะทำให้ลูกเป็นห่วง
และจากไปแบบมีกังวล
ตัวเล็กจากหน่อยไปในขณะที่มีอายุ 17 ปี 3 เดือน และอยู่ด้วยกันมา รวม 17 ปี 19 วัน
ซึ่งจริง ๆ ต้องขอบคุณลูกมากๆ ที่มีชีวิตยืนยาวร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหน่อยมานานขนาดนี้
ตัวเล็กจากไปด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งในตับค่ะ (ตรวจพบเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2558)
วันที่ตรวจพบ พอคุณหมอที่ร.พ.ส.จุฬา แจ้งข่าวร้าย คุยเรื่องการดูแล เรียบร้อยแล้ว
หน่อยก็ยืนร้องไห้หน้าห้องตรวจคนเดียว ได้แต่มองลูกที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าแบบโคตรเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
หลังจากตรวจพบโรคร้ายก็แสดงอาการไวมาก
จากทริปล่าสุดที่พาตัวเล็กไปเที่ยว จ.อุทัยธานี ในเดือนก.ย. 58 (
http://pantip.com/topic/34216010)
ตอนนั้นตัวเล็กยังโอเค ยังเดินไหว ยังกินได้
เดือนก.ย. ช่างมาติดตั้งแอร์ใหม่ในห้องนอน ตัวเล็กยังสามารถวิ่งขึ้นบันได 3 ชั้น ด้วยตัวเองเพื่อมานั่งเฝ้า / เห่า ช่างแอร์ได้เหมือนปกติ
16 ต.ค. 58 ตัวเล็กเริ่มไม่ยอมกินอาหารอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เคยชอบขนาดไหน
มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการป้อนสารอาหารน้ำ บางวันก็ไม่ยอมกิน ป้อนแล้วก็บ้วนออกมา ใช้เวลาในการป้อนสารอาหารน้ำ วันละ 2 มื้อ
ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
หลังจากตรวจพบ หน่อยก็เริ่มตื่นไปทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ตัวเล็กและเจ้ากรรมนายเวรของตัวเล็กบ่อย ๆ
ตั้งจิต อธิษฐานว่า ถ้าวันใดที่ ตัวเล็ก หมดกรรมแล้ว ก็ขอให้ไปแบบสบาย ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน
และให้เจ้ากรรมนายเวรของตัวเล็ก ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้ แล้วอโหสิกรรมให้กับตัวเล็ก ด้วย
(หน่อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกจะได้รับผลบุญนี้มั้ย แต่ในฐานะที่หน่อยนับถือศาสนาพุทธ มีโอกาสพาตัวเล็กเข้าวัดไปทำสังฆทานอยู่บ้าง
คิดว่าภพภูมิในชาตินี้ ลูกเกิดเป็นสุนัข ไม่สามารถทำบุญใส่บาตรด้วยตัวเองได้ ถ้าหน่อยไม่ทำให้ แล้วลูกจะสะสมบุญในภพภูมินี้ได้ยังไง)
จากนั้นก็เริ่มให้ตัวเล็กฟังบทสวด อิติปิโส รอบละ 108 จบ วันละ 2 รอบ หรือมากกว่านั้น
สิ่งที่ทำเป็นประจำทุก ๆ วันคือ การกอด การหอม และบอกลาลูกก่อนนอน และก่อนไปทำงาน
โดยบอกลูกเสมอๆ ว่า ถ้าวันไหน ลูกไม่ไหวก็ขอให้ลูกไปได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง แม่โอเค แม่อยู่ได้
ในทุก ๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ควานหาตัวเล็กข้างกายก่อนเพื่อดูว่า ลูกยังหายใจอยู่หรือเปล่า
หลังจากตัวเล็ก เสียไปได้ 10 วัน (ทำพิธีเผาและนิมนต์พระมาสวดเรียบร้อย) หน่อยก็เก็บอัฐิไว้ในห้องนอน
วันที่ 19 ธ.ค. 58 ก็เอาอัฐิไปทำพิธีลอยอังคาร ที่สัตหีบ คิดว่าตอนนี้ลูกน่าจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้ว
ช่วงนี้หน่อยก็ยังตื่นเช้ามาทำบุญใส่บาตรให้ลูกอย่างต่อเนื่อง ตั้งใจว่า จะใส่บาตรให้ครบ 100 วัน (ตอนนี้ได้ 78 วันแล้ว)
มีไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้บ้าง สัปดาห์ที่แล้ว ครบ 100 วัน ก็ไปทำสังฆทานที่วัดให้
สิ่งสำคัญที่ทำให้ หน่อย สามารถเข็มแข็งพอที่จะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้มาได้ มีอย่างเดียว คือ ความรัก
ความรักที่มีให้มันมากมาย จนไม่กล้าพอที่จะ ร้องไห้ คร่ำครวญ เพราะกลัวว่าจะทำให้ลูกเป็นห่วง แล้วไปแบบมีห่วง
ทั้ง ๆ ที่แค่แว่บคิดถึง น้ำตาก็เอ่อรอแล้ว
ช่วงแรก ๆ ที่ตัวเล็ก ไม่อยู่แล้ว ต้องกำชับเพื่อนๆ คนรอบข้างทุก ๆ คน กรุณาอย่าถาม อย่าพูดถึง เพราะไม่สามารถคุยต่อได้
ไม่สามารถห้ามน้ำตาได้ (จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็น)
สำหรับคนอื่น อาจมองว่า ตัวเล็ก เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง แต่สำหรับหน่อย ตัวเล็ก คือลูก เป็นสมาชิกในครอบครัว
และก็หวังว่า ในภพภูมิข้างหน้า หน่อยกับตัวเล็ก จะได้มีโอกาสได้พบ ได้รู้จักกัน เหมือนที่ผ่านมา
สำหรับตัวเล็ก
เส้นทางนี้ แม่ไม่สามารถเดินไปพร้อม ๆ กันกับลูกเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาได้
ขอให้ลูกได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี มีแต่คนรักและเมตตานะ แม่จะหมั่นทำบุญ ส่งไปให้บ่อย ๆ รักลูกที่สุด
>> พา tuarlek มาลา ค่ะ <<
ขออนุญาตมาโพสต์แจ้งเพื่อนๆ ที่รู้จักกันในห้องสุนัข
ขออนุญาต Tag "บันทึกนักเดินทาง" เพราะตัวเล็กมีโอกาสได้อยู่ในกระทู้รีวิวท่องเที่ยวหลาย ๆ ทริป
มาแจ้งช้า เพราะว่าหลังจากที่ตัวเล็กจากไป หน่อยยังไม่พร้อมที่จะเขียนถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น
แค่คิดถึงก็ปวดใจ ไม่อยากให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์นั้น กลัวว่าความทุกข์ที่เป็น จะทำให้ลูกเป็นห่วง
และจากไปแบบมีกังวล
ตัวเล็กจากหน่อยไปในขณะที่มีอายุ 17 ปี 3 เดือน และอยู่ด้วยกันมา รวม 17 ปี 19 วัน
ซึ่งจริง ๆ ต้องขอบคุณลูกมากๆ ที่มีชีวิตยืนยาวร่วมทุกข์ร่วมสุขกับหน่อยมานานขนาดนี้
ตัวเล็กจากไปด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งในตับค่ะ (ตรวจพบเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2558)
วันที่ตรวจพบ พอคุณหมอที่ร.พ.ส.จุฬา แจ้งข่าวร้าย คุยเรื่องการดูแล เรียบร้อยแล้ว
หน่อยก็ยืนร้องไห้หน้าห้องตรวจคนเดียว ได้แต่มองลูกที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าแบบโคตรเสียใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
หลังจากตรวจพบโรคร้ายก็แสดงอาการไวมาก
จากทริปล่าสุดที่พาตัวเล็กไปเที่ยว จ.อุทัยธานี ในเดือนก.ย. 58 (http://pantip.com/topic/34216010)
ตอนนั้นตัวเล็กยังโอเค ยังเดินไหว ยังกินได้
เดือนก.ย. ช่างมาติดตั้งแอร์ใหม่ในห้องนอน ตัวเล็กยังสามารถวิ่งขึ้นบันได 3 ชั้น ด้วยตัวเองเพื่อมานั่งเฝ้า / เห่า ช่างแอร์ได้เหมือนปกติ
16 ต.ค. 58 ตัวเล็กเริ่มไม่ยอมกินอาหารอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เคยชอบขนาดไหน
มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการป้อนสารอาหารน้ำ บางวันก็ไม่ยอมกิน ป้อนแล้วก็บ้วนออกมา ใช้เวลาในการป้อนสารอาหารน้ำ วันละ 2 มื้อ
ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง
หลังจากตรวจพบ หน่อยก็เริ่มตื่นไปทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ตัวเล็กและเจ้ากรรมนายเวรของตัวเล็กบ่อย ๆ
ตั้งจิต อธิษฐานว่า ถ้าวันใดที่ ตัวเล็ก หมดกรรมแล้ว ก็ขอให้ไปแบบสบาย ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ทรมาน
และให้เจ้ากรรมนายเวรของตัวเล็ก ได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้ แล้วอโหสิกรรมให้กับตัวเล็ก ด้วย
(หน่อยก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกจะได้รับผลบุญนี้มั้ย แต่ในฐานะที่หน่อยนับถือศาสนาพุทธ มีโอกาสพาตัวเล็กเข้าวัดไปทำสังฆทานอยู่บ้าง
คิดว่าภพภูมิในชาตินี้ ลูกเกิดเป็นสุนัข ไม่สามารถทำบุญใส่บาตรด้วยตัวเองได้ ถ้าหน่อยไม่ทำให้ แล้วลูกจะสะสมบุญในภพภูมินี้ได้ยังไง)
จากนั้นก็เริ่มให้ตัวเล็กฟังบทสวด อิติปิโส รอบละ 108 จบ วันละ 2 รอบ หรือมากกว่านั้น
สิ่งที่ทำเป็นประจำทุก ๆ วันคือ การกอด การหอม และบอกลาลูกก่อนนอน และก่อนไปทำงาน
โดยบอกลูกเสมอๆ ว่า ถ้าวันไหน ลูกไม่ไหวก็ขอให้ลูกไปได้เลย ไม่ต้องเป็นห่วง แม่โอเค แม่อยู่ได้
ในทุก ๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ควานหาตัวเล็กข้างกายก่อนเพื่อดูว่า ลูกยังหายใจอยู่หรือเปล่า
หลังจากตัวเล็ก เสียไปได้ 10 วัน (ทำพิธีเผาและนิมนต์พระมาสวดเรียบร้อย) หน่อยก็เก็บอัฐิไว้ในห้องนอน
วันที่ 19 ธ.ค. 58 ก็เอาอัฐิไปทำพิธีลอยอังคาร ที่สัตหีบ คิดว่าตอนนี้ลูกน่าจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้ว
ช่วงนี้หน่อยก็ยังตื่นเช้ามาทำบุญใส่บาตรให้ลูกอย่างต่อเนื่อง ตั้งใจว่า จะใส่บาตรให้ครบ 100 วัน (ตอนนี้ได้ 78 วันแล้ว)
มีไปสวดมนต์ทำวัตรเย็น อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้บ้าง สัปดาห์ที่แล้ว ครบ 100 วัน ก็ไปทำสังฆทานที่วัดให้
สิ่งสำคัญที่ทำให้ หน่อย สามารถเข็มแข็งพอที่จะก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนี้มาได้ มีอย่างเดียว คือ ความรัก
ความรักที่มีให้มันมากมาย จนไม่กล้าพอที่จะ ร้องไห้ คร่ำครวญ เพราะกลัวว่าจะทำให้ลูกเป็นห่วง แล้วไปแบบมีห่วง
ทั้ง ๆ ที่แค่แว่บคิดถึง น้ำตาก็เอ่อรอแล้ว
ช่วงแรก ๆ ที่ตัวเล็ก ไม่อยู่แล้ว ต้องกำชับเพื่อนๆ คนรอบข้างทุก ๆ คน กรุณาอย่าถาม อย่าพูดถึง เพราะไม่สามารถคุยต่อได้
ไม่สามารถห้ามน้ำตาได้ (จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็น)
สำหรับคนอื่น อาจมองว่า ตัวเล็ก เป็นแค่สุนัขตัวหนึ่ง แต่สำหรับหน่อย ตัวเล็ก คือลูก เป็นสมาชิกในครอบครัว
และก็หวังว่า ในภพภูมิข้างหน้า หน่อยกับตัวเล็ก จะได้มีโอกาสได้พบ ได้รู้จักกัน เหมือนที่ผ่านมา
สำหรับตัวเล็ก
เส้นทางนี้ แม่ไม่สามารถเดินไปพร้อม ๆ กันกับลูกเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาได้
ขอให้ลูกได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี มีแต่คนรักและเมตตานะ แม่จะหมั่นทำบุญ ส่งไปให้บ่อย ๆ รักลูกที่สุด