พวกเขาทำได้! ทีมชาติไทยสามารถทะลุเข้าถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก หลังจากที่เสมอ 2-2 กับอิรักในกรุงเตหะรานเมื่อวันพฤหัส แต่แมตช์ดังกล่าวจะอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ในการจัดลำดับการพบกันระหว่างทีมในภูมิภาคอาเซียนกับทีมอื่นๆ นอกภูมิภาค บนหน้าพงศาวดารลูกหนังของเวิลด์คัพรอบคัดเลือกสมัยใหม่กันล่ะ?
โดยทีมงานโฟร์โฟร์ทูได้รื้อสมุดบันทึกสถิติเพื่อดูว่าชัยชนะของทีมชาติได้อยู่ตรงจุดไหน และเราก็ได้รวบรวมขึ้นมาเป็น 7 ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาเซียน ซึ่งมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ต่างก็อยู่ในลิสต์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จอห์น เดอร์เดน เชื่อว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุดแล้ว
1. ปี 2016: อิรัก 2-2 ทีมชาติไทย
จากการที่สมาธิหลุดในนาทีสุดท้ายจนเปลี่ยนจากชนะมาเป็นเสมอ ทำให้เกิดคำถามว่าเกมเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาคือเกมที่ดีที่สุดของภูมิภาคในยุคปัจจุบันหรือไม่
ซึ่งในมุมมองของเราแล้วมันก็ยังคงเป็นอยู่ ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน อย่างแรกก็คือว่ามันเป็นเกมนอกบ้าน และเตหะรานก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ยากต่อการเล่นเป็นทีมเยือน ทั้งความสูงจากระดับน้ำทะเลและสภาพสนาม จากนั้นก็เป็นเรื่องของคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอ
โดยอิรักนั้นคือหนึ่งในยอดทีมของเอเชีย พวกเขาคว้าอันดับ 4 ในเอเชียน คัพ ครั้งก่อน และเป็นแชมป์ทวีปเมื่อปี 2007 ซึ่งความกดดันที่มีในเกมนี้ถือว่าสูงอย่างมาก และผลเสมอดังกล่าวจะเป็นจุดเปลี่ยนบนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยเลยทีเดียว
2. ปี 1986: มาเลเซีย 1-0 เกาหลีใต้
มันคงยากจะจินตนาการในตอนนี้ว่าครั้งหนึ่งมาเลเซียกับเกาหลีใต้เคยต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงในช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกหนนั้นก็เป็นชัยชนะของ “เสือเหลือง”
หลังจากผ่านช่วงพักครึ่งของเกมที่สนามเมอร์เดก้า สเตเดี้ยม ได้ไม่นาน ดอลลาห์ ซัลเลห์ ก็ได้บอลจากกราบขวา ก่อนจะเลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิงเต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษเข้าไปตุงตาข่าย
แม้อดีตกองหน้าทีมชาติมาเลเซียจะไม่ได้ฝากผลงานไว้ให้เป็นที่จดจำในฐานะกุนซือทีมชาตินัก แต่ประตูดังกล่าวจะไม่มีใครลืมลงเลย ถึงพลพรรค “โสมขาว” จะเป็นฝ่ายหัวเราะทีหลังดังกว่า เมื่อพวกเขาได้เป็นฝ่ายที่ได้ไปเล่นรอบสุดท้ายที่เม็กซิโกก็ตาม
ถึงจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในฐาะกุนซือ แต่ดอลลาห์ก็เคยยิงประตูสุดสวยใส่เกาหลีมาแล้ว
3. ปี 1982: อินโดนีเซีย 1-0 ออสเตรเลีย
เลส ไชน์ฟลุก กุนซือทีม “ซอคเก้อร์รูส์” อาจต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อเลือกใช้นักเตะดาวรุ่งลงทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่จาการ์ต้าแล้วออสเตรเลียเป็นฝ่ายพ่ายไป 1-0
โดยเกมดังกล่าวเหลืออีกเพียงแค่ 2 นาทีก็จะหมดเวลา แต่ เฮอร์รี่ ริสเดียนโต้ ก็มาทำประตูโทนของเกมส่งให้ขุนพล “จิงโจ้” ปราชัยไปอย่างเจ็บปวด และยังปิดโอกาสให้ออสเตรเลียผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่สเปนด้วย ทำให้นิวซีแลนด์เป็นฝ่ายได้ไปแทน
4. ปี 2002: เลบานอน 1-2 ไทย
จริงอยู่ที่เกมเสมอกับเลบานอนในบ้านจะทำให้ไทยผ่านเข้าสู่รอบคัดเืลอกรอบสุดท้าย แต่ชัยชนะในเบรุตต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้ผลเสมอก็เพียงพอต่อการเข้ารอบ
เมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา โรด้า อันทาร์ ได้ลงเล่นในนัดสุดท้ายของเขากับทีมชาติเลบานอน โดยอดีตสตาร์บุนเดสลีกาถืวอ่ามีเส้นทางการค้าแข้งที่สวยงาม และเขาก็เป็นคนทำประตูเบิกร่องให้เจ้าถิ่นเมื่อเกือบ 15 ปีก่อน
อย่างไรก็ตามลูกทีมของ ปีเตอร์ วิธ ก็มีทั้งความแข็งแกร่งและมุ่งมั่น แล้ว เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ ก็มาตีเสมอให้ทีมเยือนหลังจากนั้นไม่นาน และเป็น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือคนปัจจุบันที่สวมบทฮีโร่ทำประตูชัยในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ส่งให้ทีมชาติไทยเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ซึ่งถือเป็นชาติอาเซียนทีมแรกนับตั้งแต่ที่อินโดนีเซียทำได้เมื่อปี 1986
5. ปี 2014 : ไทย 3-0 โอมาน
หากไม่ใช่คนไทยด้วยกันเองก็คงจะถูกลืมไปแล้วว่าทีมแห่งแดนยิ้มสยามเคยโชว์ฟอร์มสุดยอดเมื่อ 4 ปีก่อน โดยตอนนั้นพวกเขามีลุ้นเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียวหากพวกเขาสามารถเอาชนะที่โอมานได้
พูดได้เต็มปากเต็มคำว่ากลุ่ม ดี คือหนึ่งในกลุ่มโหดหิน เพราะมีทั้งออสเตรเลีย, ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน ซึ่งทีม “จิงโจ้” นั้นก็ได้กลายเป็นแชมป์เอเชียน คัพ หลังจากนั้นไม่มากนัก ส่วน “เหยี่ยวมรกต” ก็ (เคย) เป็นมหาอำนาจลูกหนังในทวีปนี้ ขณะที่โอมานก็เป็นอีกหนึ่งทีมแกร่งระดับบีถึงบีบวก
โดยชัยชนะ 3-0 อันน่าประทับใจของทีมไทยนั้น มาถึงเพียงไม่กี่วันหลังจาก วินฟรีด เชฟเฟอร์ พาลูกทีมของเขากลับจากออสเตรเลีย ซึ่งเกมนั้นจบลงด้วยสกอร์ 2-1 โดยทีม “ซอคเกอร์รูส์” ยิงประตูชัยได้ในช่วงท้ายเกม
"เรากลับมาบ้านและไม่มีใครเหนื่อยล้าเลย" เชเฟอร์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังเกม "พลังงานยังคงไหลเวียนและความมั่นใจก็สูงเช่นเคย เรารู้ดีว่าเราน่าจะชนะในเกมนี้ ผู้ชมเต็มสนามและมีกล้องจากสถานีโทรทัศน์เยอะแยะไปหมด โอมานมีทีมที่ดีจริงๆ แต่พวกเราทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ นักเตะทุกคนทำงานกันหนักมาก"
"เราไล่กดดันหนักและยิงประตูอันน่าอัศจรรย์ได้ มันเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและทุกคนต่างก็พูดถึงพวกเรา ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่รวมถึงในเอเชียด้วย มันสมบูรณ์แบบ และผมก็ดีใจสุดๆไปเลย"
"พวกเขาได้ยิงครั้งหนึ่งจากจังหวะ 30 หลา แต่เราคุมเกมได้และดูเป็นมืออาชีพอีกทั้งยังใจเย็นมากๆ มันเป็นฟอร์มที่สมบูรณ์แบบและผมก็ภูมิใจในตัวลูกทีมของผม เราว่าเราจะผ่านเข้ารอบได้แน่ๆ"
6. ปี 1994 : สิงคโปร์ 1-0 กาตาร์
สิงคโปร์เป็นทีมที่เล่นกันอย่างมีระบบในช่วงกลางยุค 90 และในกลุ่มของพวกเขาก็มีทีมแกร่งอย่างเกาหลีเหนือ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
เป็นเพราะกาตาร์ที่มีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่ตลอด เพราะทั้งที่ปาดหน้าแซงสิงคโปร์เข้าวินเป็นอันดับ 2 แต่กลับเป็นฝ่ายบุกพ่าย 1-0
และคนที่ยิงประตูในช่วง 6 นาทีสุดท้าย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ฟานดี้ อาหมัด คนนี้นี่เอง
ฟานดี้ทำประตูสำคัญให้กับประเทศชาติหลายครั้ง รวมถึงประตูชัยในนัดชนะกาตาร์ด้วย
7. ปี 2006 : ไทย 3-0 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ยูเออีเดินทางถึงกรุงเทพเพื่อลงทำศึกก่อนนัดสุดท้ายในฐานะจ่าฝูงกลุ่ม 5 โดยชัยชนะในเกมเยือนนัดสุดท้ายจะทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งสุดๆ แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบที่พวกเขาคาดหวังไว้
นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ น่าจะเป็นที่จดจำในดูไบมากกว่าที่กรุงเทพ จากประตูเดียวในนามทีมชาติของเขาที่ยิงใส่ยูเออี ต่อมาได้ อานนท์ นานอก ซัดลูกที่ 2 และเป็นตำนานของ "ช้างศึก" อย่าง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่ยิงประตูตอกฝาโลงช่วยให้เจ้าถิ่นคว้าชัย
โดยกุนซือชาวดัตช์ของยูเออี อ๊าด เด มอส ที่สานงานต่อจาก รอย ฮอดจ์สัน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่อยูเออีสำหรับการที่เปิดเกมรุกมาเกินไปทั้งที่ผลเสมอก็น่าจะเพียงพอแล้ว
"มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่เข้าท่านัก ไทยเล่นได้ดีแต่เราไม่เลย" เด มอส กล่าวหลังจบเกม
ภาพหลัก: FIFA.com
Cr.
http://www.fourfourtwo.com/th/features/phlangaehngphuumiphaakh-ynry-7-nadthiimaaechiiynsansaethuueneechiiy#:SBaUb2r5R87mZA
พลังแห่งภูมิภาค : ย้อนรอย 7 นัดทีมอาเซียนสั่นสะเทือนเอเชีย
โดยทีมงานโฟร์โฟร์ทูได้รื้อสมุดบันทึกสถิติเพื่อดูว่าชัยชนะของทีมชาติได้อยู่ตรงจุดไหน และเราก็ได้รวบรวมขึ้นมาเป็น 7 ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาเซียน ซึ่งมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ต่างก็อยู่ในลิสต์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม จอห์น เดอร์เดน เชื่อว่าค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นอะไรที่สุดยอดที่สุดแล้ว
1. ปี 2016: อิรัก 2-2 ทีมชาติไทย
จากการที่สมาธิหลุดในนาทีสุดท้ายจนเปลี่ยนจากชนะมาเป็นเสมอ ทำให้เกิดคำถามว่าเกมเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาคือเกมที่ดีที่สุดของภูมิภาคในยุคปัจจุบันหรือไม่
ซึ่งในมุมมองของเราแล้วมันก็ยังคงเป็นอยู่ ด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน อย่างแรกก็คือว่ามันเป็นเกมนอกบ้าน และเตหะรานก็ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ๆ ยากต่อการเล่นเป็นทีมเยือน ทั้งความสูงจากระดับน้ำทะเลและสภาพสนาม จากนั้นก็เป็นเรื่องของคู่ต่อสู้ที่ต้องเจอ
โดยอิรักนั้นคือหนึ่งในยอดทีมของเอเชีย พวกเขาคว้าอันดับ 4 ในเอเชียน คัพ ครั้งก่อน และเป็นแชมป์ทวีปเมื่อปี 2007 ซึ่งความกดดันที่มีในเกมนี้ถือว่าสูงอย่างมาก และผลเสมอดังกล่าวจะเป็นจุดเปลี่ยนบนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยเลยทีเดียว
2. ปี 1986: มาเลเซีย 1-0 เกาหลีใต้
มันคงยากจะจินตนาการในตอนนี้ว่าครั้งหนึ่งมาเลเซียกับเกาหลีใต้เคยต่อสู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงในช่วงทศวรรษที่ 70 และ 80 และฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกหนนั้นก็เป็นชัยชนะของ “เสือเหลือง”
หลังจากผ่านช่วงพักครึ่งของเกมที่สนามเมอร์เดก้า สเตเดี้ยม ได้ไม่นาน ดอลลาห์ ซัลเลห์ ก็ได้บอลจากกราบขวา ก่อนจะเลี้ยงตัดเข้าในแล้วยิงเต็มข้อจากนอกกรอบเขตโทษเข้าไปตุงตาข่าย
แม้อดีตกองหน้าทีมชาติมาเลเซียจะไม่ได้ฝากผลงานไว้ให้เป็นที่จดจำในฐานะกุนซือทีมชาตินัก แต่ประตูดังกล่าวจะไม่มีใครลืมลงเลย ถึงพลพรรค “โสมขาว” จะเป็นฝ่ายหัวเราะทีหลังดังกว่า เมื่อพวกเขาได้เป็นฝ่ายที่ได้ไปเล่นรอบสุดท้ายที่เม็กซิโกก็ตาม
3. ปี 1982: อินโดนีเซีย 1-0 ออสเตรเลีย
เลส ไชน์ฟลุก กุนซือทีม “ซอคเก้อร์รูส์” อาจต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เมื่อเลือกใช้นักเตะดาวรุ่งลงทำศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่จาการ์ต้าแล้วออสเตรเลียเป็นฝ่ายพ่ายไป 1-0
โดยเกมดังกล่าวเหลืออีกเพียงแค่ 2 นาทีก็จะหมดเวลา แต่ เฮอร์รี่ ริสเดียนโต้ ก็มาทำประตูโทนของเกมส่งให้ขุนพล “จิงโจ้” ปราชัยไปอย่างเจ็บปวด และยังปิดโอกาสให้ออสเตรเลียผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายที่สเปนด้วย ทำให้นิวซีแลนด์เป็นฝ่ายได้ไปแทน
4. ปี 2002: เลบานอน 1-2 ไทย
จริงอยู่ที่เกมเสมอกับเลบานอนในบ้านจะทำให้ไทยผ่านเข้าสู่รอบคัดเืลอกรอบสุดท้าย แต่ชัยชนะในเบรุตต่างหากคือเหตุผลที่ทำให้ผลเสมอก็เพียงพอต่อการเข้ารอบ
เมื่อคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา โรด้า อันทาร์ ได้ลงเล่นในนัดสุดท้ายของเขากับทีมชาติเลบานอน โดยอดีตสตาร์บุนเดสลีกาถืวอ่ามีเส้นทางการค้าแข้งที่สวยงาม และเขาก็เป็นคนทำประตูเบิกร่องให้เจ้าถิ่นเมื่อเกือบ 15 ปีก่อน
อย่างไรก็ตามลูกทีมของ ปีเตอร์ วิธ ก็มีทั้งความแข็งแกร่งและมุ่งมั่น แล้ว เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ ก็มาตีเสมอให้ทีมเยือนหลังจากนั้นไม่นาน และเป็น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือคนปัจจุบันที่สวมบทฮีโร่ทำประตูชัยในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ส่งให้ทีมชาติไทยเข้าสู่รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ซึ่งถือเป็นชาติอาเซียนทีมแรกนับตั้งแต่ที่อินโดนีเซียทำได้เมื่อปี 1986
5. ปี 2014 : ไทย 3-0 โอมาน
หากไม่ใช่คนไทยด้วยกันเองก็คงจะถูกลืมไปแล้วว่าทีมแห่งแดนยิ้มสยามเคยโชว์ฟอร์มสุดยอดเมื่อ 4 ปีก่อน โดยตอนนั้นพวกเขามีลุ้นเข้ารอบจนถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียวหากพวกเขาสามารถเอาชนะที่โอมานได้
พูดได้เต็มปากเต็มคำว่ากลุ่ม ดี คือหนึ่งในกลุ่มโหดหิน เพราะมีทั้งออสเตรเลีย, ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน ซึ่งทีม “จิงโจ้” นั้นก็ได้กลายเป็นแชมป์เอเชียน คัพ หลังจากนั้นไม่มากนัก ส่วน “เหยี่ยวมรกต” ก็ (เคย) เป็นมหาอำนาจลูกหนังในทวีปนี้ ขณะที่โอมานก็เป็นอีกหนึ่งทีมแกร่งระดับบีถึงบีบวก
โดยชัยชนะ 3-0 อันน่าประทับใจของทีมไทยนั้น มาถึงเพียงไม่กี่วันหลังจาก วินฟรีด เชฟเฟอร์ พาลูกทีมของเขากลับจากออสเตรเลีย ซึ่งเกมนั้นจบลงด้วยสกอร์ 2-1 โดยทีม “ซอคเกอร์รูส์” ยิงประตูชัยได้ในช่วงท้ายเกม
"เรากลับมาบ้านและไม่มีใครเหนื่อยล้าเลย" เชเฟอร์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวหลังเกม "พลังงานยังคงไหลเวียนและความมั่นใจก็สูงเช่นเคย เรารู้ดีว่าเราน่าจะชนะในเกมนี้ ผู้ชมเต็มสนามและมีกล้องจากสถานีโทรทัศน์เยอะแยะไปหมด โอมานมีทีมที่ดีจริงๆ แต่พวกเราทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์ นักเตะทุกคนทำงานกันหนักมาก"
"เราไล่กดดันหนักและยิงประตูอันน่าอัศจรรย์ได้ มันเป็นฟอร์มที่ยอดเยี่ยมและทุกคนต่างก็พูดถึงพวกเรา ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่รวมถึงในเอเชียด้วย มันสมบูรณ์แบบ และผมก็ดีใจสุดๆไปเลย"
"พวกเขาได้ยิงครั้งหนึ่งจากจังหวะ 30 หลา แต่เราคุมเกมได้และดูเป็นมืออาชีพอีกทั้งยังใจเย็นมากๆ มันเป็นฟอร์มที่สมบูรณ์แบบและผมก็ภูมิใจในตัวลูกทีมของผม เราว่าเราจะผ่านเข้ารอบได้แน่ๆ"
6. ปี 1994 : สิงคโปร์ 1-0 กาตาร์
สิงคโปร์เป็นทีมที่เล่นกันอย่างมีระบบในช่วงกลางยุค 90 และในกลุ่มของพวกเขาก็มีทีมแกร่งอย่างเกาหลีเหนือ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าอะไรจะเกิดขึ้น?
เป็นเพราะกาตาร์ที่มีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่ตลอด เพราะทั้งที่ปาดหน้าแซงสิงคโปร์เข้าวินเป็นอันดับ 2 แต่กลับเป็นฝ่ายบุกพ่าย 1-0
และคนที่ยิงประตูในช่วง 6 นาทีสุดท้าย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ฟานดี้ อาหมัด คนนี้นี่เอง
7. ปี 2006 : ไทย 3-0 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ยูเออีเดินทางถึงกรุงเทพเพื่อลงทำศึกก่อนนัดสุดท้ายในฐานะจ่าฝูงกลุ่ม 5 โดยชัยชนะในเกมเยือนนัดสุดท้ายจะทำให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่งสุดๆ แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบที่พวกเขาคาดหวังไว้
นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ น่าจะเป็นที่จดจำในดูไบมากกว่าที่กรุงเทพ จากประตูเดียวในนามทีมชาติของเขาที่ยิงใส่ยูเออี ต่อมาได้ อานนท์ นานอก ซัดลูกที่ 2 และเป็นตำนานของ "ช้างศึก" อย่าง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ที่ยิงประตูตอกฝาโลงช่วยให้เจ้าถิ่นคว้าชัย
โดยกุนซือชาวดัตช์ของยูเออี อ๊าด เด มอส ที่สานงานต่อจาก รอย ฮอดจ์สัน ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสื่อยูเออีสำหรับการที่เปิดเกมรุกมาเกินไปทั้งที่ผลเสมอก็น่าจะเพียงพอแล้ว
"มันเป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่เข้าท่านัก ไทยเล่นได้ดีแต่เราไม่เลย" เด มอส กล่าวหลังจบเกม
ภาพหลัก: FIFA.com
Cr. http://www.fourfourtwo.com/th/features/phlangaehngphuumiphaakh-ynry-7-nadthiimaaechiiynsansaethuueneechiiy#:SBaUb2r5R87mZA