[CR] Batman V Superman ยกระดับการทำลายล้าง


หนังประเภทนี้มีไม่เยอะนะครับ หนังประเภทที่ว่า หากคุณชอบหนังเรื่องนี้ มันจะสนุก มันจะอลังการเว่อวัง มันจะพีคเอามากๆ แต่ถ้าหากคุณไม่ชอบ คุณจะเบื่อ คุณจะเกลียดมันเข้าไส้ แต่ในความเห็นสำหรับผู้เขียนแล้ว การได้เห็น 2 ฮีโร่ในตำนานมาขึ้นจอพร้อมกันครั้งแรกถือเป็นความคุ้มค่าแก่การรอคอยเอามากๆ และความสนุกที่หนังมอบให้นั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับ Man of Steel

ตัวหนังเปิดเรื่องมาด้วย เรื่องราวเดิมใน Man of Steel เมื่อการต่อสู้ของซูเปอร์แมนกับนายพลซ็อดทำลายบ้านเมืองพินาศ รวมไปถึงทรัพย์สมบัติของ บรูซ เวย์น และความสูญเสียต่างๆมากมายมหาศาล แม้ซุเปอร์แมนจะทำหน้าที่ช่วยเหลือคนตามปกกติในเวลาต่อมา แต่เริ่มมีการตั้งคำถามมากขึ้นในอำนาจ พลังและสิทธิพิเศษของบุรุษู้เทียบเคียงพระเจ้า จนการค้นพบแร่คริปโตไนท์ของบริษัท Lex Corp. บริษัทของ เล็กซ์ ลูเธอร์ และความหวาดกลัวในพลังของซุเปอร์แมน บรูซ เวย์น ผู้ออกล่าผู้ร้ายในตอนกลางคืนภายใต้หน้ากาก Batman จึงจำต้องหยุดยั้งซุเปอร์แมนด้วยตนเอง

สิ่งแรกที่บอกได้เลยว่า วายป่วงยิ่งกว่าเมืองในหนัง ก็คือบท ที่บอกได้เลยว่า บทมีช่องโหว่เยอะมาก บางตัวนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป เหตุผลรองรับในสิ่งต่างๆไม่ค่อยมีเยอะมากมายนัก แต่สิ่งที่ยังพอให้อภัยได้ก็คือ ความน่าเชื่อถือในเหตุผลรองรับการกัดกันของฮีโร่ของทั้งสองฝั่ง ที่ดูพอมีเหตุผลในการปะทะกันอยู่พอสมควร และสิ่งหนึ่งที่เข้าขั้นแย่ก็คือการเล่าเรื่องในหนังช่วงองค์แรก เข้าขั้นน่าเบื่อ บางทีก็เข้าใจว่าต้องการปูเนื้อเรื่อง ให้รู้จักพื้นฐานของตัวละครก่อน แต่หนังทำได้ไม่น่าสนใจ และทำได้น่าเบื่อพอสมควร แต่ข้อดีก็คือหลังจากปูเสร็จแล้ว หนังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และสนุกมากๆ
อีกอย่างที่อยากบ่นเอามากๆก็คือหนังตัวอย่างที่ 2 ที่เผยให้เห็น Doomsday ถือว่าผิดพลาดเอามากๆ มันควรจะเป็นไพ่เด็ดๆที่เอาไว้น็อคคนดูในโรง เป็นตัวละครลับที่ไว้เป็น Last Boss แต่นังดันเผยให้เห็นในตัวอย่างที่ 2 ความตื่นเต้นที่ได้เห็น Doomsday เลยลดลงไปเกือบครึ่ง

ที่ขอชมอย่างแรกก็คือ Ben Affleck ในบทบรูซ เวย์น เล่นดีอย่างคาดไม่ถึง แม้จะชอบทำหน้าตาเป็นตูดอยู่ตลอด แต่การแสดงทางสีหน้าทำผ่านฉลุย ยิ่งฉากหน้าตาโมโห และจ้องมองซุเปอร์แมนด้วยความแค้นนั่นทำออกมาได้น่าเชื่อถือ ยังไม่รวมฉากแอ๊คชั่นที่ไม่รู้ว่าเล่นเองมั้ย แต่เล่นดีเอาการอยู่นะ คิวบู๊แน่น และดุดันมากๆ

Henry Cavill เล่นดีมากขึ้น ดูกลมกลืนและเข้าใจในตัวบทซุเปอร์แมนมากขึ้น ยิ่งในช่วงที่ถูกทางโลกกดดันและตั้งข้อสงสัยอย่างหนัก หน้าตาแกสื่ออารมณ์ได้ดีมาก แต่สิ่งที่ยังคงแย่เหมือนเดิมคือความโรแมนติดระหว่าง คลาร์กกับลูอิส ดูไม่ค่อยโรแมนติคมาก ไม่ค่อยเหมาะกับคำพูดของซุเปอร์แมนที่ว่า 'คุณคือโลกของผม' เท่าไหร่นัก แต่ฉากท้ายๆเล่นดีมาก

ตัวละคร Lex Luthor ถือเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าสนใจในเรื่องนี้ เจ้าตัวจะเป็นคนที่ค่อนข้างฉลาดเอามากๆ แต่ในวามมีมนุษยธรรมนั้นค่อนข้างต่ำช้า มีความมสุขกับการได้ยั่วยุคนรอบข้างให้เห็นพ้องไปกับตนเอง รวมไปถึงความเลวทรามในการบังคับให้ซุเปอร์แมนให้หันมาต่อสู้กับแบทแมน ซึ่งบอกได้เลยว่าฝีมือระดับ Jesse Eisenberg หายห่วง เล่นได้น่าหมั่นไส้ราวกับเด็กซนมีอำนาจในมือ และที่สำคัญเลวเอามากๆ

Wonder Woman หรือ Princess Diana นี่คือตัวละครเด่นจริงๆของหนัง หนังเปิดตัวเธอมาด้วยความงามสง่าหมดจด และออร่าหวามสวยงามแผ่กระจายมากๆ ยอ่งฉากเปิดตัววันเดอร์วูแมนทำออกมาได้อลังการ และดนตรีโคตรเร้าอารมณ์ ยิ่งทำให้ตัวละครของเธอเพิ่มความเท่ห์ชนะทุกตัวละคร

Alfred Pennyworth หรือ Jeremy Irons ชนะเลิศครับ รัศมีดุดันเอามากๆ


Lois Lane แสดงความยินดีด้วยครับ ผมยกตำแหหน่งตัวละครน่ารำคาญสุดให้คุณเลย หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ (พาลนึกถึง โมริ รัน เวอร์ชั่นเมียซุเปอร์แมน) หน้าตาน่ารักๆของ Amy Adams ไม่ช่วยไรเลยจริงๆ

ฉากต่อสู้ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม สมกับยี่ห้อผู้กำกับ 300 งานด้านภาพสวยมากๆ ปลุกกเร้า และส่งเสริมให้ตัวละครทุกตัวในฉากต่อสู้ดูดีขึ้นเป็นล้านเท่า เสียดายที่ฉากประทะกันของสองฮีโร่มีแค่สั้นๆ แต่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ยังไม่รวมฉาากแอ๊คชั่นเดี่ยวๆของแบทแมนที่คิวบู๊หนักแน่น หนักหน่วงและเท่ห์แบบดิบๆเถื่อนๆมาก

อย่างที่บอกว่าตอนท้ายๆเรื่อง ฉากแอ๊คชั่นเข้าขั้น โคตรพีค ไม่ใช่พีคธรรมดา มันดูอลังการ มันดูสนุกตื่นเต้น มันดูทำลายล้าง มันดุล้างผลาญ มันดูดุดัน และที่สำคัญมันเป้นจุดสำคัญในการแปรเปลี่ยนไปสู่ Justice League ด้วย

ประเด็นในหนังที่ต้องการจะสื่อคือ ความต้องการของมนุษย์ในโลก เราเคยอุ่นใจเมื่อมีซุเปอร์แมนคอยช่วยเหลือ แต่เมื่อซุเปอร์แมนทุกวันนี้มีสถานะเทียบเคียงกับพระเจ้า ดังนั้นเมื่อพระเจ้าทำผิด การถูกจัดฉากให้เหมือนกับฆ่าคนของซุเปอร์แมน ตั้งคำถามเชิงศีลธรรมได้อย่างดีว่า ท้ายสุดแล้วเราต้องการสิ่งใดจากซุเปอร์แมนกันแน่ หากเรายังไม่ได้เป็นผู้สุญเสียแบบในหนัง เราจะทำแบบใดกันแน่กับการกระทำของผู้เทียบเคียงพระเจ้าคนนี้
คำสอนที่ดีที่สุดในหนังยังคงเป็นของพ่อ-แม่ของ Clark Kent เสมอ เมื่อคนแม่สอนลูกว่าไม่ต้องทำตามสิ่งที่โลกต้องการ เพราะเราไม่ได้เป็นหนี้ใดๆกับโลกนี้ คนพ่อก็สอนว่าการมีคนรักเคียงข้างทำให้เราเข้าใจได้ว่า คนที่เป็นโลกทั้งใบของเรานั้นมีค่าแค่ไหน


การกระทำของแบทแมนนั้น ค่อนข้างมีเหตุผลน้อยที่สุดในหนัง เราเชื่อว่าคนๆนี้รักลูกน้องอย่างที่สุดและเท่าเทียมกัน เพียงแต่เหตุผลในการโกรธแค้นซุเปอร์แมนนั้นดูเบาบางและไม่ค่อยหนักแน่นมากพอที่จะทำให้ถึงกับไล่ฆ่า และไม่ไว้ชีวิตขนาดนั้น แต่ส่วนอื่นๆในบทบาท และมิติของบรูซ เวย์นนั้นทำออกมาได้ดีที่สุด ถ้าไม่นับประเด็นพ่อกับแม่ตายและไม่เล่าว่าเป็นแบทแมนได้ยังไง

ในตอนท้ายๆนั้นเราจะเห็นได้ว่า ตัวซุเปอร์แมนนั้นท้อแท้ใจขนาดไหน ในการทำความดีช่วยเหลือโลกนี้ คำกล่าวที่ว่า 'โลกนี้ไม่มีที่สำหรับคนดี' เป็นการตัดพ้อที่น่าเห็นใจเอามาก กับคนที่คอยช่วยเหลือคนมาตลอด แต่กลายเป็นถูกมองว่าเป้นอภิสิทธิ์ชนในการกระทำสิ่งต่างๆตามใจชอบ เสียดายที่ประเด็นทั้งหมดในหนังเล่ามาอย่างบางเบา และเหมือนจะรีบเร่งไปสู่ฉาก final battle ไปหน่อย ประเด็นเหล่านี้จึงไม่ขยี้ใจเท่าที่ควร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สรุปโดยรวมแล้ว นี่คือหนังที่แฟนๆของเหล่าฮีโร่ทั้งสองน่าจะชอบ และพูดได้ว่าคุ้มค่ากับการรอชม แม้ฉากบุ๊ของทั้งสองจะน้อยไปหน่อย แต่ทำออกมาได้สนุก และฉาก Final Battle ที่ดุเด็ดและอลังการมากมาย หากมองข้ามบทที่อ่อนเอามากๆแล้ว คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับหนังได้จนจบครับ


ชื่อสินค้า:   Batman v Superman: Dawn of Justice
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่