ห่างหายจากตอนที่2นานมากกกกกกก(8เดือนครึ่ง) ช่วงนี้ว่างบวกกับเดือนหน้าจะมีทริปใหม่ เลยมาต่อตอน3ให้จบก่อนจะลืมเลือนไปค่ะ
ใครยังไม่อ่านหรืออ่านแล้วลืม ย้อนไปอ่านตอนที่1และ2ได้ตามนี้นะคะ
ตอน1
http://pantip.com/topic/33816187
ตอน2
http://pantip.com/topic/33880312
ไม่ต้องเกริ่นยืดยาว ต่อกันเลยดีกว่า
หลังจากผ่านความวุ่นวายที่สนามบินอิสตันบูล เพียง3ชม.เท้าก็มาแตะพื้นดินเมืองSt.Peterburg ประเทศรัสเซียเป็นที่เรียบร้อย นั่งShuttle bus ที่จอดรอผู้โดยสารตรงหน้าประตูทางออกเพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดิน ราวๆ45นาทีก็ถึง สถานีกว้างใหญ่โอ่งโถงตระการตามาก แต่ไม่มีเวลาสำหรับการชื่นชมเพราะใกล้ค่ำแล้ว จัดการซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายเพื่อความสะดวกต่อการเดินทางและคุ้มค่ากว่าซื้อทีละครั้ง

เราจองHostel lifeตามรีวิวแนะนำในพันทิพเพราะใกล้สถานที่เที่ยวหลักๆบนถนนNevsky เดินวนหาที่พักอยู่นานท่ามกลางอากาศหนาวทั้งที่เปิด gps แต่หาไม่เจอสักที ถามทางคนที่ผ่านไปมาก็จับใจความไม่ได้เพราะเขาตอบเป็นภาษารัสเซีย นึกขึ้นได้เปิดดูเบอร์โทรที่พักจากใบจองแล้วโทรไปถามทางกับพนง.(ลืมไปว่าซิมการ์ดที่ซื้อมาใช้โทรได้ด้วยไม่ใช่แค่เล่นเน็ต) กว่าจะเจอเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม เราเลือกพักห้องเตียงรวมหญิงล้วน แต่สมาชิกในห้องมีเพียงเราและนศ.สาวชาวรัสเซีย จัดแจงเก็บสัมภาระ อาบน้ำเข้านอน เหนื่อยมาทั้งวัน ถือเป็นวันที่เหนื่อยและเพลียมากวันหนึ่ง
Day 28
ตื่นมาด้วยอารมณ์ที่สดชื่นขึ้นหลังจากได้นอนเต็มอิ่ม อาหารเช้าที่โฮสเทลมีให้คือ ขนมปัง แยม เนย และข้าวบัควีทต้ม เห็นรูมเมทกินคลุกแยมและน้ำตาล ไม่น่าจะอร่อยแต่ไม่เคยกินเลยลองสักหน่อย ขอบอกว่าอยากเททิ้งแต่กลัวแม่บ้านบ่นกล้ำกลืนฝืนกินจนหมด มีชา กาแฟ หยิบชงเองได้ตลอดเวลา สถานที่ที่จะไปวันนี้คือ Catherine Palaces หรืออีกชื่อที่เรียกกันคือPushkin ออกจากที่พักเห็นตึกสูงใหญ่เรียงรายออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแตกต่างกันไปชวนให้มองได้ตลอดทาง เมื่อคืนมัวแต่เดินหาที่พักไม่มีแก่ใจจะชม ทางลงไปยังสถานีรถไฟลึกมากบันไดเลื่อนยาวลงไปเป็นกิโล ลึกชนิดที่ว่าจากด้านบนมองไม่เห็นปลายทาง
การเดินทางไปพระราชวังต้องนั่งเมโทรแล้วไปต่อรถบัสอีกราวๆ1ชม. กลัวลงผิดป้ายบอกกับพขร.ถึงแล้วช่วยบอกด้วย ลงจากรถไม่เจอพระราชวังไปยังไงต่อละ ถามทางอีกตามเคยเจอคนใจดีไม่อธิบายนะ แต่เดินไปส่งจนเห็นพระราชวังอยู่ไม่ไกลแล้วจึงขอตัวกลับ(ใครว่าคนรัสเซียน่ากลัว ใจดีสุดๆ) มงกุฎทองบนยอดตึกสีฟ้าโดดเด่นแต่ไกล อาคารขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยรูปปั้นเรียงรายอาจดูไม่อลังการนัก แต่เมื่อได้ชมภายในที่งดงามตกแต่งด้วยทองในหลายพื้นที่ช่างเลิศหรูเลอค่ามากๆ เสียดายที่ไม่ได้พกกล้องเข้าไปเพราะก่อนเข้าต้องฝากสัมภาระทั้งหมด คิดเอาเองว่าไม่ให้ถ่ายรูปเลยฝากกล้องไว้ด้วย

ได้รูปจากมือถือมานิดหน่อย ด้านหน้าพระราชวังคือสวนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ กว่าจะเดินได้ทั่วบวกกับตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเองเพลินจนเย็น กลับเข้าเมืองไปเดินเล่นต่อที่ถนนNevsky prospekt ด้านหน้าที่พัก อากาศที่นี่หนาวเกือบใกล้เคียงไอซ์แลนด์ ลมแรงมีฝนและหิมะตกบ้างเล็กน้อย
Day 29
ยังคงออกนอกเมืองอีกวันเพื่อไป Peterhof พระราชวังฤดูร้อน เดินทางโดยการนั่งเมโทรไปสถานีBaltiskaya และต่อรถบัสสาย404 นั่งเลยไปป้ายด้วยความที่คนขับไม่บอกว่าถึงแล้ว แต่เรามองรอบๆมาตลอดทางจนเห็นว่าน่าจะใช่เลยถามคนข้างๆเพื่อให้แน่ใจก่อนลง เดินย้อนกลับมาไกลเลย

จากป้ายรถเมล์ต้องเดินอีกเกือบกิโลจึงจะถึงพระราชวัง มาช่วงโลว์ซีซั่นพื้นที่ส่วนใหญ่ปิดปรับปรุง ลานน้ำพุไม่เปิด สวนไม้ด้านหน้าก็เช่นกันเพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ภายในพระราชวังเปิดตามปกติแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ แทบไม่มีนักท่องเที่ยวมา เท่าที่เห็นมีแค่เรา สามสาวเกาหลี และทัวร์จีนหนึ่งกรุ๊ป แม้จะปิดบริการหลายส่วนแต่ด้วยอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่และมีทะเลสาบด้านหลัง ทำให้เดินถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ มีป้ายเตือนให้ระวังโดนล้วงกระเป๋า ถ้ามาช่วงไฮซีซั่นคงต้องระมัดระวังตัวมากกว่านี้ แต่นี่โล่งมากเดินเล่นอยู่คนเดียว
ออกจากพระราชวังเกือบเย็น ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถเมล์ ผ่านโบสถ์คาทอลิคสวยดีเลยแวะถ่ายรูปด้านหน้าสักหน่อย
นั่งรอรถเมล์อยู่เกือบชม.มีคนอื่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนมารอและขึ้นรถไปแต่ไม่มีแววสาย404มาสักคัน มัวแต่รออยู่แบบนี้ไม่ดีแน่เปิดกูเกิ้ลหาว่ามีสายอื่นที่ไปสถานีเมโทรมั๊ย แล้วก็ได้ผลนั่งสาย424A มาสถานีAVTOVO รถจอดหน้าทางลงสถานีสะดวกกว่าขามาอีก ระหว่างทางเดินในสถานีบางแห่งจะมีร้านค้า ไม่ก็แผงขายของ ขนม ผลไม้ เหมือนบีทีเอสบ้านเรา ได้สตรอเบอร์รี่สีสันสดใสลูกโตน่าทานมาหนึ่งกล่อง ถึงที่พักเติมพลังด้วยข้าว สตรอเบอร์รี่ และอาบน้ำเตรียมนอน ไม่ทันได้หลับมีสมาชิกมาพักเพิ่มในเวลาเกือบเที่ยงคืน เป็นหญิงร่างใหญ่วัย50กว่า มาพร้อมกลิ่นเท้าและเสียงหายใจที่ดังมาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณป้าขึ้นนอนเตียงชั้นบน (ด้านบนที่นอนเรา)ทั้งที่มีเตียงนอนล่างว่างอยู่ เตียงเป็นเตียงเหล็กเพราะฉะนั้นเมื่อป้าขยับตัวจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตามมา กว่าจะได้หลับก็หลังจากที่ป้าและทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบลงอีกครั้ง
Day 30
ตื่นมาพร้อมความงัวเงียและอาการนอนไม่เต็มที่ จะฝืนนอนต่อก็หลับไม่ลงออกเที่ยวเลยแล้วกัน ที่แรกสำหรับวันนี้คือ Peter&Paul Fortress ที่ซึ่งเป็นสุสานของราชวงศ์โรมานอฟ ทางเข้าด้านหน้าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ มีรูปปั้นกระต่ายขอพร ถ้าใครโยนเหรียญลอดวงแขนกระต่ายได้จะสมหวัง วันนี้อากาศหนาวกว่าเมื่อวาน ไม่ได้เตรียมหมวกมาลมตีจนหน้าชารีบหลบเข้าไปในวิหาร ภายในวิหารวิจิตรตระการตาสวยงามในทุกๆพื้นที่ ซึบซัมความงามจนเต็มอิ่ม
ออกจากวิหารมองหาเรือนจำTrubetskoy Bastion Prisonไม่มีป้ายบอกทาง ถามจนท.แถวนั้นตอบกลับมาเป็นภาษารัสเซีย คงเห็นเราทำหน้างงเลยพาเดินไปถึงที่(บอกแล้วคนรัสเซียใจดี)เรือนจำแห่งนี้เป็นสถานที่จำคุกนักโทษทางการเมืองในยุคก่อน บรรยากาศอึมครึมแต่ละห้องมองแล้วรู้สึกหดหู่มาก อยู่ได้ไม่นานรีบเผ่นออกมาเพราะเริ่มรู้สึกตึงเครียด
ไปต่อกันที่The Church of Our Saviour on Spilled Blood หรือที่คนไทยเรียกว่าโบสถ์หยดเลือด โบสถ์ที่กล่าวกันว่าสถาปนิกตั้งใจออกแบบให้คล้ายกับSt.Bazilที่มอสโคว อยู่ไม่ไกลจากPeter&paul สามารถเดินไปได้ แต่ก่อนเข้าแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารด้านหน้าซึ่งมีเพียงร้านเดียว หิวแล้วไม่มีทางเลือกอื่น สั่งสเต็กปลาแซนมอนเพราะห่างหายจากรสสัมผัสปลามาหลายวัน (มื้อนี้แพงสุดตั้งแต่ออกเดินทาง)
ภายในโบสถ์ประดับด้วยโมเสดนับล้านๆชิ้นมีลวดลายเป็นภาพบอกเล่าเรื่องราวของศาสนาคริสต์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความตั้งใจและแรงศรัทธาของคนยุคนั้น ชื่นชมความงามสักพักออกมาด้านหลังโบสถ์เดินเลียบแม่น้ำไปถึงถนนใหญ่จะพบกับวิหารKazan Cathedral ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้ยังไม่เข้าเดินต่อไปยังจตุรัสพาเลซ(Dvortsovaya Square) สถานที่ตั้ง The State Hermitage พิพิธภัณฑ์มรดกแห่งชาติ ถ้าจะชื่นชมงานศิลป์ให้ทั่วต้องใช้เวลาทั้งวัน จึงเป็นเป้าหมายของวันพรุ่งนี้ ด้านตรงข้ามคืออาคารเสนาธิการทหาร บริเวณนี้ถือเป็นสวนสาธารณะ สถานที่พักผ่อนแห่งหนึ่งเนื่องจากมีผู้คนจำนวนมาก มาทำกิจกรรมเช่น ขี่ม้า เล่นสเก็ตบอร์ด ขี่จักรยาน ถ่ายรูป วันนี้เดินแทบทั้งวัน ใกล้ค่ำแล้วได้เวลากลับที่พัก
Day 31
เสียงแพ็คกระเป๋าจากรูมเมทคนเดิมปลุกให้ตื่นในเวลารุ่งสาง แอบดีใจเล็กน้อยที่คุณป้าจะเช็คเอาท์แล้ว ป้าไปโดยไม่มีการเอ่ยลา อย่าว่าแต่เอ่ยลาตั้งแต่มาจนกระทั่งกลับไม่ได้พูดจากันสักคำ เพราะไม่ว่าจะตอนเช้าเมื่อตื่นหรือตอนเย็นที่กลับเข้าห้อง จะเห็นป้าเขานอนตลอดเวลาเหมือนมาพักแรมเพื่อรอเดินทางต่อเท่านั้น ว่าจะนอนต่ออีกสัก2-3ชม.ไม่ทันได้หลับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้นบทสนทนาภาษารัสเซียก็เริ่มต้นและยาวนาน ได้แต่นอนเล่นเรื่อยเปื่อยถึงเวลาอาหารเช้าทำภารกิจส่วนตัวแล้วออกไปสู่เป้าหมายในวันนี้ The State Hermitage พิพิธภัณฑ์มรดกแห่งชาติ สำหรับผู้ที่สนใจงานศิลปะไม่ควรพลาดอย่างยิ่งและควรมีเวลาหนึ่งวันเต็มเป็นอย่างน้อย ภายในแบ่งเป็น3ชั้น ชั้นที่1 เกี่ยวกับการเก็บรักษาศพคล้ายกับอียิปต์ ชั้นที่2 แบ่งเป็นร้อยๆห้อง มีภาพวาดมากมาย เครื่องราชต่างๆและของใช้ส่วนพระองค์ ชั้นที่3เป็นงานผ้า งานทอ แต่มีไม่มากนักและดูไม่น่าสนใจ ชั้นที่2จึงเป็นชั้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากสุด
ด้วยความที่ไม่ได้มีใจรักในงานศิลปะมากนัก จากที่คิดว่าจะอยู่เต็มวันก็ออกมาก่อนในช่วงบ่าย เดินต่อไปSt.Isaac’s Cathedral ที่นี่จำหน่ายบัตรเข้าเป็น2ส่วน คือเข้าภายในโบสถ์ และขึ้นบนหอคอย เราเลือกเข้าเฉพาะในโบสถ์ก่อน ความงดงามภายในโบสถ์เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรเข้าชมอย่างยิ่ง ภาพเล่าเรื่องราวของพระเยซูถูกถ่ายทอดลงบนเสาแต่ละต้นจากการปะติดปะต่อเรียงรายแผ่นโมเสดชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยช่างฝีมือเห็นแล้วน่าทึ่งมากๆ

มีเวลาชื่นชมได้ไม่นานจนท.แจ้งว่าได้เวลาปิดทำการแล้ว ไม่ไปต่อไหนแล้วกลับที่พักเร็วสักวัน ระหว่างเดินไปเมโทรเจอมินิมาร์ทเรียกว่าสวรรค์โปรดเลยก็ว่าได้ เพราะมินิมาร์ทนี้เหมือน7-11บ้านเราคือหยิบของแล้วจ่ายเงินที่เคาเตอร์ ซึ่งผิดกับร้านอื่นๆคือสินค้าที่วางตามเชลล์นั้นไม่ขายเป็นเพียงสินค้าโชว์ อยากได้ชิ้นไหนให้แจ้งพนง.จะหยิบจากสต็อกให้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือคนรัสเซียไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยไม่รู้จะสื่อสารยังไงตัดปัญหาโดยการไม่ซื้อ กลางวันได้แต่กินข้าวตามร้านอาหาร เบื่ออาหารเช้าของที่พักเต็มที จัดทั้งไส้กรอก สลัด ซูชิ นม ขนมต่างๆ ถึงที่พักมีรูมเมทมาใหม่เป็นคนไทย เขามากันเป็นกรุ๊ปใหญ่เลยแต่ไม่ได้พักห้องเดียวกันทั้งหมด รวมกลุ่มคุยกันที่ห้องอาหารมื้อเย็นวันนี้อร่อยกว่าทุกวัน
45วัน 3ประเทศ จากไอซ์แลนด์สู่ไบคาล ไปตามฝันหรือเติมฝัน(ตอนจบ)
ใครยังไม่อ่านหรืออ่านแล้วลืม ย้อนไปอ่านตอนที่1และ2ได้ตามนี้นะคะ
ตอน1 http://pantip.com/topic/33816187
ตอน2 http://pantip.com/topic/33880312
ไม่ต้องเกริ่นยืดยาว ต่อกันเลยดีกว่า
หลังจากผ่านความวุ่นวายที่สนามบินอิสตันบูล เพียง3ชม.เท้าก็มาแตะพื้นดินเมืองSt.Peterburg ประเทศรัสเซียเป็นที่เรียบร้อย นั่งShuttle bus ที่จอดรอผู้โดยสารตรงหน้าประตูทางออกเพื่อไปสถานีรถไฟใต้ดิน ราวๆ45นาทีก็ถึง สถานีกว้างใหญ่โอ่งโถงตระการตามาก แต่ไม่มีเวลาสำหรับการชื่นชมเพราะใกล้ค่ำแล้ว จัดการซื้อตั๋วแบบเหมาจ่ายเพื่อความสะดวกต่อการเดินทางและคุ้มค่ากว่าซื้อทีละครั้ง
เราจองHostel lifeตามรีวิวแนะนำในพันทิพเพราะใกล้สถานที่เที่ยวหลักๆบนถนนNevsky เดินวนหาที่พักอยู่นานท่ามกลางอากาศหนาวทั้งที่เปิด gps แต่หาไม่เจอสักที ถามทางคนที่ผ่านไปมาก็จับใจความไม่ได้เพราะเขาตอบเป็นภาษารัสเซีย นึกขึ้นได้เปิดดูเบอร์โทรที่พักจากใบจองแล้วโทรไปถามทางกับพนง.(ลืมไปว่าซิมการ์ดที่ซื้อมาใช้โทรได้ด้วยไม่ใช่แค่เล่นเน็ต) กว่าจะเจอเวลาล่วงเลยเกือบสามทุ่ม เราเลือกพักห้องเตียงรวมหญิงล้วน แต่สมาชิกในห้องมีเพียงเราและนศ.สาวชาวรัสเซีย จัดแจงเก็บสัมภาระ อาบน้ำเข้านอน เหนื่อยมาทั้งวัน ถือเป็นวันที่เหนื่อยและเพลียมากวันหนึ่ง
Day 28
ตื่นมาด้วยอารมณ์ที่สดชื่นขึ้นหลังจากได้นอนเต็มอิ่ม อาหารเช้าที่โฮสเทลมีให้คือ ขนมปัง แยม เนย และข้าวบัควีทต้ม เห็นรูมเมทกินคลุกแยมและน้ำตาล ไม่น่าจะอร่อยแต่ไม่เคยกินเลยลองสักหน่อย ขอบอกว่าอยากเททิ้งแต่กลัวแม่บ้านบ่นกล้ำกลืนฝืนกินจนหมด มีชา กาแฟ หยิบชงเองได้ตลอดเวลา สถานที่ที่จะไปวันนี้คือ Catherine Palaces หรืออีกชื่อที่เรียกกันคือPushkin ออกจากที่พักเห็นตึกสูงใหญ่เรียงรายออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นแตกต่างกันไปชวนให้มองได้ตลอดทาง เมื่อคืนมัวแต่เดินหาที่พักไม่มีแก่ใจจะชม ทางลงไปยังสถานีรถไฟลึกมากบันไดเลื่อนยาวลงไปเป็นกิโล ลึกชนิดที่ว่าจากด้านบนมองไม่เห็นปลายทาง
การเดินทางไปพระราชวังต้องนั่งเมโทรแล้วไปต่อรถบัสอีกราวๆ1ชม. กลัวลงผิดป้ายบอกกับพขร.ถึงแล้วช่วยบอกด้วย ลงจากรถไม่เจอพระราชวังไปยังไงต่อละ ถามทางอีกตามเคยเจอคนใจดีไม่อธิบายนะ แต่เดินไปส่งจนเห็นพระราชวังอยู่ไม่ไกลแล้วจึงขอตัวกลับ(ใครว่าคนรัสเซียน่ากลัว ใจดีสุดๆ) มงกุฎทองบนยอดตึกสีฟ้าโดดเด่นแต่ไกล อาคารขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยรูปปั้นเรียงรายอาจดูไม่อลังการนัก แต่เมื่อได้ชมภายในที่งดงามตกแต่งด้วยทองในหลายพื้นที่ช่างเลิศหรูเลอค่ามากๆ เสียดายที่ไม่ได้พกกล้องเข้าไปเพราะก่อนเข้าต้องฝากสัมภาระทั้งหมด คิดเอาเองว่าไม่ให้ถ่ายรูปเลยฝากกล้องไว้ด้วย
Day 29
ยังคงออกนอกเมืองอีกวันเพื่อไป Peterhof พระราชวังฤดูร้อน เดินทางโดยการนั่งเมโทรไปสถานีBaltiskaya และต่อรถบัสสาย404 นั่งเลยไปป้ายด้วยความที่คนขับไม่บอกว่าถึงแล้ว แต่เรามองรอบๆมาตลอดทางจนเห็นว่าน่าจะใช่เลยถามคนข้างๆเพื่อให้แน่ใจก่อนลง เดินย้อนกลับมาไกลเลย
ออกจากพระราชวังเกือบเย็น ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเพื่อขึ้นรถเมล์ ผ่านโบสถ์คาทอลิคสวยดีเลยแวะถ่ายรูปด้านหน้าสักหน่อย
นั่งรอรถเมล์อยู่เกือบชม.มีคนอื่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนมารอและขึ้นรถไปแต่ไม่มีแววสาย404มาสักคัน มัวแต่รออยู่แบบนี้ไม่ดีแน่เปิดกูเกิ้ลหาว่ามีสายอื่นที่ไปสถานีเมโทรมั๊ย แล้วก็ได้ผลนั่งสาย424A มาสถานีAVTOVO รถจอดหน้าทางลงสถานีสะดวกกว่าขามาอีก ระหว่างทางเดินในสถานีบางแห่งจะมีร้านค้า ไม่ก็แผงขายของ ขนม ผลไม้ เหมือนบีทีเอสบ้านเรา ได้สตรอเบอร์รี่สีสันสดใสลูกโตน่าทานมาหนึ่งกล่อง ถึงที่พักเติมพลังด้วยข้าว สตรอเบอร์รี่ และอาบน้ำเตรียมนอน ไม่ทันได้หลับมีสมาชิกมาพักเพิ่มในเวลาเกือบเที่ยงคืน เป็นหญิงร่างใหญ่วัย50กว่า มาพร้อมกลิ่นเท้าและเสียงหายใจที่ดังมาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณป้าขึ้นนอนเตียงชั้นบน (ด้านบนที่นอนเรา)ทั้งที่มีเตียงนอนล่างว่างอยู่ เตียงเป็นเตียงเหล็กเพราะฉะนั้นเมื่อป้าขยับตัวจะมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดตามมา กว่าจะได้หลับก็หลังจากที่ป้าและทุกอย่างรอบตัวเงียบสงบลงอีกครั้ง
Day 30
ตื่นมาพร้อมความงัวเงียและอาการนอนไม่เต็มที่ จะฝืนนอนต่อก็หลับไม่ลงออกเที่ยวเลยแล้วกัน ที่แรกสำหรับวันนี้คือ Peter&Paul Fortress ที่ซึ่งเป็นสุสานของราชวงศ์โรมานอฟ ทางเข้าด้านหน้าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำ มีรูปปั้นกระต่ายขอพร ถ้าใครโยนเหรียญลอดวงแขนกระต่ายได้จะสมหวัง วันนี้อากาศหนาวกว่าเมื่อวาน ไม่ได้เตรียมหมวกมาลมตีจนหน้าชารีบหลบเข้าไปในวิหาร ภายในวิหารวิจิตรตระการตาสวยงามในทุกๆพื้นที่ ซึบซัมความงามจนเต็มอิ่ม
ออกจากวิหารมองหาเรือนจำTrubetskoy Bastion Prisonไม่มีป้ายบอกทาง ถามจนท.แถวนั้นตอบกลับมาเป็นภาษารัสเซีย คงเห็นเราทำหน้างงเลยพาเดินไปถึงที่(บอกแล้วคนรัสเซียใจดี)เรือนจำแห่งนี้เป็นสถานที่จำคุกนักโทษทางการเมืองในยุคก่อน บรรยากาศอึมครึมแต่ละห้องมองแล้วรู้สึกหดหู่มาก อยู่ได้ไม่นานรีบเผ่นออกมาเพราะเริ่มรู้สึกตึงเครียด
ไปต่อกันที่The Church of Our Saviour on Spilled Blood หรือที่คนไทยเรียกว่าโบสถ์หยดเลือด โบสถ์ที่กล่าวกันว่าสถาปนิกตั้งใจออกแบบให้คล้ายกับSt.Bazilที่มอสโคว อยู่ไม่ไกลจากPeter&paul สามารถเดินไปได้ แต่ก่อนเข้าแวะกินมื้อกลางวันที่ร้านอาหารด้านหน้าซึ่งมีเพียงร้านเดียว หิวแล้วไม่มีทางเลือกอื่น สั่งสเต็กปลาแซนมอนเพราะห่างหายจากรสสัมผัสปลามาหลายวัน (มื้อนี้แพงสุดตั้งแต่ออกเดินทาง)
ภายในโบสถ์ประดับด้วยโมเสดนับล้านๆชิ้นมีลวดลายเป็นภาพบอกเล่าเรื่องราวของศาสนาคริสต์ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความตั้งใจและแรงศรัทธาของคนยุคนั้น ชื่นชมความงามสักพักออกมาด้านหลังโบสถ์เดินเลียบแม่น้ำไปถึงถนนใหญ่จะพบกับวิหารKazan Cathedral ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้ยังไม่เข้าเดินต่อไปยังจตุรัสพาเลซ(Dvortsovaya Square) สถานที่ตั้ง The State Hermitage พิพิธภัณฑ์มรดกแห่งชาติ ถ้าจะชื่นชมงานศิลป์ให้ทั่วต้องใช้เวลาทั้งวัน จึงเป็นเป้าหมายของวันพรุ่งนี้ ด้านตรงข้ามคืออาคารเสนาธิการทหาร บริเวณนี้ถือเป็นสวนสาธารณะ สถานที่พักผ่อนแห่งหนึ่งเนื่องจากมีผู้คนจำนวนมาก มาทำกิจกรรมเช่น ขี่ม้า เล่นสเก็ตบอร์ด ขี่จักรยาน ถ่ายรูป วันนี้เดินแทบทั้งวัน ใกล้ค่ำแล้วได้เวลากลับที่พัก
Day 31
เสียงแพ็คกระเป๋าจากรูมเมทคนเดิมปลุกให้ตื่นในเวลารุ่งสาง แอบดีใจเล็กน้อยที่คุณป้าจะเช็คเอาท์แล้ว ป้าไปโดยไม่มีการเอ่ยลา อย่าว่าแต่เอ่ยลาตั้งแต่มาจนกระทั่งกลับไม่ได้พูดจากันสักคำ เพราะไม่ว่าจะตอนเช้าเมื่อตื่นหรือตอนเย็นที่กลับเข้าห้อง จะเห็นป้าเขานอนตลอดเวลาเหมือนมาพักแรมเพื่อรอเดินทางต่อเท่านั้น ว่าจะนอนต่ออีกสัก2-3ชม.ไม่ทันได้หลับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหลังจากนั้นบทสนทนาภาษารัสเซียก็เริ่มต้นและยาวนาน ได้แต่นอนเล่นเรื่อยเปื่อยถึงเวลาอาหารเช้าทำภารกิจส่วนตัวแล้วออกไปสู่เป้าหมายในวันนี้ The State Hermitage พิพิธภัณฑ์มรดกแห่งชาติ สำหรับผู้ที่สนใจงานศิลปะไม่ควรพลาดอย่างยิ่งและควรมีเวลาหนึ่งวันเต็มเป็นอย่างน้อย ภายในแบ่งเป็น3ชั้น ชั้นที่1 เกี่ยวกับการเก็บรักษาศพคล้ายกับอียิปต์ ชั้นที่2 แบ่งเป็นร้อยๆห้อง มีภาพวาดมากมาย เครื่องราชต่างๆและของใช้ส่วนพระองค์ ชั้นที่3เป็นงานผ้า งานทอ แต่มีไม่มากนักและดูไม่น่าสนใจ ชั้นที่2จึงเป็นชั้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากสุด
ด้วยความที่ไม่ได้มีใจรักในงานศิลปะมากนัก จากที่คิดว่าจะอยู่เต็มวันก็ออกมาก่อนในช่วงบ่าย เดินต่อไปSt.Isaac’s Cathedral ที่นี่จำหน่ายบัตรเข้าเป็น2ส่วน คือเข้าภายในโบสถ์ และขึ้นบนหอคอย เราเลือกเข้าเฉพาะในโบสถ์ก่อน ความงดงามภายในโบสถ์เป็นอีกหนึ่งที่ที่ควรเข้าชมอย่างยิ่ง ภาพเล่าเรื่องราวของพระเยซูถูกถ่ายทอดลงบนเสาแต่ละต้นจากการปะติดปะต่อเรียงรายแผ่นโมเสดชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยช่างฝีมือเห็นแล้วน่าทึ่งมากๆ
มีเวลาชื่นชมได้ไม่นานจนท.แจ้งว่าได้เวลาปิดทำการแล้ว ไม่ไปต่อไหนแล้วกลับที่พักเร็วสักวัน ระหว่างเดินไปเมโทรเจอมินิมาร์ทเรียกว่าสวรรค์โปรดเลยก็ว่าได้ เพราะมินิมาร์ทนี้เหมือน7-11บ้านเราคือหยิบของแล้วจ่ายเงินที่เคาเตอร์ ซึ่งผิดกับร้านอื่นๆคือสินค้าที่วางตามเชลล์นั้นไม่ขายเป็นเพียงสินค้าโชว์ อยากได้ชิ้นไหนให้แจ้งพนง.จะหยิบจากสต็อกให้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาคือคนรัสเซียไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยไม่รู้จะสื่อสารยังไงตัดปัญหาโดยการไม่ซื้อ กลางวันได้แต่กินข้าวตามร้านอาหาร เบื่ออาหารเช้าของที่พักเต็มที จัดทั้งไส้กรอก สลัด ซูชิ นม ขนมต่างๆ ถึงที่พักมีรูมเมทมาใหม่เป็นคนไทย เขามากันเป็นกรุ๊ปใหญ่เลยแต่ไม่ได้พักห้องเดียวกันทั้งหมด รวมกลุ่มคุยกันที่ห้องอาหารมื้อเย็นวันนี้อร่อยกว่าทุกวัน