....พ่อผมเป็นคนพิษณุโลก อ.วังทอง เป็นคนที่ทำทุกอย่าง ยกเว้นความดี และการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี
สุดท้ายแม่ผมทนความเลวของพ่อไม่ได้ ก็หอบหิ้วผมหนีไปอยู่กับยายที่ อ.ลับแล อุตรดิตถ์ ก่อนที่ทวดจะดั้นด้น
ขึ้นไปหอบหิ้วเหลนคนเดียว ลงมาอยู่ด้วยกันที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
...การใช้ชีวิตในวัยเด็กของผม จึงไม่เคยเห็นด้านดีของพ่อเลยสักครั้ง
พ่อมาตามง้อแม่อยู่นาน แม่ก็ยังให้อภัย ชวนกันมาทำมาหากินที่สวรรคโลก เราจึงได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง
แต่ตอนนั้น พ่อกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผมไปแล้ว ผมรู้สึกเกลียดหน้าผู้ชายคนนี้
เกลียด เกลียดอย่างไม่มีเหตุผล ผมเลี่ยงด้วยการที่จะไปอยู่กับทวดมากกว่า แม้จะกลัวผีที่ทวดเลี้ยง แต่ก็เกลียดพ่อเกินกว่าจะนอนบ้านเดียวกัน
....ไม่นานผู้ชายคนนั้น ที่บอกจะปรับปรุงตัว ก้เหมือนวัวที่เคยกินหญ้า จะห้ามไม่ให้มันกินก็คงได้ไม่นาน
พอทำงาน มีเงินมากขึ้น ก็หันไปทำนิสัยแบบเดิมๆ กินเหล้า เล่นพนันไพ่ ไฮโล เสพกัญชา หนักๆเข้ายาบ้าก็เอาเข้าตำราในหนังไทยเด็กบ้านแตกเป๊ะๆ
พอเมา ก็ใช้แม่เป็นกระสอบทราย ผู้ชายคนนี้ผมไม่เคยมองเค้าเป็นคนเลยสักครั้ง ข่มขืนแม่ต่อหน้าผมวัย7ขวบ เค้าก็ทำ
ผมได้แต่ร้องไห้ สงสารแม่ ทำอะไรไม่ได้
....แม้แม่จะทนแค่ไหน แต่ก็มีวันสิ้นสุด แม่ตัดสินใจหนีตามคุณหมอ ไปทำงานที่กรุงเทพโดยฝากผมไว้กับยายและทวด
พ่อโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใช้เงินก้อนสุดท้ายที่มี ลงไปตามหาแม่ที่กรุงเทพ เค้ารู้แค่ว่าแม่ไปอยู่ลาดกระบัง
แต่ไม่รู้จุดบ้านคุณหมอ ก็ไม่รู้ไปตามยังไง สุดท้ายก็กลับมาแบบโทรมๆคงจะเงินหมด
พ่อมาหาทวด จะขอเอาผมกลับไปอยู่ด้วยที่พิษณุโลก ผมไม่ไป หนีขึ้นไปอยู่บนบ้าน
พ่อจะตามมาหิ้วตัวผม แต่ทวดชาย ยืนขวาง พร้อมมีดพร้าคมกริบที่หัวบันได
"มืงลองกล้าขึ้นมา กูจะฟันมืงหัวแบะตกบันได"
...ถึงทวดชายผมจะแก่ แต่พ่อผมก็รู้ว่าทวดผมเอาจริงแน่ เพราะทวดชายสมัยหนุ่มๆก็นักเลงพอตัว
สุดท้ายพ่อก็หายไปจากชีวิตผม ผมจะได้ข่าวบ้าง ก็เวลาลุงคนนึง
ที่แกไปได้เมียเป็นคนบ้านเดียวกับพ่อผม แวะมาส่งข่าวให้ฟังว่า พ่อผมกลับไปอยู่บ้านได้เมียใหม่ ลูกติด4คน
กินเหล้าเมายาเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยผ่าน คิดเสียว่า ช่างสิ
....ผมโตมาด้วยความเข้มแข็งของหัวใจ เพราะไม่มีพ่อแม่คอยเลี้ยง โตมากับคนเฒ่าคนแก่และวัด
กาลเวลาผ่านผันไปตามวันและเวลาที่เคลื่อนคล้อยย้อยลงลับที่ขอบฟ้า
วัน เป็นเดือน เดือนเป็นปี ปีเป็นหลายปี จนผมแทบจะลืมไปแล้วว่าพ่อผมหน้าตายังไง
ยิ่งโต ยิ่งรู้สึกโหยหาอยากเจอหน้าพ่อ ความเกลียดที่เคยมีมันลดไปบ้าง
ผมมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควรแล้ว ผมพยายามสืบๆหาทางติดต่อไปทางญาติๆผ่ายพ่อ
....จนได้ติดต่อกับลุงป้าน้าอาฝ่ายพ่อ ผมก็ได้แต่ซักถามความเป็นอยู่ ก็ได้รู้ว่าพ่อกลายเป็นไอ่ขี้เมาที่ไม่มีใครเอา
เมียใหม่เค้าก็หลอกให้พ่อขายที่ดิน ที่ปู่ยกให้สร้างบ้านพอแมวดิ้นตาย พอขายได้เงิน เค้าก็เชิดเงินหนีหายกลับบ้านไปนานหลายปี
พ่อก็ได้แต่กินเหล้า ซึมเศร้า อาศัยอยู่กับปู่ไปวันๆ ผมเวทนาพ่อนัก แม้จะเคยเกลียดขนาดตั้งใจว่าจะไม่สนใจ แต่มันอดไม่ได้ที่จะ
ส่งเงินไปให้ผ่านทางป้า แต่ขออย่าให้ป้าบอกว่าผมส่งให้ เดือนละพันสองพันอยู่แบบนี้ตลอด
...จนวันนึง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นป้าผมที่โทรมา
"ลูก พ่อมืงเสียแล้วนะ"
"ห๊าาาา พ่อผมตาย ครับๆ ผมจะขึ้นไป"
...ผมอึ้ง เคยเกลียดมาก แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่มีเสียงร้อง แต่นั่งนิ่ง ไม่รู้สิ แม้ผมจะไม่ค่อยผูกพันธ์ แต่เลือดในตัวผม มันก็เลือดผู้ชายคนนั้นนี่นะ
ผมบอกแม่ ว่าพ่อตายแล้ว แม่ไม่ไปร่วมงานศพ เพราะคงจะเกลียดมาก เลยฝากให้ผมไปแทน
ผมเลยชวนแฟน ณ ขณะนั้น ให้ไปด้วยกัน
เราก็นั่งรถทัวร์จากปักษ์ใต้ ไปต่อรถดิ่งตรงขึ้นพิษณุโลก ไปที่บ้านพ่อ ที่ อ.วังทอง
เรานั่งรถ2แถวคันเล็กๆเข้าไปในหมู่บ้าน ที่ไกลปืนเที่ยง โอบล้อมด้วยขุนเขา
เป็นครั้งแรกในรอบ20ปี ที่ผมได้มาเหยียบหมู่บ้านนี้อีกครั้ง
...ญาติๆมาห้อมล้อมผม เพราะผมเปลี่ยนไปมาก ของฝากถูกแจกจ่ายออกไป
ผมไปดูศพพ่อ ที่ญาติๆคนอื่น พาไปตั้งไว้ที่วัด ปู่ย่าก็อยู่แต่ท่านแก่มากแล้ว
งานสวดศพทำแค่3วัน ผมก็ช่วยงาน แฟนผม ณ ตอนนั้นก็ช่วยทุกอย่าง
....คืนแรกที่สวดศพ ผมฝากให้ป้าพาแฟนไปนอนที่บ้านด้วย
ส่วนผมจะขอนอนที่ศาลาเฝ้าศพพ่อ กับญาติๆอีก2-3คน
ศาลาเป็นศาลาเก่าๆ มีพัดลมเก่าๆหมุนดังเอี๊ยดๆ ผม ลุงแดง อาต้อย และบักจ่อย(หลาน)
ก็กางมุ้ง2หลัง นอนหลังละ2คนที่หน้าศพ หลังจากคนกลับไปหมดแล้ว ผมนอนกับจ่อย
เรานอนหันหัวไปทางบันไดขึ้นศาลา ลุงแดงก็จัดการปิดไฟรอบๆ เหลือไฟไว้แค่ตรงโลง ดวงเดียว ตรงอื่นมืดหมด มีไฟมัวๆอีกดวงตรงถนนที่ส่องมา
....ผมเหนื่อยและเพลีย ก็นอนหลับไป พอตอนดึกสะดุ้งตื่น
มือควาญไปข้างๆตัว เห้ย บักจ่อย หายไปไหน
ผมพลิกตัวคว่ำตัวลง มองไปมุ้งข้างๆที่ลุงแดงกับอาต้อยนอนอยู่ ผมเพ่งมองไป ก็เห็นมีแต่หมอนกับผ้าห่ม
ผมยันตัวขึ้นนั่ง มองไปที่โลง ที่มีไฟส่องสว่าง ไฟประดับกระพริบๆ รูปตั้งหน้าศพพ่อจ้องดูนานๆก็ขนลุกเหมือนกัน
มองไปรอบๆก็มืดเหลือเกิน........
จู่ๆ โห่งๆๆๆ บรู๊ววววววว สนั่นลั่นวัดทั่วบริเวณ ผมใจเสีย
เพราะไม่รู้ว่าอีก3คนหายไปไหน ...........
+++++ไว้จะมาต่อนะครับ เล่าตอนนี้ผมขนลุกขึ้นมา กลัวดื้อๆ พรุ่งนี้กลางวันจะเล่าต่อแล้วกัน.......
วันที่พ่อผมตาย
....พ่อผมเป็นคนพิษณุโลก อ.วังทอง เป็นคนที่ทำทุกอย่าง ยกเว้นความดี และการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี
สุดท้ายแม่ผมทนความเลวของพ่อไม่ได้ ก็หอบหิ้วผมหนีไปอยู่กับยายที่ อ.ลับแล อุตรดิตถ์ ก่อนที่ทวดจะดั้นด้น
ขึ้นไปหอบหิ้วเหลนคนเดียว ลงมาอยู่ด้วยกันที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
...การใช้ชีวิตในวัยเด็กของผม จึงไม่เคยเห็นด้านดีของพ่อเลยสักครั้ง
พ่อมาตามง้อแม่อยู่นาน แม่ก็ยังให้อภัย ชวนกันมาทำมาหากินที่สวรรคโลก เราจึงได้อยู่กันพร้อมหน้าอีกครั้ง
แต่ตอนนั้น พ่อกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผมไปแล้ว ผมรู้สึกเกลียดหน้าผู้ชายคนนี้
เกลียด เกลียดอย่างไม่มีเหตุผล ผมเลี่ยงด้วยการที่จะไปอยู่กับทวดมากกว่า แม้จะกลัวผีที่ทวดเลี้ยง แต่ก็เกลียดพ่อเกินกว่าจะนอนบ้านเดียวกัน
....ไม่นานผู้ชายคนนั้น ที่บอกจะปรับปรุงตัว ก้เหมือนวัวที่เคยกินหญ้า จะห้ามไม่ให้มันกินก็คงได้ไม่นาน
พอทำงาน มีเงินมากขึ้น ก็หันไปทำนิสัยแบบเดิมๆ กินเหล้า เล่นพนันไพ่ ไฮโล เสพกัญชา หนักๆเข้ายาบ้าก็เอาเข้าตำราในหนังไทยเด็กบ้านแตกเป๊ะๆ
พอเมา ก็ใช้แม่เป็นกระสอบทราย ผู้ชายคนนี้ผมไม่เคยมองเค้าเป็นคนเลยสักครั้ง ข่มขืนแม่ต่อหน้าผมวัย7ขวบ เค้าก็ทำ
ผมได้แต่ร้องไห้ สงสารแม่ ทำอะไรไม่ได้
....แม้แม่จะทนแค่ไหน แต่ก็มีวันสิ้นสุด แม่ตัดสินใจหนีตามคุณหมอ ไปทำงานที่กรุงเทพโดยฝากผมไว้กับยายและทวด
พ่อโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใช้เงินก้อนสุดท้ายที่มี ลงไปตามหาแม่ที่กรุงเทพ เค้ารู้แค่ว่าแม่ไปอยู่ลาดกระบัง
แต่ไม่รู้จุดบ้านคุณหมอ ก็ไม่รู้ไปตามยังไง สุดท้ายก็กลับมาแบบโทรมๆคงจะเงินหมด
พ่อมาหาทวด จะขอเอาผมกลับไปอยู่ด้วยที่พิษณุโลก ผมไม่ไป หนีขึ้นไปอยู่บนบ้าน
พ่อจะตามมาหิ้วตัวผม แต่ทวดชาย ยืนขวาง พร้อมมีดพร้าคมกริบที่หัวบันได
"มืงลองกล้าขึ้นมา กูจะฟันมืงหัวแบะตกบันได"
...ถึงทวดชายผมจะแก่ แต่พ่อผมก็รู้ว่าทวดผมเอาจริงแน่ เพราะทวดชายสมัยหนุ่มๆก็นักเลงพอตัว
สุดท้ายพ่อก็หายไปจากชีวิตผม ผมจะได้ข่าวบ้าง ก็เวลาลุงคนนึง
ที่แกไปได้เมียเป็นคนบ้านเดียวกับพ่อผม แวะมาส่งข่าวให้ฟังว่า พ่อผมกลับไปอยู่บ้านได้เมียใหม่ ลูกติด4คน
กินเหล้าเมายาเหมือนเดิม ผมก็ไม่ได้สนใจ ปล่อยผ่าน คิดเสียว่า ช่างสิ
....ผมโตมาด้วยความเข้มแข็งของหัวใจ เพราะไม่มีพ่อแม่คอยเลี้ยง โตมากับคนเฒ่าคนแก่และวัด
กาลเวลาผ่านผันไปตามวันและเวลาที่เคลื่อนคล้อยย้อยลงลับที่ขอบฟ้า
วัน เป็นเดือน เดือนเป็นปี ปีเป็นหลายปี จนผมแทบจะลืมไปแล้วว่าพ่อผมหน้าตายังไง
ยิ่งโต ยิ่งรู้สึกโหยหาอยากเจอหน้าพ่อ ความเกลียดที่เคยมีมันลดไปบ้าง
ผมมีความเป็นอยู่ที่ดีพอสมควรแล้ว ผมพยายามสืบๆหาทางติดต่อไปทางญาติๆผ่ายพ่อ
....จนได้ติดต่อกับลุงป้าน้าอาฝ่ายพ่อ ผมก็ได้แต่ซักถามความเป็นอยู่ ก็ได้รู้ว่าพ่อกลายเป็นไอ่ขี้เมาที่ไม่มีใครเอา
เมียใหม่เค้าก็หลอกให้พ่อขายที่ดิน ที่ปู่ยกให้สร้างบ้านพอแมวดิ้นตาย พอขายได้เงิน เค้าก็เชิดเงินหนีหายกลับบ้านไปนานหลายปี
พ่อก็ได้แต่กินเหล้า ซึมเศร้า อาศัยอยู่กับปู่ไปวันๆ ผมเวทนาพ่อนัก แม้จะเคยเกลียดขนาดตั้งใจว่าจะไม่สนใจ แต่มันอดไม่ได้ที่จะ
ส่งเงินไปให้ผ่านทางป้า แต่ขออย่าให้ป้าบอกว่าผมส่งให้ เดือนละพันสองพันอยู่แบบนี้ตลอด
...จนวันนึง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นป้าผมที่โทรมา
"ลูก พ่อมืงเสียแล้วนะ"
"ห๊าาาา พ่อผมตาย ครับๆ ผมจะขึ้นไป"
...ผมอึ้ง เคยเกลียดมาก แต่น้ำตาไหลอาบแก้ม ไม่มีเสียงร้อง แต่นั่งนิ่ง ไม่รู้สิ แม้ผมจะไม่ค่อยผูกพันธ์ แต่เลือดในตัวผม มันก็เลือดผู้ชายคนนั้นนี่นะ
ผมบอกแม่ ว่าพ่อตายแล้ว แม่ไม่ไปร่วมงานศพ เพราะคงจะเกลียดมาก เลยฝากให้ผมไปแทน
ผมเลยชวนแฟน ณ ขณะนั้น ให้ไปด้วยกัน
เราก็นั่งรถทัวร์จากปักษ์ใต้ ไปต่อรถดิ่งตรงขึ้นพิษณุโลก ไปที่บ้านพ่อ ที่ อ.วังทอง
เรานั่งรถ2แถวคันเล็กๆเข้าไปในหมู่บ้าน ที่ไกลปืนเที่ยง โอบล้อมด้วยขุนเขา
เป็นครั้งแรกในรอบ20ปี ที่ผมได้มาเหยียบหมู่บ้านนี้อีกครั้ง
...ญาติๆมาห้อมล้อมผม เพราะผมเปลี่ยนไปมาก ของฝากถูกแจกจ่ายออกไป
ผมไปดูศพพ่อ ที่ญาติๆคนอื่น พาไปตั้งไว้ที่วัด ปู่ย่าก็อยู่แต่ท่านแก่มากแล้ว
งานสวดศพทำแค่3วัน ผมก็ช่วยงาน แฟนผม ณ ตอนนั้นก็ช่วยทุกอย่าง
....คืนแรกที่สวดศพ ผมฝากให้ป้าพาแฟนไปนอนที่บ้านด้วย
ส่วนผมจะขอนอนที่ศาลาเฝ้าศพพ่อ กับญาติๆอีก2-3คน
ศาลาเป็นศาลาเก่าๆ มีพัดลมเก่าๆหมุนดังเอี๊ยดๆ ผม ลุงแดง อาต้อย และบักจ่อย(หลาน)
ก็กางมุ้ง2หลัง นอนหลังละ2คนที่หน้าศพ หลังจากคนกลับไปหมดแล้ว ผมนอนกับจ่อย
เรานอนหันหัวไปทางบันไดขึ้นศาลา ลุงแดงก็จัดการปิดไฟรอบๆ เหลือไฟไว้แค่ตรงโลง ดวงเดียว ตรงอื่นมืดหมด มีไฟมัวๆอีกดวงตรงถนนที่ส่องมา
....ผมเหนื่อยและเพลีย ก็นอนหลับไป พอตอนดึกสะดุ้งตื่น
มือควาญไปข้างๆตัว เห้ย บักจ่อย หายไปไหน
ผมพลิกตัวคว่ำตัวลง มองไปมุ้งข้างๆที่ลุงแดงกับอาต้อยนอนอยู่ ผมเพ่งมองไป ก็เห็นมีแต่หมอนกับผ้าห่ม
ผมยันตัวขึ้นนั่ง มองไปที่โลง ที่มีไฟส่องสว่าง ไฟประดับกระพริบๆ รูปตั้งหน้าศพพ่อจ้องดูนานๆก็ขนลุกเหมือนกัน
มองไปรอบๆก็มืดเหลือเกิน........
จู่ๆ โห่งๆๆๆ บรู๊ววววววว สนั่นลั่นวัดทั่วบริเวณ ผมใจเสีย
เพราะไม่รู้ว่าอีก3คนหายไปไหน ...........
+++++ไว้จะมาต่อนะครับ เล่าตอนนี้ผมขนลุกขึ้นมา กลัวดื้อๆ พรุ่งนี้กลางวันจะเล่าต่อแล้วกัน.......