จำแม่นว่าก่อนที่ล็อคอิน Vajaranon จะโดนยึดไป เคยเขียนเรื่องราวอิงการเมืองเกี่ยวกับเชียงใหม่อย่างน้อยๆ สองเรื่อง “ขุนวิลังคะ” นายทหารผู้ยึดมั่นสัญญาของความเป็นลูกผู้ชาย หัวใจสลายในรักที่มีต่อพระนางจามเทวี และ “ยิ่งลักษณ์ ไม่ใช่นารีขี่ม้าขาวจากเชียงใหม่คนแรก” โดยมีพระนางจิระประภามหาเทวีเป็นกษัตรีย์แห่งเชียงใหม่ที่ดำเนินนโยบายทางการเมืองกับกรุงศรีอยุธยาอย่างละมุนละไม เชียงใหม่จึงไม่ตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยา
ความสัมพันธ์ระหว่างเชียงใหม่กับอยุธยา ธนบุรี และกรุงเทพมีมาอย่างต่อเนื่องและเกี่ยวดองกันตลอดทั้งในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงและฐานะประเทศราช สุดท้ายเชียงใหม่ก็ถูกหลอมให้เป็นแผ่นดินเดียวกันกับสยามช่วงรัชกาลที่สี่
ที่เชียงใหม่มี“หญิงแกร่ง”ไม่น้อยตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบันเจ้าครอกศรีอโนชา พระนางจิระประภามหาเทวี เจ้าดารารัศมี หรือจะนับรวมเอาคุณยิ่งลักษณ์ให้กระเทือนซางคนที่รังเกียจเธอแบบประชดก็ยังได้.......เกร็ดประวัติศาสตร์เชียงใหม่มีมากมายทั้งที่เป็นเอกเทศและเกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ไทย มีวัฒนะธรรมและหนังสือตั่วเมืองเป็นของตัวเองที่ชาวเชียงใหม่ภาคภูมิใจ ดินแดนภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ก็ไม่ต่างจากอีสานและปัตตานีภาคใต้เท่าไหร่หรอก คือพึ่งจะถูกหลอมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสยามมาไม่นานมานี่เอง
ตั้งแต่พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ทรงปลงพระชนม์ตัวเองด้วยพระแสงปืน การสิ้นพระชนม์แต่เยาว์วัยของพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี(ที่ประสูติจากในหลวงร.๕ กับเจ้าดารารัศมี) แล้วมาถึงเจ้าดารารัศมีเสด็จกลับล้านนาและไม่ยอมเสด็จกลับบางกอก นับจากนั้นราชวงศ์และราชนิกุลเชียงใหม่ก็ค่อยๆ สิ้นสุดลงในอาณาจักรสยาม
เชียงใหม่ถูกสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของพระยาเม็งรายและประชากรของพระองค์ ที่ตระเวณไปทั่วที่ราบลุ่มแม่น้ำระมิงค์(ปิง)เพื่อหาทำเลที่เหมาะในการสร้างบ้านแปงเมือง...และกว่าจะเป็นบ้านเป็นเมืองได้ ความยากลำบากและหลายชีวิตต้องถูกสังเวยเพื่อให้ได้กับมาความเป็นปึกแผ่นตรงนี้.....ควรแล้วที่ชาวเชียงใหม่จะรู้สึกภูมิใจในความเป็นเชียงใหม่ว่าอย่างน้อยๆ บรรพบุรุษของตัวเองก้มีส่วนก่อร่างสร้างบ้านแปงเมือง เพราะเชื่อว่าพระยาเม็งรายโดยลำพังก็มิดอาจจะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้เชียงใหม่ได้ ผมไม่ใช่คนเชียงใหม่จริงๆ ยังรู้สึกภูมิใจแทนด้วยเลย
การเสด็จสวรรคตของพระยาเม็งรายดูเหมือนว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ต้องอสุนี(ฟ้าผ่า)จนสิ้นพระชนม์ในขณะเดินตลาดอยู่ที่สี่แยกกลางเมือง.....การเสด็จสวรรคตของพระยาเม็งรายได้ให้แง่คิดไว้หลายๆ อย่าง.....สุดแล้วแต่ใครจะคิดไปในแง่ไหน แต่หากจะเอาแง่ของพระพุทธศาสนามามองแล้วก็ต้องปลงล่ะว่า....จะสูงสุดฟ้า หรือต่ำเรี่ยราดเพียงยอดหญ้า...ก็ต้องเข้าก้าวสู่ความตายอยู่ดี
เมื่อวานมีโอกาสได้พบปะกับสาวเจียงใหม่สามท่าน คุณป้ารักแมว คุณนพนครพิงค์ และคุณ old lawboy หนุ่มเจียงฮายแต่มาปักหลักทำงานด้านกฏหมายที่เจียงใหม่ มิตรภาพดีตามแบบฉบับของคนเมืองเหนือครับ คุยการเมืองออกรสออกชาต คุณโอลด์หรือ “ลุงโอลด์” ขวัญใจของชาวราชดำเนิน หนุ่มกว่าที่หลายคนคิด.....ถ้าสาวๆ เห็นตัวจริงคงกรี๊ดกันสนั่นแน่ ส่วนอีกสองสาวนั้น อย่างที่บอกไว้อ่อนช้อยสมเป็นสาวเหนือเครือฟ้า
เคยทิ้งอดีตไว้มากมายที่เชียงใหม่และไม่เคยลืม ......ถ้าจะให้เล่าจริงๆ ก็นิยายน้ำเน่าชัดๆ (ความจริงเคยเขียนไว้แล้วที่ห้องอื่น เพื่อเป็นกำลังใจให้คนท้อแท้นะ) เอาเป็นว่าชีวิตตกต่ำที่สุดอยู่ที่เชียงใหม่ รุ่งโรจน์สุดก็ที่เชียงใหม่ การรักและผูกพันจึงมีต่อเชียงใหม่อย่างล้นพ้น
คุณป้ารักแมวและน้องนพฯ อุตส่าห์เอาข้าวเหนียวไปฝากกระติ๊บใหญ่ ไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่มมาฝาก นั่งกินยังไงก็ไม่หมด....แถมวันนี้ผมพกไปนั่งตกเบ็ดกับลูกชายที่บ่อสร้างด้วย เจอคนงานก่อสร้างที่กำลังนั่งหยองกินข้าวเที่ยงกันสามคน ไม่มีอะไรมาก ลวกผัก กับแกงขนุน ผมเลยขอเอาอาหารที่ฝากมาไปแจมด้วย พวกเขาขอบอกขอบใจใหญ่เลย ขออานิสงส์ตรงนี้ย้อนกลับไปหาคุณป้าฯ และคุณนพฯ ด้วย........และขอขอบคุณคุณลุงโอลด์ที่เป็นเจ้าภาพที่ภัตตาคารอาหารจีนคืนนั้นครับ ผมโดนสปอยด์บ่อยมาก...ตอนนี้พุงยื่นมะร่อมมะร่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แลัวคุณโอลด์ยังอุตส่าห์ “ขับเสภา” ตามแบบฉบับล้านนาให้ฟังจนเป็นที่ม่วนอกม่วนใจทั้งผม น้องนพฯ และป้าฯ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณโอลด์ที่มีน้ำใจจะเอารถเก๋ง(อีกคันที่บ้าน)มาทิ้งไว้ที่โรงแรมผมเพื่อให้ขับใช้ในเชียงใหม่ เหตุผลที่ผมปฏิเสธไปนั้นก็ย้ำอีกตรงนี้ว่า ผมไม่ได้รังเกียจแต่รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งยวด แต่ผมไม่กล้าขับรถในเมืองไทย กลัวเจอแบบเบนซ์ซิ่งที่วิ่ง 250 กม./ชม เมื่อเร็วๆ นี้ อ้าว...จบลงที่เรื่องนี้เฉยเลย
....แอ่วเหนือ เมืองสองนายกฯ....
ความสัมพันธ์ระหว่างเชียงใหม่กับอยุธยา ธนบุรี และกรุงเทพมีมาอย่างต่อเนื่องและเกี่ยวดองกันตลอดทั้งในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงและฐานะประเทศราช สุดท้ายเชียงใหม่ก็ถูกหลอมให้เป็นแผ่นดินเดียวกันกับสยามช่วงรัชกาลที่สี่
ที่เชียงใหม่มี“หญิงแกร่ง”ไม่น้อยตั้งแต่ยุคประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบันเจ้าครอกศรีอโนชา พระนางจิระประภามหาเทวี เจ้าดารารัศมี หรือจะนับรวมเอาคุณยิ่งลักษณ์ให้กระเทือนซางคนที่รังเกียจเธอแบบประชดก็ยังได้.......เกร็ดประวัติศาสตร์เชียงใหม่มีมากมายทั้งที่เป็นเอกเทศและเกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ไทย มีวัฒนะธรรมและหนังสือตั่วเมืองเป็นของตัวเองที่ชาวเชียงใหม่ภาคภูมิใจ ดินแดนภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ก็ไม่ต่างจากอีสานและปัตตานีภาคใต้เท่าไหร่หรอก คือพึ่งจะถูกหลอมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันกับสยามมาไม่นานมานี่เอง
ตั้งแต่พระองค์เจ้าดิลกนพรัตน์ทรงปลงพระชนม์ตัวเองด้วยพระแสงปืน การสิ้นพระชนม์แต่เยาว์วัยของพระองค์เจ้าวิมลนาคนพีสี(ที่ประสูติจากในหลวงร.๕ กับเจ้าดารารัศมี) แล้วมาถึงเจ้าดารารัศมีเสด็จกลับล้านนาและไม่ยอมเสด็จกลับบางกอก นับจากนั้นราชวงศ์และราชนิกุลเชียงใหม่ก็ค่อยๆ สิ้นสุดลงในอาณาจักรสยาม
เชียงใหม่ถูกสร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของพระยาเม็งรายและประชากรของพระองค์ ที่ตระเวณไปทั่วที่ราบลุ่มแม่น้ำระมิงค์(ปิง)เพื่อหาทำเลที่เหมาะในการสร้างบ้านแปงเมือง...และกว่าจะเป็นบ้านเป็นเมืองได้ ความยากลำบากและหลายชีวิตต้องถูกสังเวยเพื่อให้ได้กับมาความเป็นปึกแผ่นตรงนี้.....ควรแล้วที่ชาวเชียงใหม่จะรู้สึกภูมิใจในความเป็นเชียงใหม่ว่าอย่างน้อยๆ บรรพบุรุษของตัวเองก้มีส่วนก่อร่างสร้างบ้านแปงเมือง เพราะเชื่อว่าพระยาเม็งรายโดยลำพังก็มิดอาจจะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้เชียงใหม่ได้ ผมไม่ใช่คนเชียงใหม่จริงๆ ยังรู้สึกภูมิใจแทนด้วยเลย
การเสด็จสวรรคตของพระยาเม็งรายดูเหมือนว่าเป็นกษัตริย์องค์แรกที่ต้องอสุนี(ฟ้าผ่า)จนสิ้นพระชนม์ในขณะเดินตลาดอยู่ที่สี่แยกกลางเมือง.....การเสด็จสวรรคตของพระยาเม็งรายได้ให้แง่คิดไว้หลายๆ อย่าง.....สุดแล้วแต่ใครจะคิดไปในแง่ไหน แต่หากจะเอาแง่ของพระพุทธศาสนามามองแล้วก็ต้องปลงล่ะว่า....จะสูงสุดฟ้า หรือต่ำเรี่ยราดเพียงยอดหญ้า...ก็ต้องเข้าก้าวสู่ความตายอยู่ดี
เมื่อวานมีโอกาสได้พบปะกับสาวเจียงใหม่สามท่าน คุณป้ารักแมว คุณนพนครพิงค์ และคุณ old lawboy หนุ่มเจียงฮายแต่มาปักหลักทำงานด้านกฏหมายที่เจียงใหม่ มิตรภาพดีตามแบบฉบับของคนเมืองเหนือครับ คุยการเมืองออกรสออกชาต คุณโอลด์หรือ “ลุงโอลด์” ขวัญใจของชาวราชดำเนิน หนุ่มกว่าที่หลายคนคิด.....ถ้าสาวๆ เห็นตัวจริงคงกรี๊ดกันสนั่นแน่ ส่วนอีกสองสาวนั้น อย่างที่บอกไว้อ่อนช้อยสมเป็นสาวเหนือเครือฟ้า
เคยทิ้งอดีตไว้มากมายที่เชียงใหม่และไม่เคยลืม ......ถ้าจะให้เล่าจริงๆ ก็นิยายน้ำเน่าชัดๆ (ความจริงเคยเขียนไว้แล้วที่ห้องอื่น เพื่อเป็นกำลังใจให้คนท้อแท้นะ) เอาเป็นว่าชีวิตตกต่ำที่สุดอยู่ที่เชียงใหม่ รุ่งโรจน์สุดก็ที่เชียงใหม่ การรักและผูกพันจึงมีต่อเชียงใหม่อย่างล้นพ้น
คุณป้ารักแมวและน้องนพฯ อุตส่าห์เอาข้าวเหนียวไปฝากกระติ๊บใหญ่ ไส้อั่ว แคปหมู น้ำพริกหนุ่มมาฝาก นั่งกินยังไงก็ไม่หมด....แถมวันนี้ผมพกไปนั่งตกเบ็ดกับลูกชายที่บ่อสร้างด้วย เจอคนงานก่อสร้างที่กำลังนั่งหยองกินข้าวเที่ยงกันสามคน ไม่มีอะไรมาก ลวกผัก กับแกงขนุน ผมเลยขอเอาอาหารที่ฝากมาไปแจมด้วย พวกเขาขอบอกขอบใจใหญ่เลย ขออานิสงส์ตรงนี้ย้อนกลับไปหาคุณป้าฯ และคุณนพฯ ด้วย........และขอขอบคุณคุณลุงโอลด์ที่เป็นเจ้าภาพที่ภัตตาคารอาหารจีนคืนนั้นครับ ผมโดนสปอยด์บ่อยมาก...ตอนนี้พุงยื่นมะร่อมมะร่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แลัวคุณโอลด์ยังอุตส่าห์ “ขับเสภา” ตามแบบฉบับล้านนาให้ฟังจนเป็นที่ม่วนอกม่วนใจทั้งผม น้องนพฯ และป้าฯ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณคุณโอลด์ที่มีน้ำใจจะเอารถเก๋ง(อีกคันที่บ้าน)มาทิ้งไว้ที่โรงแรมผมเพื่อให้ขับใช้ในเชียงใหม่ เหตุผลที่ผมปฏิเสธไปนั้นก็ย้ำอีกตรงนี้ว่า ผมไม่ได้รังเกียจแต่รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งยวด แต่ผมไม่กล้าขับรถในเมืองไทย กลัวเจอแบบเบนซ์ซิ่งที่วิ่ง 250 กม./ชม เมื่อเร็วๆ นี้ อ้าว...จบลงที่เรื่องนี้เฉยเลย