
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านครับ….
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “แบกกล้องเที่ยว” ได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัด ” ภูเก็ต ”
ร่วมกิจกรรมที่ทาง Toyota ได้จัดขึ้น กับงาน Camry The Ultimate Experience โดยได้จัดขึ้นให้กับลูกค้า Camry ที่เข้าไปสมัครลงทะเบียน ทาง
http://www.toyota.co.th/theultimate แล้วสุ่มผู้โชคดีจำนวน 15 คู่ เดินทางไปร่วมกิจกรรมกันที่ภูเก็ต
ในครั้งนี้ไปในฐานะสื่อมวลชน กับเพื่อนๆ พี่ๆ สื่ออีกหลายท่าน

มาถึงที่สนามบินภูเก็ต ก็ขึ้นรถตู้ เดินทางไปที่ SALA Phuket กันครับ เป็น resort ที่ทันสมัยตกแต่งอย่างสวยงาม อยู่ติดหาดไม้ขาว
สัมผัสแรกที่มาถึง ก็ได้รับมาลัยคล้องมือ พร้อมทั้ง welcome drink เย็นๆ ดับกระหาย พร้อมทั้งผ้าเย็นด้วย ครับ

หลังจากหายเหนื่อย พวกเราก็เดินมาที่บริเวณห้องอาหารริมหาดด้านหลัง ซึ่งติดกับชายทะเล
โดยมีการ มีตติ้งเล็กๆกับทีมสื่อมวลชนก่อนครับ บริเวณที่จัดไว้ มีการเตรียมการเป็นอย่างดี ที่นั่งสบาย มีอาหาร มีเครื่องดื่มบริการตลอดเวลา
และมีการกล่าวต้อนรับ โดยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของทางโตโยต้าเลย ครับ

เสร็จแล้ว เราก็นั่งฟังความสามารถพิเศษเหนือระดับของ รถ Camry Hybrid กัน
ความสามารถหลากหลายมากๆเลย เด่นๆก็ตามนี้เลยครับ
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
• ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-crash Safety)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
• อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
• ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับ (Blind Spot Monitor )
หลังจากฟังเสร็จก็มีการสาธิตคร่าวๆให้ชมด้วยครับ

หลังจากฟังการสาธิตเสร็จ ก็ถึงเวลาไปทานข้าวกลางวันกันครับ
มาครั้งนี้ผมได้ทดลองขับ Camry Hybrid ด้วยครับ ทางโตโยต้าให้รถของผม มา 1 คัน
คิดในใจเอาละซิ๊ ….. ไม่เคยขับรถคนอื่นเลย มาครั้งนี้เป็นบุญมากๆ ได้ขับ camry ด้วยเรา
สิ่งแรกที่รู้สึกคือ รถมันนิ่มมากกกกกก อันนี้ไม่ได้ชมนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
แล้วระยะทางที่ให้ test drive ก็ประมาณ 40 km !! ผมนี่ขับสนุกเลยครับ
ไม่ต้องกลัวหลงด้วย เพราะมี GPS ติดมาให้ที่หน้าจอ ไม่ต้องคอยเปิด google map ในมือถือ
ได้ลองระบบต่างๆ ของเจ้า Camry คันนี้เช่นระบบเตือนว่ามีรถในมุมอับ ผมลองแล้ว มันทำงานได้ดีจริงๆ
พอมีรถที่จะแซงผมทางขวา มันก็เตือนที่กระจกมองข้างขวา เยี่ยมจริงๆครับ
ปกติเวลาผมเดินทาง ถ่ายรูปท่องเที่ยว หรือ รีสอร์ทต่างๆ ผมจะเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้วครับ
เนื่องจาก ชอบหยุดระหว่างทาง เจอมุมไหนสวยๆ ก็จะจอดรถถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
พอได้มาลองขับ รถ camry คันนี้แล้ว รู้สึกว่ามันสบายมากๆ เวลาเร่งเครื่อง หรือจะแซง รู้สึกมันตอบสนองตามที่ใจเราต้องการได้หมดเลย
ที่สำคัญผมชอบฟังเพลงมาก แถมเครื่องเสียงที่ติดมา เป็นของ JBL ด้วย ทีมงานแอบเอา CD ของ Michael Bublé
มาใส่ไว้ให้ เพลงเพราะๆกับเครื่องเสียงดีๆเนี่ยทำให้ ผมเลยฟินไปตลอดทางเลย
ขับรถมาเพลินๆ ในที่สุดเราก็มาถึงตัวเมืองภูเก็ตแล้วครับ เที่ยงนี้เราจะมาทานอาหารกันที่ ร้าน “ตู้กับข้าว” ครับ

ร้านอาหารตู้กับข้าว เป็นร้านอาหารใหม่ในตึกเก่าแบบชิโนโปรตุกีส ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต
เป็นร้านอาหารสองชั้น ตกแต่งสไตล์ชิโนโปรตุกีสให้ได้บรรยากาศกลิ่นอายของเมืองบาบ๋าเพอรานากันอย่างภูเก็ต ปีนังและมะละกา ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศของร้านที่นั่งสบาย ตกแต่งมีสไตล์ พร้อมเมนูอาหารพื้นเมืองที่ถูกปากถูกลิ้น ในราคาที่เป็นกันเอง

อาหารที่นี่ มีอร่อยหลายอย่างเลยครับ ที่ผมได้ลองทานมี
น้ำพริกกุ้งเสียบ

ผัดผักเหลียงผัดไข่ใส่กุ้งเสียบ

กุ้งผัดซอสมะขาม

หมูฮ้อง ที่นี่อร่อยมากกกก นุ่มมม หวาน ละลายในปากเลยครับ

ขนมจีนแกงปู

ผัดกุ้งกะปิสะตอ
ทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินชม บรรยากาศของเมืองภูเก็ตบริเวณ ถนน พังงากันแปปนึง
และก็ข้ามไปที่ โรงแรมออนออน (on on hotel) กันครับ
ความรู้สึกแรกเมื่อเข้ามา ผมสัมผัสถึงกลิ่นอายและบรรยากาศย่านเมืองเก่าของเมืองภูเก็ตดั้งเดิม
ในบรรยากาศการพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านของตัวเองที่โรงแรม เมมโมรี แอท ออนออน โรงแรมซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ตและยังคงรักษาเอกลักษณ์และเสน่ห์ของอาคารสถาปัตยกรรมโบราณแบบชิโน-โปรตุเกสไว้อย่างครบถ้วนลงตัวกับการบริการและการตกแต่งแบบคลาสสิคพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
เดอะ เมมโมรี แอท ออนออน มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง เนื่องจากตัวอาคารมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานและมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนที่ใดๆสำหรับผู้มาเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตบริเวณย่านเมืองเก่าย่อมไม่ผิดหวัง ให้บริการที่พักแสนอบอุ่นทั้งในรูปแบบห้องพักหรือห้อง Dormitory เปรียบดั่งเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการมายาวนานกว่าร้อยปีของโรงแรมแห่งนี้
เสร็จจากโรงแรมออน ออน แล้ว คณะเราก็นั่งรถมากันที่ ” บ้านชินประชา ” ครับ
เป็นบ้านหลังแรกของภูเก็ตที่สร้างขึ้นตามแบบ “สถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส” หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” ปัจจุบันลูกหลานพระพิทักษ์ชินประชาผู้สร้างบ้านหลังนี้(ตระกูลตัณฑวณิช) ได้อนุรักษ์ตัวบ้านและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆไว้เป็นอย่างดี และ เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อให้ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตในอดีต อายุของบ้านหลังนี้อายุกว่า 100 ปี ของภายในบ้านยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดีครับ
บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446(ค.ศ.1903)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ(ตันเนียวยี่) ท่านถือกำเนิดในประเทศจีนมณฑลฮกเกี้ยน รับราชการทหารในตำแหน่ง “บู๊เต็กจงกุน” ต่อมาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ.2397(ค.ศ.1854)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4ได้ประกอบกิจการเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนังในนามยี่ห้อ “เหลียนบี้ พระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปีพ.ศ.2426 เมื่ออายุได้ 20 ปีท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ “ชิโน – โปรตุกีส” เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้น ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากการค้าขายทางเรือ ผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต เช่นรั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี่ฯลฯ ณ ปัจจุบัน “บ้านชินประชา” อายุมากกว่า 101ปีและมีลูกหลานนับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6แล้ว

เราเข้ามายังตัวบ้านตรงกลางบ้านจะเปิดโล่ง เราเรียกว่า “ฉิ่มแจ้” เป็นเอกลักษณ์ของบ้านคนภูเก็ตสมัยก่อนจะมีแบบนี้แทบทุกบ้าน
ภาพเก่าที่หายาก เป็นรูปบุคคลต่างๆในอดีตมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์

เราเข้ามายังตัวบ้านก็จะพบกับเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับด้วยมุกที่สำคัญเป็นมุกแท้จากต่างประเทศเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี

สำหรับบ้านชินประชาแห่งนี้ยังได้อนุรักษ์การแต่งกายของคนภูเก็ตสมัยก่อนที่เรียกว่า “การแต่งกายแบบบาบ๋า ย่าหยา” สามารถลองใส่ชุด ย่าหยา ถ่ายรูปได้เลย
ถึงจุดนี้ ผมบอกได้เลยครับว่ามากับทีมงาน The Ultimate Experience ครั้งนี้ ผมได้มาสัมผัสเมืองภูเก็ตจริงๆ ภูเก็ตไม่ได้มีแต่ท้องฟ้าสีครามและหาดทรายขาวๆอย่างที่หลายๆคนคิดนะครับ
หลังจากเยี่ยมชมที่บ้าน ชินประชา เสร็จแล้ว พวกเราเดินทางกลับมาที่ โรงแรม ออน ออน อีกครั้งหนึ่งครับ
โดยจะมาจิบชา ทานขนมกัน

ก่อนที่จะดื่มชากัน ก็มีการสาธิตวิธีการชงชา ที่ถูกต้องให้ชมด้วยครับ

หลังจากนั้น ก็กลับมาที่พักของเราคืนนี้กันครับ SALA @Phuket
จะมีพนักงานพาไปที่ห้องครับ โดยอธิบาย สถานที่ต่างๆบริเวณรีสอร์ทให้ด้วย

SALA Phuket Resort ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาวอันเงียบสงบ ประกอบด้วยสระน้ำหน้าหาด 3 สระ รวมถึงวิลลาพร้อมสระน้ำส่วนตัว และลานอาบแดด มีบริการสปาพร้อมห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำ
ห้องพักและวิลลาของ SALA มีบริการโทรทัศน์จอแบนระบบเคเบิล และเครื่องเล่นดีวีดี วิลลามีบริการห้องน้ำกลางแจ้งพร้อมอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสระน้ำ มีบริการฟรีอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi)

Sala Phuket จุดที่ทำให้ดูน่าสนใจ สะดุดตา คือสีขาวของตัวรีสอร์ท และความร่มรื่นที่สามารถสัมผัสได้ ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงภายนอกก็ตาม เมื่อเข้ามาถึงจะเจอกับพื้นน้ำที่สะท้อนตัวอาคารความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่ตรงหน้า ด้านหน้ามีสนามหญ้าเขียวขจีดูแล้วสบายตาดีครับ

ในส่วนของห้องพักของที่ Sala จะเป็นสไตล์วิลล่า ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ทั้งหมด 79 วิลล่า ห้องทุกห้องจะเป็นโทนสีขาวสว่างตา สร้างความรู้สึกสบายๆภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นนำสมัยที่มีกลิ่นอายของชิโนโปรตุกีส เรียกได้ว่ามีความทันสมัยและเรียบหรูอยู่ในตัว ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยมีความตั้งใจที่จะทำให้ใช้ประโยชน์ได้หมด
[SR] ครั้งหนึ่งในชีวิตกับประสบการณ์ The ultimate experience : ท่องเที่ยวเมืองภูเก็ต นั่งเรือยอร์ช นอน SALA @Phuket
สวัสดีเพื่อนๆ ทุกท่านครับ….
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “แบกกล้องเที่ยว” ได้มีโอกาสไปเยือนจังหวัด ” ภูเก็ต ”
ร่วมกิจกรรมที่ทาง Toyota ได้จัดขึ้น กับงาน Camry The Ultimate Experience โดยได้จัดขึ้นให้กับลูกค้า Camry ที่เข้าไปสมัครลงทะเบียน ทาง http://www.toyota.co.th/theultimate แล้วสุ่มผู้โชคดีจำนวน 15 คู่ เดินทางไปร่วมกิจกรรมกันที่ภูเก็ต
ในครั้งนี้ไปในฐานะสื่อมวลชน กับเพื่อนๆ พี่ๆ สื่ออีกหลายท่าน
มาถึงที่สนามบินภูเก็ต ก็ขึ้นรถตู้ เดินทางไปที่ SALA Phuket กันครับ เป็น resort ที่ทันสมัยตกแต่งอย่างสวยงาม อยู่ติดหาดไม้ขาว
สัมผัสแรกที่มาถึง ก็ได้รับมาลัยคล้องมือ พร้อมทั้ง welcome drink เย็นๆ ดับกระหาย พร้อมทั้งผ้าเย็นด้วย ครับ
หลังจากหายเหนื่อย พวกเราก็เดินมาที่บริเวณห้องอาหารริมหาดด้านหลัง ซึ่งติดกับชายทะเล
โดยมีการ มีตติ้งเล็กๆกับทีมสื่อมวลชนก่อนครับ บริเวณที่จัดไว้ มีการเตรียมการเป็นอย่างดี ที่นั่งสบาย มีอาหาร มีเครื่องดื่มบริการตลอดเวลา
และมีการกล่าวต้อนรับ โดยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของทางโตโยต้าเลย ครับ
เสร็จแล้ว เราก็นั่งฟังความสามารถพิเศษเหนือระดับของ รถ Camry Hybrid กัน
ความสามารถหลากหลายมากๆเลย เด่นๆก็ตามนี้เลยครับ
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control
• ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-crash Safety)
• ระบบช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning)
• อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
• ระบบตรวจจับวัตถุในมุมอับ (Blind Spot Monitor )
หลังจากฟังเสร็จก็มีการสาธิตคร่าวๆให้ชมด้วยครับ
หลังจากฟังการสาธิตเสร็จ ก็ถึงเวลาไปทานข้าวกลางวันกันครับ
มาครั้งนี้ผมได้ทดลองขับ Camry Hybrid ด้วยครับ ทางโตโยต้าให้รถของผม มา 1 คัน
คิดในใจเอาละซิ๊ ….. ไม่เคยขับรถคนอื่นเลย มาครั้งนี้เป็นบุญมากๆ ได้ขับ camry ด้วยเรา
สิ่งแรกที่รู้สึกคือ รถมันนิ่มมากกกกกก อันนี้ไม่ได้ชมนะ แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ
แล้วระยะทางที่ให้ test drive ก็ประมาณ 40 km !! ผมนี่ขับสนุกเลยครับ
ไม่ต้องกลัวหลงด้วย เพราะมี GPS ติดมาให้ที่หน้าจอ ไม่ต้องคอยเปิด google map ในมือถือ
ได้ลองระบบต่างๆ ของเจ้า Camry คันนี้เช่นระบบเตือนว่ามีรถในมุมอับ ผมลองแล้ว มันทำงานได้ดีจริงๆ
พอมีรถที่จะแซงผมทางขวา มันก็เตือนที่กระจกมองข้างขวา เยี่ยมจริงๆครับ
ปกติเวลาผมเดินทาง ถ่ายรูปท่องเที่ยว หรือ รีสอร์ทต่างๆ ผมจะเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นประจำอยู่แล้วครับ
เนื่องจาก ชอบหยุดระหว่างทาง เจอมุมไหนสวยๆ ก็จะจอดรถถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
พอได้มาลองขับ รถ camry คันนี้แล้ว รู้สึกว่ามันสบายมากๆ เวลาเร่งเครื่อง หรือจะแซง รู้สึกมันตอบสนองตามที่ใจเราต้องการได้หมดเลย
ที่สำคัญผมชอบฟังเพลงมาก แถมเครื่องเสียงที่ติดมา เป็นของ JBL ด้วย ทีมงานแอบเอา CD ของ Michael Bublé
มาใส่ไว้ให้ เพลงเพราะๆกับเครื่องเสียงดีๆเนี่ยทำให้ ผมเลยฟินไปตลอดทางเลย
ขับรถมาเพลินๆ ในที่สุดเราก็มาถึงตัวเมืองภูเก็ตแล้วครับ เที่ยงนี้เราจะมาทานอาหารกันที่ ร้าน “ตู้กับข้าว” ครับ
ร้านอาหารตู้กับข้าว เป็นร้านอาหารใหม่ในตึกเก่าแบบชิโนโปรตุกีส ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต
เป็นร้านอาหารสองชั้น ตกแต่งสไตล์ชิโนโปรตุกีสให้ได้บรรยากาศกลิ่นอายของเมืองบาบ๋าเพอรานากันอย่างภูเก็ต ปีนังและมะละกา ซึ่งนอกเหนือจากบรรยากาศของร้านที่นั่งสบาย ตกแต่งมีสไตล์ พร้อมเมนูอาหารพื้นเมืองที่ถูกปากถูกลิ้น ในราคาที่เป็นกันเอง
อาหารที่นี่ มีอร่อยหลายอย่างเลยครับ ที่ผมได้ลองทานมี
น้ำพริกกุ้งเสียบ
ผัดผักเหลียงผัดไข่ใส่กุ้งเสียบ
กุ้งผัดซอสมะขาม
หมูฮ้อง ที่นี่อร่อยมากกกก นุ่มมม หวาน ละลายในปากเลยครับ
ขนมจีนแกงปู
ผัดกุ้งกะปิสะตอ
ทานอาหารเสร็จแล้ว ก็เดินชม บรรยากาศของเมืองภูเก็ตบริเวณ ถนน พังงากันแปปนึง
และก็ข้ามไปที่ โรงแรมออนออน (on on hotel) กันครับ
ความรู้สึกแรกเมื่อเข้ามา ผมสัมผัสถึงกลิ่นอายและบรรยากาศย่านเมืองเก่าของเมืองภูเก็ตดั้งเดิม
ในบรรยากาศการพักผ่อนเหมือนอยู่บ้านของตัวเองที่โรงแรม เมมโมรี แอท ออนออน โรงแรมซึ่งเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ตและยังคงรักษาเอกลักษณ์และเสน่ห์ของอาคารสถาปัตยกรรมโบราณแบบชิโน-โปรตุเกสไว้อย่างครบถ้วนลงตัวกับการบริการและการตกแต่งแบบคลาสสิคพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
เดอะ เมมโมรี แอท ออนออน มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง เนื่องจากตัวอาคารมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานและมอบประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนที่ใดๆสำหรับผู้มาเยือน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตบริเวณย่านเมืองเก่าย่อมไม่ผิดหวัง ให้บริการที่พักแสนอบอุ่นทั้งในรูปแบบห้องพักหรือห้อง Dormitory เปรียบดั่งเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการมายาวนานกว่าร้อยปีของโรงแรมแห่งนี้
เสร็จจากโรงแรมออน ออน แล้ว คณะเราก็นั่งรถมากันที่ ” บ้านชินประชา ” ครับ
เป็นบ้านหลังแรกของภูเก็ตที่สร้างขึ้นตามแบบ “สถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีส” หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” ปัจจุบันลูกหลานพระพิทักษ์ชินประชาผู้สร้างบ้านหลังนี้(ตระกูลตัณฑวณิช) ได้อนุรักษ์ตัวบ้านและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆไว้เป็นอย่างดี และ เปิดบ้านให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อให้ได้มีโอกาสได้เรียนรู้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตในอดีต อายุของบ้านหลังนี้อายุกว่า 100 ปี ของภายในบ้านยังคงรักษาไว้เป็นอย่างดีครับ
บ้านชินประชาสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2446(ค.ศ.1903)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) บิดาของท่านคือ หลวงบำรุงจีนประเทศ(ตันเนียวยี่) ท่านถือกำเนิดในประเทศจีนมณฑลฮกเกี้ยน รับราชการทหารในตำแหน่ง “บู๊เต็กจงกุน” ต่อมาท่านได้เดินทางมายังประเทศไทยในปี พ.ศ.2397(ค.ศ.1854)หรือในปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4ได้ประกอบกิจการเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ต และกิจการค้าขายที่เกาะปีนังในนามยี่ห้อ “เหลียนบี้ พระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) ถือกำเนิดที่เกาะภูเก็ตในปีพ.ศ.2426 เมื่ออายุได้ 20 ปีท่านได้สร้างบ้านหลังนี้ตามแบบ “ชิโน – โปรตุกีส” เป็นหลังแรกของจังหวัดภูเก็ต หรือที่เรียกกันว่า “อังม่อเหลา” เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษจีน วัสดุส่วนอื่นของบ้านนั้น ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เนื่องจากการค้าขายทางเรือ ผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต เช่นรั้วบ้านจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี่ฯลฯ ณ ปัจจุบัน “บ้านชินประชา” อายุมากกว่า 101ปีและมีลูกหลานนับเนื่องเป็นรุ่นที่ 6แล้ว
เราเข้ามายังตัวบ้านตรงกลางบ้านจะเปิดโล่ง เราเรียกว่า “ฉิ่มแจ้” เป็นเอกลักษณ์ของบ้านคนภูเก็ตสมัยก่อนจะมีแบบนี้แทบทุกบ้าน
ภาพเก่าที่หายาก เป็นรูปบุคคลต่างๆในอดีตมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์
เราเข้ามายังตัวบ้านก็จะพบกับเฟอร์นิเจอร์ที่ประดับด้วยมุกที่สำคัญเป็นมุกแท้จากต่างประเทศเฟอร์นิเจอร์เหล่านี้บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของบ้านเป็นอย่างดี
สำหรับบ้านชินประชาแห่งนี้ยังได้อนุรักษ์การแต่งกายของคนภูเก็ตสมัยก่อนที่เรียกว่า “การแต่งกายแบบบาบ๋า ย่าหยา” สามารถลองใส่ชุด ย่าหยา ถ่ายรูปได้เลย
ถึงจุดนี้ ผมบอกได้เลยครับว่ามากับทีมงาน The Ultimate Experience ครั้งนี้ ผมได้มาสัมผัสเมืองภูเก็ตจริงๆ ภูเก็ตไม่ได้มีแต่ท้องฟ้าสีครามและหาดทรายขาวๆอย่างที่หลายๆคนคิดนะครับ
หลังจากเยี่ยมชมที่บ้าน ชินประชา เสร็จแล้ว พวกเราเดินทางกลับมาที่ โรงแรม ออน ออน อีกครั้งหนึ่งครับ
โดยจะมาจิบชา ทานขนมกัน
ก่อนที่จะดื่มชากัน ก็มีการสาธิตวิธีการชงชา ที่ถูกต้องให้ชมด้วยครับ
หลังจากนั้น ก็กลับมาที่พักของเราคืนนี้กันครับ SALA @Phuket
จะมีพนักงานพาไปที่ห้องครับ โดยอธิบาย สถานที่ต่างๆบริเวณรีสอร์ทให้ด้วย
SALA Phuket Resort ตั้งอยู่บนหาดไม้ขาวอันเงียบสงบ ประกอบด้วยสระน้ำหน้าหาด 3 สระ รวมถึงวิลลาพร้อมสระน้ำส่วนตัว และลานอาบแดด มีบริการสปาพร้อมห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำ
ห้องพักและวิลลาของ SALA มีบริการโทรทัศน์จอแบนระบบเคเบิล และเครื่องเล่นดีวีดี วิลลามีบริการห้องน้ำกลางแจ้งพร้อมอ่างอาบน้ำแบบลอยตัว สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของสระน้ำ มีบริการฟรีอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi)
Sala Phuket จุดที่ทำให้ดูน่าสนใจ สะดุดตา คือสีขาวของตัวรีสอร์ท และความร่มรื่นที่สามารถสัมผัสได้ ถึงแม้ว่าจะเห็นเพียงภายนอกก็ตาม เมื่อเข้ามาถึงจะเจอกับพื้นน้ำที่สะท้อนตัวอาคารความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่ตรงหน้า ด้านหน้ามีสนามหญ้าเขียวขจีดูแล้วสบายตาดีครับ
ในส่วนของห้องพักของที่ Sala จะเป็นสไตล์วิลล่า ที่เน้นความเป็นส่วนตัว ทั้งหมด 79 วิลล่า ห้องทุกห้องจะเป็นโทนสีขาวสว่างตา สร้างความรู้สึกสบายๆภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นนำสมัยที่มีกลิ่นอายของชิโนโปรตุกีส เรียกได้ว่ามีความทันสมัยและเรียบหรูอยู่ในตัว ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยมีความตั้งใจที่จะทำให้ใช้ประโยชน์ได้หมด