สวัสดีค่ะ รบกวนปรึกษาค่ะ เริ่มเลยนะคะ
3 ปีที่แล้วเรากะพี่ที่ทำงานออกรถมาคนละคัน โดย
คันเราใช้ชื่อเค้าและเราค้ำ เค้าเซ็นต์ชุดโอนลอยให้
ส่วนคันเค้า ใช้ชื่อภรรยาเค้า และเราค้ำอีกค่ะ
ต่อมาอีก 1 ปี เริ่มมีปัญหาเรื่องงานกัน และเราทราบว่าเค้าเอาเงินบริษัทไปใช้
และก็มามีปัญหาเรื่องรถส่งล่าช้าเหมือนแกล้งกันไปมาทั้ง 2 คัน เค้าล็อกรหัสผ่านในการติดต่อกับไฟแนนซ์
ไม่ให้เรารู้ข้อมูล ไม่ส่งใบเสร็จให้เรา ฯลฯ
เหตุการ์ดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาเค้าพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานออกไป
เรากะว่าจะเปลี่ยนสัญญาโอนสิทธิ์เรื่องรถในเดือนหน้าปรากฎว่า
เมื่อไม่กี่วันก่อนเค้ามานั่งกินเหล้าในร้านอาหารที่ทำงาน แล้วขับรถออกไป
ส่วนสามีเราขับรถออกไปจะไปเติมน้ำมัน ขับไปได้ซักระยะ สามีนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าสตางค์
จึงเลี้ยวรถกลับมา ปรากฎว่า มีรถขับตามหลังมาแล้วเปิดไฟสูงใส่ 3 รอบ สามีขับเลนซ้าย
พอมาถึงที่เกิดเหตุใกล้ทางแยก มีรถกำลังจะกลับรถข้ามเลนมา สามีเลยชะลอรถแล้วเบรค
ปรากฎว่า รถคันที่เปิดไฟสูงใส่ชนท้ายรถเข้าเต็มๆ
สามีเปิดประตูลงมา เห็นเป็นรถพี่คนนั้น เลยมีอารมณ์เลยค่ะ เค้าบอกว่า เปิดไฟใส่ 3 รอบและเราเหยียบเบรคมาก่อนถึงแยกแล้ว
เหมือนทางนั้นคั้งใจชน สามีเลยไปกระโดดถีบรถ 2 ครั้ง พี่คู่กรณีเปิดประตูออกมาสามีเลยหยิบรองเท้าปาไปที่ประตูอีก 1 ครั้ง
คู่กรณีเดินเข้ามาผลักแล้วบอกสามีเราว่า ขับตามกูทำไม สามีบอกกลับไปว่าไม่ได้ตาม กูจะไปเติมน้ำมัน แล้วมงตามกุ ทำไม
สามีบอกได้กลิ่นเหล้าเลยเดินหนี คู่กรณีเดินตามรอบรถ สุดท้ายคู่กรณีเลยหนีขึ้นรถแท็กซี่ไป โดยทิ้งรถที่ชนไว้
ต่อมาตำรวจลงบันทึกว่าคู่กรณีประมาท แต่ประกันไม่ซ่อมรถคันเราเพราะ เท่ากับว่า คู่กรณีขับรถชนรถตัวเองไม่ซ่อมให้เรา
อีก 2 วันต่อมา คู่กรณีไปเจอเราที่ สน แจ้งความกลับว่าโดนสามีเราทำร้ายร่างกายจนมือหัก สามีเราโมโหมากเพราะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเค้าเลย
ตอนถีบรถเค้าก็ไม่ได้เปิดหรือกำลังเปิดประตูเลย จึงบอกตำรวจไปว่าเด๋วผมไปหาหลักฐานจากกล้องวงจรแถวนั้นก่อน
ลืมบอกไปค่ะ คู่กรณีเค้าบอกเค้ามีหลักฐานว่าเราทำร้ายเค้าค่ะ แต่ไม่รู้อะไรนะคะ
จากนั้นโชคเข้าข้างค่ะ ตรงจุดเกิดเหตุมี cctv ของ กทม อยู่ เลยติดต่อขอไปค่ะ เค้าให้รอ 1 สัปดาหา
ระหว่างนั้น เราทราบจากคนที่ทำงานว่า รถคันของเค้าได้ออกมาจาก สน แล้ว เลยโทรไปถามตำรวจ
พี่ตำบอกว่าที่ปล่อยรถไปเพราะ รถเป็นชื่อภารยาเค้า ไม่เกี่ยวกันเลยปล่อยไปได้ แต่คันของเราถือว่ามีส่วนได้เสียทั้ง 2 ฝ่าย
เลยต้องมาเซ็นต์ร่วมกัน
เราเลยบอกพี่คำว่า ฝากรถไว้ก่อนนะคะ รอหลักฐานอยุ่ ตำรวจรับปาก
ปรากฎว่า สามีไป สน อีกทีไม่เจอรถแล้วค่ะ ถามพี่ตำ เค้าบอกเค้าไม่รู้
เพิ่งรู้พร้อมเราและเค้าไม่ได้เฝ้าตลอด 24 ชม นะ เด๋วจะโทรหาคู่กรณีให้ว่าเอาไปป่าว
ปรากฎว่าคู่กรณีมายกรถไปคืนไฟแนนซ์ค่ะ บอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุไม่อยากผ่อนต่อแล้ว
โดยไฟแนนซ์ทราบว่าเราเป็นคนผ่อนเองทั้งหมด ไฟแนนซ์บอกว่า มายกไม่ได้ แต่ถ้าจะคืนต้องขับไปพร้อมกุญแจ
คู่กรณีก็บอกว่า กุญแจหาย สรุปไฟแนนซ์ไม่ออกมาแต่เค้าจ้างรถยกไปเองค่ะ โดยที่ยังมีทรัพย์สินเราอยู่ในนั้นอยู่เลย
คือตอนแรกคิดว่า สน จะปลอดภัยแต่กลับน่ากลัวที่สุดเลยค่ะ
เราเลยบอกพี่ตำว่า เราจะแจ้งความอะไรได้บ้าง เพราะทรัพย์สินเราอยุ่ในนั้น. พี่ตำบอกไม่รับแจ้งความจากเราค่ะ
เพราะเราไมาใช่ผู้เสียหาย และคู่กรณีมีสิทธิเอารถไปอยู่แล้ว
เราบอกพี่ตำว่า เราได้หลักฐานมาแล้วอยากให้เปิดดูเพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ผิด แต่พี่ตำบอกปิดคอมแล้ว ไม่ดู
ออกเวรแล้วด้วย และวันนั้นที่มาเจอเราไม่คุยเองนี่
ตอนนี้เรารู้สึกสลดใจมาก คือเป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ตำทำไมตอนแรกบอกเราเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แต่อีกวันกลายเป็นไม่ใช่ซะแล้ว
ส่วนเรื่องรถไฟแนนซ์แนะนำให้พึ่งศาลค่ะ เอาเอกสารที่เราเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดมา 3 ปีแล้ว ไปยื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งให้เค้าเซ็นต์ยินยอมให้ค่ะ
เร็วๆนี้ได้รับโทรศัพท์จากพี่ตำอีกท่านบอกจะหาทางออกให้ โดยถ้าเราอยากได้รถคืนก็ต้องไปเปลี่ยนสัญญนะ แล้วก็ต้องไปซ่อมรถเองด้วยทางคู่กรณีจะไม่จ่ายเงินให้. แต่จะถอนฟ้องทุกกรณีให้แทน แต่เรางงค่ะ คือเราไม่ผิดอะค่ะ และเราก็มีหลักฐานด้วย
เราควรทำไงต่อคะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
มีปัญหาทีไรที่นี่ก็เป็นที่พึ่งได้ทุกทีค่ะ
ปัญหาเรื่องรถ/ ทำร้ายร่างกาย
3 ปีที่แล้วเรากะพี่ที่ทำงานออกรถมาคนละคัน โดย
คันเราใช้ชื่อเค้าและเราค้ำ เค้าเซ็นต์ชุดโอนลอยให้
ส่วนคันเค้า ใช้ชื่อภรรยาเค้า และเราค้ำอีกค่ะ
ต่อมาอีก 1 ปี เริ่มมีปัญหาเรื่องงานกัน และเราทราบว่าเค้าเอาเงินบริษัทไปใช้
และก็มามีปัญหาเรื่องรถส่งล่าช้าเหมือนแกล้งกันไปมาทั้ง 2 คัน เค้าล็อกรหัสผ่านในการติดต่อกับไฟแนนซ์
ไม่ให้เรารู้ข้อมูล ไม่ส่งใบเสร็จให้เรา ฯลฯ
เหตุการ์ดำเนินเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาเค้าพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานออกไป
เรากะว่าจะเปลี่ยนสัญญาโอนสิทธิ์เรื่องรถในเดือนหน้าปรากฎว่า
เมื่อไม่กี่วันก่อนเค้ามานั่งกินเหล้าในร้านอาหารที่ทำงาน แล้วขับรถออกไป
ส่วนสามีเราขับรถออกไปจะไปเติมน้ำมัน ขับไปได้ซักระยะ สามีนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าสตางค์
จึงเลี้ยวรถกลับมา ปรากฎว่า มีรถขับตามหลังมาแล้วเปิดไฟสูงใส่ 3 รอบ สามีขับเลนซ้าย
พอมาถึงที่เกิดเหตุใกล้ทางแยก มีรถกำลังจะกลับรถข้ามเลนมา สามีเลยชะลอรถแล้วเบรค
ปรากฎว่า รถคันที่เปิดไฟสูงใส่ชนท้ายรถเข้าเต็มๆ
สามีเปิดประตูลงมา เห็นเป็นรถพี่คนนั้น เลยมีอารมณ์เลยค่ะ เค้าบอกว่า เปิดไฟใส่ 3 รอบและเราเหยียบเบรคมาก่อนถึงแยกแล้ว
เหมือนทางนั้นคั้งใจชน สามีเลยไปกระโดดถีบรถ 2 ครั้ง พี่คู่กรณีเปิดประตูออกมาสามีเลยหยิบรองเท้าปาไปที่ประตูอีก 1 ครั้ง
คู่กรณีเดินเข้ามาผลักแล้วบอกสามีเราว่า ขับตามกูทำไม สามีบอกกลับไปว่าไม่ได้ตาม กูจะไปเติมน้ำมัน แล้วมงตามกุ ทำไม
สามีบอกได้กลิ่นเหล้าเลยเดินหนี คู่กรณีเดินตามรอบรถ สุดท้ายคู่กรณีเลยหนีขึ้นรถแท็กซี่ไป โดยทิ้งรถที่ชนไว้
ต่อมาตำรวจลงบันทึกว่าคู่กรณีประมาท แต่ประกันไม่ซ่อมรถคันเราเพราะ เท่ากับว่า คู่กรณีขับรถชนรถตัวเองไม่ซ่อมให้เรา
อีก 2 วันต่อมา คู่กรณีไปเจอเราที่ สน แจ้งความกลับว่าโดนสามีเราทำร้ายร่างกายจนมือหัก สามีเราโมโหมากเพราะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเค้าเลย
ตอนถีบรถเค้าก็ไม่ได้เปิดหรือกำลังเปิดประตูเลย จึงบอกตำรวจไปว่าเด๋วผมไปหาหลักฐานจากกล้องวงจรแถวนั้นก่อน
ลืมบอกไปค่ะ คู่กรณีเค้าบอกเค้ามีหลักฐานว่าเราทำร้ายเค้าค่ะ แต่ไม่รู้อะไรนะคะ
จากนั้นโชคเข้าข้างค่ะ ตรงจุดเกิดเหตุมี cctv ของ กทม อยู่ เลยติดต่อขอไปค่ะ เค้าให้รอ 1 สัปดาหา
ระหว่างนั้น เราทราบจากคนที่ทำงานว่า รถคันของเค้าได้ออกมาจาก สน แล้ว เลยโทรไปถามตำรวจ
พี่ตำบอกว่าที่ปล่อยรถไปเพราะ รถเป็นชื่อภารยาเค้า ไม่เกี่ยวกันเลยปล่อยไปได้ แต่คันของเราถือว่ามีส่วนได้เสียทั้ง 2 ฝ่าย
เลยต้องมาเซ็นต์ร่วมกัน
เราเลยบอกพี่คำว่า ฝากรถไว้ก่อนนะคะ รอหลักฐานอยุ่ ตำรวจรับปาก
ปรากฎว่า สามีไป สน อีกทีไม่เจอรถแล้วค่ะ ถามพี่ตำ เค้าบอกเค้าไม่รู้
เพิ่งรู้พร้อมเราและเค้าไม่ได้เฝ้าตลอด 24 ชม นะ เด๋วจะโทรหาคู่กรณีให้ว่าเอาไปป่าว
ปรากฎว่าคู่กรณีมายกรถไปคืนไฟแนนซ์ค่ะ บอกว่ารถเกิดอุบัติเหตุไม่อยากผ่อนต่อแล้ว
โดยไฟแนนซ์ทราบว่าเราเป็นคนผ่อนเองทั้งหมด ไฟแนนซ์บอกว่า มายกไม่ได้ แต่ถ้าจะคืนต้องขับไปพร้อมกุญแจ
คู่กรณีก็บอกว่า กุญแจหาย สรุปไฟแนนซ์ไม่ออกมาแต่เค้าจ้างรถยกไปเองค่ะ โดยที่ยังมีทรัพย์สินเราอยู่ในนั้นอยู่เลย
คือตอนแรกคิดว่า สน จะปลอดภัยแต่กลับน่ากลัวที่สุดเลยค่ะ
เราเลยบอกพี่ตำว่า เราจะแจ้งความอะไรได้บ้าง เพราะทรัพย์สินเราอยุ่ในนั้น. พี่ตำบอกไม่รับแจ้งความจากเราค่ะ
เพราะเราไมาใช่ผู้เสียหาย และคู่กรณีมีสิทธิเอารถไปอยู่แล้ว
เราบอกพี่ตำว่า เราได้หลักฐานมาแล้วอยากให้เปิดดูเพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ผิด แต่พี่ตำบอกปิดคอมแล้ว ไม่ดู
ออกเวรแล้วด้วย และวันนั้นที่มาเจอเราไม่คุยเองนี่
ตอนนี้เรารู้สึกสลดใจมาก คือเป็นผู้เสียหาย แต่กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่ตำทำไมตอนแรกบอกเราเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
แต่อีกวันกลายเป็นไม่ใช่ซะแล้ว
ส่วนเรื่องรถไฟแนนซ์แนะนำให้พึ่งศาลค่ะ เอาเอกสารที่เราเป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดมา 3 ปีแล้ว ไปยื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลสั่งให้เค้าเซ็นต์ยินยอมให้ค่ะ
เร็วๆนี้ได้รับโทรศัพท์จากพี่ตำอีกท่านบอกจะหาทางออกให้ โดยถ้าเราอยากได้รถคืนก็ต้องไปเปลี่ยนสัญญนะ แล้วก็ต้องไปซ่อมรถเองด้วยทางคู่กรณีจะไม่จ่ายเงินให้. แต่จะถอนฟ้องทุกกรณีให้แทน แต่เรางงค่ะ คือเราไม่ผิดอะค่ะ และเราก็มีหลักฐานด้วย
เราควรทำไงต่อคะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ
มีปัญหาทีไรที่นี่ก็เป็นที่พึ่งได้ทุกทีค่ะ