ยายคือใคร ณ วัดเขาแห่งหนึ่งย่านหัวหิน

ตามที่บอกทิ้งท้ายไว้ในกระทู้ก่อนหน้านี้ ชื่อเรื่องว่า "เรื่องหลอนของอาก๋ง"
ว่าจะมีเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง
ผิดพลาดประการใดขอประทานโทษด้วยครับ

เข้าเรื่องกันเลยครับ
>>>>เรื่องพึ่งเกิดมาได้ประมาณ1-2ปีที่ผ่านมา ณ วัดเขาแห่งหนึ่งย่านหัวหิน ที่มีแม่ชีดังๆ
โดยปกติแล้วตอนนั้นผมจะเรียนอยู่ชั้นม.5 ม.6 ช่วงปิดเทอมแม่กับพี่และป้าๆจะนัดกันไปบวชชีพราหมณ์กันทุกช่วงปิดเทอม
ไม่ว่าจะปิดเทอมเมษา หรือปิดเทอมตุลา พวกเราจะนัดกันไปบวชเป็นประจำ 3วันบ้าง 5 วันบ้างแล้วแต่สะดวกกัน
ตอนมาบวชครั้งแรกๆเคยมีเรื่องเล่าของห้องน้ำที่พักของเหล่าคณะสงฆ์กับเหล่าชีพราหมณ์ ห้องน้ำฝั่งชีพราหมณ์(ผู้หญิง)จะไม่มีอะไร ไม่มีใครเคยเจอสิ่งใด


แต่...ห้องน้ำฝั่งของชีพราหมณ์(ผู้ชาย)จะมีเรื่องเล่าอยู่ ผมขอเฉลยภายหลังแล้วกันว่าเรื่องนั้นคือเรื่องอะไร
พอผมได้ฟังได้ยินเรื่องเหล่านั้นผมไม่เชื่อ โดยปกติแล้วตั้งแต่ผมโตขึ้นมาผมก็ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเลย ถึงขั้นอยากเจอด้วยซ้ำไป
ที่ไหนที่ว่าแน่ๆ ผมท้าทายมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน

วันนั้นเป็นวันธรรมดาวันนึงที่ทางวัดไม่ได้มีกิจกรรมใดๆเป็นพิเศษ โดยวันนั้น เป็นวันปิดเทอมช่วงกลางเดือนตุลาคม
แม่นัดกับป้าๆว่า จะไปบวชกัน สรุปแล้ววันไปก็มี ผม,แม่,พี่ชาย,ป้าอีกสองคน,พ่อเป็นคนขับรถไปส่งแล้วก็กลับกรุงเทพเหมือนเดิม
พ่อไม่ได้บวชเหมือนพวกคณะพวกผม

โดยเราออกจากบ้านกันเช้าตรู่ของวันศุกร์ออกจากบ้านกันประมาณ ตี4-5
พอเช้าวันนั้นคณะเราถึงกันประมาณ8-9โมง ไปถึงเราจอดรถทำไรเรียบร้อยก็เข้าไปเซ็นชื่อขอบวชชีพราหมณ์
จากนั้นก็รอพระสงฆ์ที่จะบวชให้มาสวดบทสวดขอบวช

พอบวชเสร็จถือศิล8เรียบร้อยแล้ว ก็เอาข้าวของไปเก็บบนที่พัก ต้องบอกก่อนว่าที่พักจะเป็นเหมือนอาคารเรือน
จะมีสามชั้น ด้านซ้าย(ถ้ามองจากด้านหน้า)จะเป็นฝั่งของชีพราหมณ์ผู้หญิง
ด้านขวาจะเป็นของชีพราหมณ์ผู้ชาย รวมกับ พระสงฆ์ (ของพระสงฆ์จะเป็นห้องๆๆ ยาวไปจนสุดขวามือ) สุดขวามือจะเป็นห้องน้ำ
(นึกภาพตามว่าเรากำลังยืนอยู่ชั้นล่างและด้านหน้า)

จากนั้นเราก็หาที่นอนกันแม่ชีบอกว่าโยมผู้ชายต้องไปนอนฝั่งพระสงฆ์(ฝั่งขวานั้นเอง)
(ปกติแล้วเวลาผมมากับแม่กับป้าจะได้นอนรวมกันเพราะป้าเส้นใหญ่ 555 ) แต่ครั้งนี้เส้นคงทำไรไม่ได้

ผมกับพี่ก็ไม่ได้อะไร ก็เลยย้ายไปนอนฝั่งขวากัน จากนั้นเราสองคนก็เดินไปเอาของวางอะไรเรียบร้อยก็นอนพักกันสักพัก
ตื่นมาอีกทีก็ได้เวลาฉันเพล คณะเราก็เดินลงมาทานอาหารที่เหล่าแม่ชี(โกนหัว)ทำเอาไว้ให้

ตอนที่คณะเรานั่งทานอาหารกันอยู่นั้น จู่ๆผมก็นึกขึ้นได้ว่าช่วงที่เคยมาบวชชีพราหมณ์แรกๆนั้นป้าเคยพูดว่ามีเรื่องเล่าน่ากลัวๆเกี่ยวกับห้องน้ำฝั่งที่ผมนอน
ผมเลยถามป้าว่ามันคือเรื่องจริงหรอ ป้าบอกว่าป้าก็ไม่รู้แต่หลวงพ่อเขาบอก หลวงพ่อเขาคงไม่โกหกหรอก
ด้วยความที่ผมอยากเจอ และผมไม่เชื่อ ผมเลยพูดไปว่า "โถ่ไม่มีจริงหรอก ถ้ามีก็ขอให้ออกมาเลยอยากเจอะอยากเจอเหลือเกินพวกผีไร้สาระ)
หลังจากนั้นมีมือมือนึงที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนพุ่งมาด้วยความเร็วสูงมันทำให้ผมกลัวมาก นั้นคือ ใช่แล้วครับ มือของแม่ผมเอง
ตบปากผมดัง กุ๊กๆๆ -.-  ตามด้วยเสียงด่า บลาๆๆๆ เศร้า

ผมก็ไม่เชื่ออยู่ดี หลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จรับพรจากพระเสร็จ คณะเราก็ต่างคนแยกย้ายไปนอนเอาแรง เพื่อตอนเย็นจะได้มาทำวัดกัน วัดนี้จะทำวัดประมาณ 6 โมงเย็น ถึง ทุ่มสองทุ่ม

ผมกับพี่ก็แยกย้ายกับป้าๆแม่ โดยผมกับพี่เดินกันมานอนที่ฝั่งชาย เดินมาถึงที่นอนผมก็นอนนอนสักพักตื่นมารู้สึกปวดฉี่ (ช่วงนั้นคนบวชน้อยมีคนบวชไม่เยอะมากไม่เกิน 7-8คน ที่นอนอยู่แถวนั้น ซึ่งห้องน้ำจะต้องเดินไปอีก ไม่ไกล้ไม่ไกลมาก แต่ไกลจากคน
ผมก็เดินไปฉี่ ตอนนั้นเวลาประมาณ 4 ทุ่ม ตอนนั้นไฟห้องน้ำปิดหมด ดึกๆหลวงพ่อจะเดินมาปิด แต่เปิดได้เพราะที่เปิดอยู่หน้าห้องน้ำ
**นึกภาพตามนะครับ ห้องน้ำจะเป็นลักษณะยาวๆเข้าไป ด้านซ้ายจะเป็นห้องน้ำของพระสงฆ์ ส่วนด้านขวาจะเป็นของชีพราม
ตอนนั้นผมก็ไม่ได้กลัวครับ เพราะในใจไม่กลัว อยากเจออยู่แล้วด้วย ง่ายๆว่าก็คิดลบหลู่ล่ะครับ
ผมก็เปิดไฟส่วนของผม ผมจะเข้าห้องน้ำห้องแรกเพราะยังง่วงๆไม่อยากเดินไปไกลๆ พอฉี่เรียบร้อยก็ไม่ได้อะไร แล้วก็เดินออกมาล้างหน้าข้างนอก

อยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องเรื่องนั้นที่เคยได้ยินมา เรื่องเกิดที่ห้องน้ำด้านในสุดของฝั่งขวา (ด้านในสุด มีประมาณ 20-25ห้อง เรียงเข้าไปข้างใน)
เดินไกลอยู่พอประมาณเลยครับ

จากนั้นผมเลยอยากลองของ เดินออกมาปิดไฟ มีเพียงแสงจันทร์ที่ให้แสงสว่าง ผมเดินออกมาข้างนอกไม่มีใครอยู่เลย คนที่นอนอยู่จะไกลออกไปประมาณ20-30เมตร ซึ่งไม่มีใครอยู่ไกล้ผมเลย ถามว่าในใจลึกๆหวั่นไหม หวั่นครับ แต่ไม่กลัวแค่หวิวๆ

มองออกไปไม่มีใครอยู่ไกล้ผมเลย ผมเลยค่อยๆเดินเข้าไป ที่หน้าห้องน้ำนั้น ระหว่างที่เดินในใจผมก็คิดว่าถ้ายายมีจริง ยายก็ออกมา
ผมไม่กลัวยายหรอกนะ ระหว่างที่เดินเข้าไปผมก็เปิดประตูห้องน้ำทีละห้องๆทีละห้อง ให้เปิดไว้ให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ที่นั้นเลย
เดินมาได้สักพักก็ถึงจุดจุดนั้นครับ ใช่ครับ หน้าห้องที่เป็นเรื่องเล่าน่ากลัวของวัด

ผมยืนมองประตู เปิดประตู (ห้องน้ำห้องนี้เป็นห้องปิดตายครับ เจ้าอาวาสเป็นคนสั่งให้ปิดตายห้องน้ำห้องนี้ ไม่รุ้ว่าเนื่องจากสาเหตุใด)
ยืนมองอยู่ประมาณ 1-2นาที เลยติดสินใจลองเปิดกรประตูดู ในใจคิดว่ายายเปิดให้ด้วยนะ ผมก็เอามือไปหมุนกลอนประตู สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
ใช่ครับ กลอนเปิดไม่ออก (ปิดตายจะเปิดได้ไงเล่า) ในใจคิดต่อไปว่าอยากเจอ ยายออกมาผมเลยตัดสินใจเคาะประตูนั้นดังๆ สามครั้ง
ก๊อก....ก๊อก....ก๊อก.......................

ก็ยืนรอดูอยู่ประมาณนาทีได้ มองไปรอบข้างไม่มีอะไร สักพักมีลมหวิวเข้ามาผ่านร่างผมไปครับ มองไปด้านหลังเห็นโอ่งของพระสงฆ์ทีไร
รู้สึกหลอนทุกที -.-

พอไม่มีเหตุการณ์ไรเกิดขึ้น  ผมจึงพูดขึ้นมาว่า "ว่ายายไม่มีจริงสินะ ผิดหวังจริงๆ"

จากนั้นผมก็เดินออกมา พยายามเอาหางตามอง ก็ไม่มีอะไรครับ เดินออกมาก็กลับไปนอนที่เดิมต่อไม่มีเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้น

หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรครับ คือคณะเราบวช3วันคืนครับ
นอนต่อตื่นมาก็ตี5ไปบิณฑบาตรกับหลวงพ่อ ผมกับพี่ก็บิณฑบาตร พี่จะไปกับอีกองค์นึง ผมไปอีกองค์นึง แล้วแต่จะเลือกผมจึงเลือกองค์แก่ๆ
เพื่อจะได้ช่วยท่านถือของ ท่านแก่คงถึงไม่ไหว

ก็เดินออกไปบิณฑบาตรเวลาตอนนั้นสักประมาณ ตี5 ฟ้ายังมืดอยู่ก็เดินๆไป ช่วงก่อนจะถึงบริเวณที่มีคนใส่บาตรต้องเดินไกลนิดนึง
ก่อนจะถึงบริเวณที่มีคนใส่บาตรต้องเดินผ่าน ป่าผ่านพื้นที่ว่างเปล่า ผ่านวัดอื่นๆ ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างน่ากลัวมาก
ซึ่งผมไม่กลัวอยู่แล้ว ถ้าผีผญผมจะจับทำเมียด้วย -.- 55555

จากนั้นก็เดินๆไป พอถึงสถานที่น่ากลัวสำหรับผมนะ มันจะเป็นป่าๆทั้งสองข้าง หลวงพ่อเดินนำหน้าผมตามหลัง
ผมรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามมีเสียงด้วยนะประเด็น เสียงเหมือนรองเท้าแตะ
แจ๊บๆๆๆๆๆๆๆ...

หันไปมองไม่มีใคร ในใจก็คิดว่าไม่มีไรหรอก เดินไปก็มีเสียงอีก แจ๊บๆๆๆๆ....
หันไปมองก็ไม่มีใครอีก เป็นแบบนี้อยู่ประมาณ4-5ครั้ง พอครั้งที่5ผมทนไม่ไหว

เลยคิดในใจว่า คุณผีใช่ไหม ถ้าคุณผีอยากหลอกนะ ออกมาเลย ผมไม่กลัวหรอก

เดินๆอยู่ อยู่ดีๆ หลวงพ่อท่านพูดขึ้นมาว่า โยมเค้าอยู่ส่วนเค้าเราอยู่ส่วนเราเราอย่าไปอะไรกับเค้าเลย
ผมอึ้งสิครับ ผมคิดในใจทำไมท่านถึงรู้ ผมเลยยิ้มๆ และเดินต่อ เดินไปได้สักเสี้ยวเวลานึง

ด้านขวาครับ ใช่แล้วครับมียายแก่ๆยืนอยู่ผมก็งงว่า ที่แบบนี้ยายมายืนทำไม สักพักยายมองหน้า แล้วยิ้มแสยะแบบน่ากลัวมากตอนนั้น
ผมเลยยิ้มกลับตามมารยาท-..-

สักพักก็เดินเลยไป สักพักผมคิดว่ายายมายืนทำไมหันกลับไปอีกทีเอ้า หายไปแล้ว แก่งั้นคงเดินไม่เร็วแบบนี้แน่ ผมก็คิดว่าคงใช่แล้วล้ะ
คงโดนเข้าแล้ว ก็เลยยิ้มกับตัวเองว่า เราโดนแล้วหรอนี่

ก็มุ่งหน้าเดินต่อ หลังจากนั้นก็เดินกลับวัดระยะทางเดินประมาณ 5-10กิโลได้
ก็กลับมาวัด มากวาดลานวัดกับเหล่าคณะที่มาด้วยกัน สักพักก็ฉันเช้า แล้วก็ขึ้นไปนอนตามเดิม

คราวนี้ก็ไม่เจออะไรเลยหลังจากนั้น

ผมขอข้ามไปวันสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพนะครับ

เป็นคืนสุดท้ายก่อนรุ่งเช้าจะกลับกรุงเทพ........................................... เดี๋ยวมาต่อครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่