สวัสดีค่ะ
นี่เราก็ไม่รุ้จะเริ่มกระทู้อย่างไรดี เอาเป็นว่า เราได้มีโอกาศไปเที่ยวญี่ปุ่นเองกับเพื่อนสาวที่น่ารัก 1นางเมื่อวันที่ 11-18มีนาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหน้าไปโอซาก้าค่ะ
พอคิกว่าอยากลองทำรีวิว ก็ไม่รุ้จะรีวิวอะไรดี จะรีวิวย่านที่เค้าไปกันมาเยอะแล้วก็คงน่าเบื่อ เลยตัดสินใจได้ว่า ไหนๆก็เป็นเด็กครัวละ ทำรีวิวย่านเครื่องครัวที่ไปล้มละลายตรงนั้นเลยก็แล้วกัน
ย่านที่เราจะไปมีชื่อว่า Sennichimae ค่ะ เป้นย่านขายเครื่องครัวที่คนโอซาก้ารุ้จักกันดี
วิธีเดินทางก็เดินทางไม่ยากค่ะ เราใช้วิธีลงจากสถานี JR Namba เดินใน Namba Walk ไปขึ้นที่ Big Camera ค่ะ ก็จะเจอป้าย Sennichimae ทันที
หรือถ้าใครจะมาย่าน dotonbori อยู่แล้วก็ง่ายค่ะ จากย่านDotonbori หาร้านราเมนที่มีมังกรอยุ่บนร้านให้เจอค่ะ นั่นคือทางเข้าของ Sennichimae แล้วค่ะ
ด้านบนมีการแขวนป้ายประเทศต่างๆไว้ด้วยค่ะ มีประเทศไทยด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา
ภายในย่านนี้ก็ขายทุกอย่างเกี่ยวกับเครื่องครัวตั้งแต่เตา มีด ยันช้อนส้อมเลยค่ะ
ใครที่อยากหาซื้อมีดญี่ปุ่นมาเดินย่านนี้ได้ค่ะ ราคาก็แอบแพงนิดนึงตาประสา แต่ถ้าเทียบกับที่เพื่อนเคยนำเข้ามาก็ถุกกว่ากันเยอะค่ะ
นอกจากนั้น คุณแม่บ้านก้สามารถมาซื้อมีดเซรามิคราคาถูกได้จาก่านนี้ด้วยค่ะ มีหลากหลายขาดและรูปแบบด้วย บางร้านก็มีขายแบบจัดเซ็ตด้วยค่ะ ราคาถุกกว่าในตึกดองกี้นิดหน่อย
เกือบทุกร้านก็จะมีการนำสินค้าลดราคามาวางหน้าร้านค่ะ เป็นการเรียกลูกค้าไปในตัว
ถ้าใครตาดีก็จะได้จานที่ดูดีกลับบ้านในราคาถูกมากๆด้วยค่ะ อย่างจานนี้เราเดินเจอเลยส่งให้เพื่อนในไลน์ดู และเธอก้ได้ฝากซื้อเรียบร้อยในราคาแค่ 500 เยนค่ะ
จานหินแบนที่ย่านนี้ก็มีขายกันเยอะค่ะ แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน แนะนำให้เดินแล้วจดราคาไว้แล้วค่อยกลับมาซื้อค่ะ
ที่น่าสนใจที่สุดของจานหินสำหรับเราคืออันนี้เลยค่ะ
จานหินสีทอง!!!! ตัวจริงนี่ทองแบบวิ๊บวับมากๆ สวยมากๆ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อมานะคะ กระเป๋าเต็มสุดๆ จานหนักด้วย
เครื่องแก้วที่นี่ก็สวยมากๆค่ะ หลายๆตัวที่วางโชว์อยู่นั้น โรงแรมใหญ่ๆในไทยก็ใช้กันนะคะ สวยงามมากๆจริงๆค่ะ
เราได้เครื่องแก้วเซ็ตนี้กลับมาค่ะ น่ารักมาๆจริงๆ ส่วนตัวยังเสียดายว่าน่าจะซื้อมาหลายชุดกว่านี้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว
Decoration Spoonที่นี่ก็ไม่แพงค่ะ เราเจอร้านที่ถูกกว่าในรูปด้วยแต่ทางร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ราคา 3พันกว่าเยนค่ะ คุ้มกว่ามาซื้อที่ไทยเยอะค่ะ
เบิร์นเนอร์ตัวนี้เราหานานม๊ากกกกกกก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อมาค่ะ มันแพงไปหน่อย แต่ถ้าใครซื้อมาก็ถือว่าโอเคนะคะ มันสวยมาก ดุดีมาก และ made in Japan ด้วย ตอนนี้ร้านค้าในไทยไม่นำเข้าแล้วด้วยค่ะ เพราะว่าต้นทุนนำเข้าสูงเหลือเกิน
สคูปไอติมรูปไข่ก็สวยค่ะ อาจารย์วิชาครัวเราก็ชอบ บอกว่าดูดีมาก แต่ราคาไม่น่ารักนะคะ 2600กว่าๆเยนค่ะ เพื่อนเราโดนเราล่อลวงผ่านไลน์ โดนไป 1 อัตราด้วยกัน
รูปเราถ่ายมาไม่เยอะเพราะว่าร้านค้าในย่านนี้บางร้านก้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ ถ้าใครอยากถ่ายส่งให้เดพื่อนที่จะฝากซื้อก็ลองถามพนักงานดูก่อนได้นะคะ บางร้านพนักงานก้ใจดีให้ถ่ายส่งไปได้ค่ะทั้งๆที่มีติดป้ายว่าห้ามถ่ายรูป บางร้านไม่ให้ก้ต้องใช้สเต็ปเทพถ่ายส่งกันเองนะคะ แต่ไม่แนะนำนะเออ
ร้านในย่านนี้มีร้านที่ร่วมโครงการ TAX Free ด้วยนะคะ โดยที่ง่ายๆคือ
ซื้อสินค้าในร้านเดียวกันมากกว่า 10,800 เยนค่ะ ทำการบอกพนักงานว่าเราต้องการTax Free พร้อมยื่นพาสปอร์ทให้ค่ะ พนักงานก็จะมาคิดราคาใหม่ที่ลดภาษีให้เลย ง่ายมากๆ แต่ป้ายTax Free ก็เล็กมากเช่นกัน แอบเสียดายที่บางร้านซื้อครบแต่ไม่เห็นป้ายจนเดินออก เสียใจมากๆค่ะ
---------------------------------------------
มาต่อกันที่แถมท้ายค่ะ
ร้านOkonomyaki ที่เปิดมาแล้ว 57 ปี!!!!!
บอกเลยว่าร้านนี้ลับแลด้วย ไม่ค่อยมีคนค่ะ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป้นคนพื้นที่ค่ะ
ร้านนี้มีชื่อว่า Chitose ตั้งอยู่ใกล้ๆ Spa World ค่ะ เรียกว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามSpa world เลยก็ได้ค่ะ
วิธีเดินทางง่ายๆ ก็ลงสถานี Dobutsuen-mae ทางออกSpa world เลยค่ะ หรือลงสถานี Shin-Imamiya ก็ได้ เดินมาทางSpa world เช่นกันค่ะ
ส่วนของเรา เราพักที่ Hotel Taiyo ค่ะ โรงแรมอยู่ตรงข้ามSpa world พอดี ก็เลยเดินจากหน้าโรงแรมไปเลย หน้าซอยจะมีFamily mart อยู่ค่ะ เลี้ยวเข้าไป นับแยกด้านขวา 3ครั้งค่ะ เลี้ยวเข้าไป ร้านเป็นร้านเล็กๆค่ะ
ร้านอยู่ในซอยตามรูปเลยค่ะ ให้เดินเลี้ยวขวาเข้าไปเลย
ถึงหน้าร้านแล้วค่ะ Chitose ร้านปิดทุกวันพุธนะคะ เปิด 11 โมงถึง 3 ทุ่ม
หน้าร้านแบบสว่างๆค่ะ
เราเปิดประตูเดินเข้าร้านไปแบบงงๆ ร้านเป็นร้านเงียบๆเล็กๆค่ะ มีเก้าอี้นั่งเคาน์เตอร์ 5 ที่ และโต๊ะแยกอีก 2โต๊ะเท่านั้น บรรยากาศใกล้ชิดและอบอุ่นค่ะ เจ้าของร้านก็เชิญให้นั่งที่เคานท์เตอร์ทันทีพร้อมน้ำ1แก้วค่ะ มีลูกค้าที่เข้ามาทานก่อนเรา 1คน เป็นรุ่นลุงค่ะ คนในพื้นที่เลย เจ้าของร้านก็อายุมากแล้วค่ะ ขอเรียกว่าคุณลุงนะคะ
หลังจากเรานั่งแล้วทำหน้างงๆ คุณลุงก็ถามด้วยภาษาอังกฤษทันทีว่า เราเป็นคนต่างชาติหรือ พร้อมส่งเมนูภาษาอังกฤษมาให้ค่ะ อาหารที่นี่ราคาไม่แพงค่ะ เริ่มต้นที่ 600 เยน ราคาสูงสุดไม่เกิน 1000 เยน ถุกกว่าที่Dotonbori ที่เราไปต่อคิวกินก่อนหน้านี้เยอะเลยค่ะ พลาดจริงๆ
เราสั่งโมดันยากิเนื้อค่ะ ราคา 650 เยน เป็นโอโคโนมิยากิแบบมีเส้นโซบะด้วย ค่อนข้างหนักท้องทีเดียว
หลังจากสั่งแล้ว คุณลุงก็เริ่มทำให้ดุตรงหน้าเลยค่ะ
น่ากินมากๆ เราก็ดูไป หิวไป ถ่ายรูปไป
คุณลุงลูกค้าที่มาก่อนเราก้นั่งกินไปเงียบๆล่ะค่ะ อยากชวนคุณลุงคุยแต่ภาษาก็ได้แบบงูๆปลาๆ เลยนั่งเงียบตาม
บอกเลยว่าเนื้อตอนแรกคิดว่าจะได้ไม่เยอะ และไม่ได้คุณภาพขนาดนี้
แต่พอคุณลุงเอาเนื้อมาวางเท่านั้นแหละ!!! เห็นมันที่แทรกอยู่ไหมคะทุกคน เห็นขนาดเนื้อไหมคะ มันใหญ่มาก!!!! น่ากินมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องรีบยกกล้องถ่ายรูปเลยทีเดียวค่ะ
คุณลุงก็ยังคงทำต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงชัตเตอร์จากเราซื่งตื่นเต้นมากๆจริงๆ
หลังจากที่ราดแป้งลงไปนิดหน่อยบนเนื้อ คุณลุงก็พลิกกลับอย่างเท่!!!! บอกเลยว่าตอนนี้กลิ่นยั่วยวนมากๆค่ะ มันหอมมากจริงๆนะ อยากให้รูปมีกลิ่นเลยล่ะค่ะ น่าทานมากๆ ระกว่างทำอยู่คุณลุงก็ถามว่า รู้วิธีกินใช่ไหม เคยไปกินมาก่อนหน้านี้หรือยัง
เราก็ตอบลุงไปว่า เราเคยกินที่โดทมโบริ คุณลุงก็พยักหน้าค่ะ ตอนนั้นเอง!!!! ลูกค้าคุณลุงก็ได้คุยประมาณว่า โดทมโบรินี่วัยรุ่นชอบไปกันเนอะ พวกคนจากโตเกียว แต่ร้านอาหารก้ไม่ได้อร่อยมากนะ อะไรแบบนี้ คุณลุงก็ตอบกลับลูกค้าไปว่า ร้านมีชื่อเสียง ใครๆก็อยากไปกินแหละ
ตัวเราก็ได้แต่พยักหน้าตามเค้าไป
พอใกล้เสร็จ คุณลุงก็เอาอุปกรณ์ในการกินมาให้เราค่ะ วิธีกินที่ถูกต้องที่คนไทยไม่ค่อยทำกันคือ ใช้น้องตะหลิวเล็ก ตัดโอโคโนมิยากิแล้วตักเข้าปากเลยค่ะ ถ้าร้อนเกินไปก็คายใส่จาน เป่า แล้วค่อยใช้น้องตะหลิวเล็กนี่ล่ะค่ะ ตักใส่ปากใหม่ค่ะ ไม่จำเป้นต้องใช้ตะเกียบแต่อย่างใด
โดยวิธีกินนี้ คุณลุงอธิบายเพื่อนเราที่มากินก่อนหน้าเราเป้นภาษาอังกฤษค่ะ แล้วเพื่อนเราก็เอามาเล่าให้ฟัง
หลังจากพลิกอีกรอบก็ทาซอส โรยสาหร่ายละก็นำมาเสริฟให้เราเลยค่ะ บอกเลยว่าอร่อยมาก!!!!!!!!!!!!! ร้านที่ดังๆในโดทมโบรินี่ชิดซ้ายไปเลยค่ะ!!!! ให้ 10ดาวไปเลย!!! คุณลุงถามเราว่าอยากถ่ายรูปไหม เดียวเค้าถ่ายให้ เราก็เลยส่งกล้องให้คุณลุงถ่ายรูปให้ทันทีเลยค่ะ แต่ขอไม่ลงรูปนะคะ เขิน
ระหว่างที่เรากิน คุณลุงก็ชวนเราคุยเรื่อยๆค่ะ ทั้งเรื่องที่เราไปเที่ยว เรื่องอากาศเมืองไทย เแล้วก้เรื่องปัญหาของแต่ละประเทศด้วย
อันนี้คือความเห็นของคุณลุงที่บอกเรานะคะ คุณลุงรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของ 2 กลุ่มที่ไม่ถูกกัน ถึงตอนนี้จะไม่มีเห้นชัด แต่ในใจทุกคนก้คงคิดอยู่ คุณลุงอยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าคุยกัน เอาข้อดีของแต่ละฝ่ายมารวมกัน แล้วจับมือไปให้ดีขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ คุณลุงก้เล่าปัญหาของญี่ปุ่นให้ฟัง ว่าในสังคมญี่ปุ่นก็มีคนที่นิยมความเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเกลียดความเป็นญี่ปุ่นมากๆด้วยค่ะ บางคนถึงกับบอกว่าจริงๆตนเองเป้นคนจีนก็มี แต่ละประเทศก้มีปัญหาใหญ่ของเค้าเนอะคะ แค่เราไม่ได้สัมผัสถึงเท่านั้นเอง
เราคุยกับคุณลุงไปเรื่อยๆ ก้มีลูกค้าเข้ามาสั่งอีก 2 คนค่ะ เป็นคนพื้นที่เช่นกัน คุณลุงก็หันไปทำเช่นเคยค่ะ
ระหว่างนี้เราก็ถามเกี่ยวกับร้าน คุณลุงก็ได้เล่าว่า
ร้านนี้เปิดมา 57 ปีแล้ว คนที่เริ่มเปิดร้านคือคุณแม่ โดยที่คุณลุงสืบทอดกิจการร้านนี้มาเป็นรุ่นที่ 2
หลังจากนั้นคุณลุงก้ทำหน้าเศร้าๆค่ะ แล้วก้บอกว่า แต่อีกไม่นานคุณลุงเองก็จะถึงเวลาเกษียนแล้ว ร้านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตัวเราเองก็พูดอะไรไม่ออกค่ะ ได้แต่พยักหน้าและให้กำลังใจคุณลุงไป
ทานเสร็จพอเราจะกลับ คุณลุงก็ได้ให้ของขวัญมาด้วยค่ะ คุณลุงน่ารักมากๆจริงๆ บอกว่าเป็นของขวัญต้อนรับการมาเที่ยวญี่ปุ่น
เราสัญญากับคณลุงเลยว่า ถ้ามเรามีโอกาสมาเที่ยวโอซาก้าอีก เราต้องมาทานที่ร้านคุณลุงอีกให้ได้เลยค่ะ!!
ท้ายนี้ก็ ใครมีโอกาสไปก้ไแอุดหนุนกันได้นะคะ สำหรับร้านนี้เราทานหมดแบบอิ่มมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ โมดันยากิชิ้นใหญ่มาก!!!
จริงๆเราเตรียมรูปเผื่อรีวิวที่ใครอยากไปเที่ยวเองทั้งหมดด้วยนะคะ โอซาก้า โกเบ ฮิเมจิ นารา เกียวโต ค่ะ เที่ยว 6 วันเต็มค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าไม่อยากรีวิวซ้ำกับหลายๆคนเท่าไร ถ้าใครอยากได้ทางไปไหนแบบละเอียดๆก็ลองบอกกันได้นะคะ โดยเฉพาะเที่ยวในโอซาก้านี่ปรุโปร่งมากจริงๆค่ะ
ส่งท้ายกันด้วยรูปคุณลุงเลยละกันค่ะ
----------------------
แก้ไขคำผิด
[CR] เที่ยวญี่ปุ่นสไตล์เด็กครัว - Sennishimae+รีวิวOkonomiyaki 57ปี - Osaka
นี่เราก็ไม่รุ้จะเริ่มกระทู้อย่างไรดี เอาเป็นว่า เราได้มีโอกาศไปเที่ยวญี่ปุ่นเองกับเพื่อนสาวที่น่ารัก 1นางเมื่อวันที่ 11-18มีนาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งหน้าไปโอซาก้าค่ะ
พอคิกว่าอยากลองทำรีวิว ก็ไม่รุ้จะรีวิวอะไรดี จะรีวิวย่านที่เค้าไปกันมาเยอะแล้วก็คงน่าเบื่อ เลยตัดสินใจได้ว่า ไหนๆก็เป็นเด็กครัวละ ทำรีวิวย่านเครื่องครัวที่ไปล้มละลายตรงนั้นเลยก็แล้วกัน
ย่านที่เราจะไปมีชื่อว่า Sennichimae ค่ะ เป้นย่านขายเครื่องครัวที่คนโอซาก้ารุ้จักกันดี
วิธีเดินทางก็เดินทางไม่ยากค่ะ เราใช้วิธีลงจากสถานี JR Namba เดินใน Namba Walk ไปขึ้นที่ Big Camera ค่ะ ก็จะเจอป้าย Sennichimae ทันที
หรือถ้าใครจะมาย่าน dotonbori อยู่แล้วก็ง่ายค่ะ จากย่านDotonbori หาร้านราเมนที่มีมังกรอยุ่บนร้านให้เจอค่ะ นั่นคือทางเข้าของ Sennichimae แล้วค่ะ
ด้านบนมีการแขวนป้ายประเทศต่างๆไว้ด้วยค่ะ มีประเทศไทยด้วยนะคะ แต่ไม่ได้ถ่ายมา
ภายในย่านนี้ก็ขายทุกอย่างเกี่ยวกับเครื่องครัวตั้งแต่เตา มีด ยันช้อนส้อมเลยค่ะ
ใครที่อยากหาซื้อมีดญี่ปุ่นมาเดินย่านนี้ได้ค่ะ ราคาก็แอบแพงนิดนึงตาประสา แต่ถ้าเทียบกับที่เพื่อนเคยนำเข้ามาก็ถุกกว่ากันเยอะค่ะ
นอกจากนั้น คุณแม่บ้านก้สามารถมาซื้อมีดเซรามิคราคาถูกได้จาก่านนี้ด้วยค่ะ มีหลากหลายขาดและรูปแบบด้วย บางร้านก็มีขายแบบจัดเซ็ตด้วยค่ะ ราคาถุกกว่าในตึกดองกี้นิดหน่อย
เกือบทุกร้านก็จะมีการนำสินค้าลดราคามาวางหน้าร้านค่ะ เป็นการเรียกลูกค้าไปในตัว
ถ้าใครตาดีก็จะได้จานที่ดูดีกลับบ้านในราคาถูกมากๆด้วยค่ะ อย่างจานนี้เราเดินเจอเลยส่งให้เพื่อนในไลน์ดู และเธอก้ได้ฝากซื้อเรียบร้อยในราคาแค่ 500 เยนค่ะ
จานหินแบนที่ย่านนี้ก็มีขายกันเยอะค่ะ แต่ละร้านราคาไม่เท่ากัน แนะนำให้เดินแล้วจดราคาไว้แล้วค่อยกลับมาซื้อค่ะ
ที่น่าสนใจที่สุดของจานหินสำหรับเราคืออันนี้เลยค่ะ
จานหินสีทอง!!!! ตัวจริงนี่ทองแบบวิ๊บวับมากๆ สวยมากๆ แต่เราก็ไม่ได้ซื้อมานะคะ กระเป๋าเต็มสุดๆ จานหนักด้วย
เครื่องแก้วที่นี่ก็สวยมากๆค่ะ หลายๆตัวที่วางโชว์อยู่นั้น โรงแรมใหญ่ๆในไทยก็ใช้กันนะคะ สวยงามมากๆจริงๆค่ะ
เราได้เครื่องแก้วเซ็ตนี้กลับมาค่ะ น่ารักมาๆจริงๆ ส่วนตัวยังเสียดายว่าน่าจะซื้อมาหลายชุดกว่านี้ แต่ก็สายไปเสียแล้ว
Decoration Spoonที่นี่ก็ไม่แพงค่ะ เราเจอร้านที่ถูกกว่าในรูปด้วยแต่ทางร้านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ราคา 3พันกว่าเยนค่ะ คุ้มกว่ามาซื้อที่ไทยเยอะค่ะ
เบิร์นเนอร์ตัวนี้เราหานานม๊ากกกกกกก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อมาค่ะ มันแพงไปหน่อย แต่ถ้าใครซื้อมาก็ถือว่าโอเคนะคะ มันสวยมาก ดุดีมาก และ made in Japan ด้วย ตอนนี้ร้านค้าในไทยไม่นำเข้าแล้วด้วยค่ะ เพราะว่าต้นทุนนำเข้าสูงเหลือเกิน
สคูปไอติมรูปไข่ก็สวยค่ะ อาจารย์วิชาครัวเราก็ชอบ บอกว่าดูดีมาก แต่ราคาไม่น่ารักนะคะ 2600กว่าๆเยนค่ะ เพื่อนเราโดนเราล่อลวงผ่านไลน์ โดนไป 1 อัตราด้วยกัน
รูปเราถ่ายมาไม่เยอะเพราะว่าร้านค้าในย่านนี้บางร้านก้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ ถ้าใครอยากถ่ายส่งให้เดพื่อนที่จะฝากซื้อก็ลองถามพนักงานดูก่อนได้นะคะ บางร้านพนักงานก้ใจดีให้ถ่ายส่งไปได้ค่ะทั้งๆที่มีติดป้ายว่าห้ามถ่ายรูป บางร้านไม่ให้ก้ต้องใช้สเต็ปเทพถ่ายส่งกันเองนะคะ แต่ไม่แนะนำนะเออ
ร้านในย่านนี้มีร้านที่ร่วมโครงการ TAX Free ด้วยนะคะ โดยที่ง่ายๆคือ
ซื้อสินค้าในร้านเดียวกันมากกว่า 10,800 เยนค่ะ ทำการบอกพนักงานว่าเราต้องการTax Free พร้อมยื่นพาสปอร์ทให้ค่ะ พนักงานก็จะมาคิดราคาใหม่ที่ลดภาษีให้เลย ง่ายมากๆ แต่ป้ายTax Free ก็เล็กมากเช่นกัน แอบเสียดายที่บางร้านซื้อครบแต่ไม่เห็นป้ายจนเดินออก เสียใจมากๆค่ะ
มาต่อกันที่แถมท้ายค่ะ
ร้านOkonomyaki ที่เปิดมาแล้ว 57 ปี!!!!!
บอกเลยว่าร้านนี้ลับแลด้วย ไม่ค่อยมีคนค่ะ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป้นคนพื้นที่ค่ะ
ร้านนี้มีชื่อว่า Chitose ตั้งอยู่ใกล้ๆ Spa World ค่ะ เรียกว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามSpa world เลยก็ได้ค่ะ
วิธีเดินทางง่ายๆ ก็ลงสถานี Dobutsuen-mae ทางออกSpa world เลยค่ะ หรือลงสถานี Shin-Imamiya ก็ได้ เดินมาทางSpa world เช่นกันค่ะ
ส่วนของเรา เราพักที่ Hotel Taiyo ค่ะ โรงแรมอยู่ตรงข้ามSpa world พอดี ก็เลยเดินจากหน้าโรงแรมไปเลย หน้าซอยจะมีFamily mart อยู่ค่ะ เลี้ยวเข้าไป นับแยกด้านขวา 3ครั้งค่ะ เลี้ยวเข้าไป ร้านเป็นร้านเล็กๆค่ะ
ร้านอยู่ในซอยตามรูปเลยค่ะ ให้เดินเลี้ยวขวาเข้าไปเลย
ถึงหน้าร้านแล้วค่ะ Chitose ร้านปิดทุกวันพุธนะคะ เปิด 11 โมงถึง 3 ทุ่ม
หน้าร้านแบบสว่างๆค่ะ
เราเปิดประตูเดินเข้าร้านไปแบบงงๆ ร้านเป็นร้านเงียบๆเล็กๆค่ะ มีเก้าอี้นั่งเคาน์เตอร์ 5 ที่ และโต๊ะแยกอีก 2โต๊ะเท่านั้น บรรยากาศใกล้ชิดและอบอุ่นค่ะ เจ้าของร้านก็เชิญให้นั่งที่เคานท์เตอร์ทันทีพร้อมน้ำ1แก้วค่ะ มีลูกค้าที่เข้ามาทานก่อนเรา 1คน เป็นรุ่นลุงค่ะ คนในพื้นที่เลย เจ้าของร้านก็อายุมากแล้วค่ะ ขอเรียกว่าคุณลุงนะคะ
หลังจากเรานั่งแล้วทำหน้างงๆ คุณลุงก็ถามด้วยภาษาอังกฤษทันทีว่า เราเป็นคนต่างชาติหรือ พร้อมส่งเมนูภาษาอังกฤษมาให้ค่ะ อาหารที่นี่ราคาไม่แพงค่ะ เริ่มต้นที่ 600 เยน ราคาสูงสุดไม่เกิน 1000 เยน ถุกกว่าที่Dotonbori ที่เราไปต่อคิวกินก่อนหน้านี้เยอะเลยค่ะ พลาดจริงๆ
เราสั่งโมดันยากิเนื้อค่ะ ราคา 650 เยน เป็นโอโคโนมิยากิแบบมีเส้นโซบะด้วย ค่อนข้างหนักท้องทีเดียว
หลังจากสั่งแล้ว คุณลุงก็เริ่มทำให้ดุตรงหน้าเลยค่ะ
น่ากินมากๆ เราก็ดูไป หิวไป ถ่ายรูปไป
คุณลุงลูกค้าที่มาก่อนเราก้นั่งกินไปเงียบๆล่ะค่ะ อยากชวนคุณลุงคุยแต่ภาษาก็ได้แบบงูๆปลาๆ เลยนั่งเงียบตาม
บอกเลยว่าเนื้อตอนแรกคิดว่าจะได้ไม่เยอะ และไม่ได้คุณภาพขนาดนี้
แต่พอคุณลุงเอาเนื้อมาวางเท่านั้นแหละ!!! เห็นมันที่แทรกอยู่ไหมคะทุกคน เห็นขนาดเนื้อไหมคะ มันใหญ่มาก!!!! น่ากินมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องรีบยกกล้องถ่ายรูปเลยทีเดียวค่ะ
คุณลุงก็ยังคงทำต่อไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงชัตเตอร์จากเราซื่งตื่นเต้นมากๆจริงๆ
หลังจากที่ราดแป้งลงไปนิดหน่อยบนเนื้อ คุณลุงก็พลิกกลับอย่างเท่!!!! บอกเลยว่าตอนนี้กลิ่นยั่วยวนมากๆค่ะ มันหอมมากจริงๆนะ อยากให้รูปมีกลิ่นเลยล่ะค่ะ น่าทานมากๆ ระกว่างทำอยู่คุณลุงก็ถามว่า รู้วิธีกินใช่ไหม เคยไปกินมาก่อนหน้านี้หรือยัง
เราก็ตอบลุงไปว่า เราเคยกินที่โดทมโบริ คุณลุงก็พยักหน้าค่ะ ตอนนั้นเอง!!!! ลูกค้าคุณลุงก็ได้คุยประมาณว่า โดทมโบรินี่วัยรุ่นชอบไปกันเนอะ พวกคนจากโตเกียว แต่ร้านอาหารก้ไม่ได้อร่อยมากนะ อะไรแบบนี้ คุณลุงก็ตอบกลับลูกค้าไปว่า ร้านมีชื่อเสียง ใครๆก็อยากไปกินแหละ
ตัวเราก็ได้แต่พยักหน้าตามเค้าไป
พอใกล้เสร็จ คุณลุงก็เอาอุปกรณ์ในการกินมาให้เราค่ะ วิธีกินที่ถูกต้องที่คนไทยไม่ค่อยทำกันคือ ใช้น้องตะหลิวเล็ก ตัดโอโคโนมิยากิแล้วตักเข้าปากเลยค่ะ ถ้าร้อนเกินไปก็คายใส่จาน เป่า แล้วค่อยใช้น้องตะหลิวเล็กนี่ล่ะค่ะ ตักใส่ปากใหม่ค่ะ ไม่จำเป้นต้องใช้ตะเกียบแต่อย่างใด
โดยวิธีกินนี้ คุณลุงอธิบายเพื่อนเราที่มากินก่อนหน้าเราเป้นภาษาอังกฤษค่ะ แล้วเพื่อนเราก็เอามาเล่าให้ฟัง
หลังจากพลิกอีกรอบก็ทาซอส โรยสาหร่ายละก็นำมาเสริฟให้เราเลยค่ะ บอกเลยว่าอร่อยมาก!!!!!!!!!!!!! ร้านที่ดังๆในโดทมโบรินี่ชิดซ้ายไปเลยค่ะ!!!! ให้ 10ดาวไปเลย!!! คุณลุงถามเราว่าอยากถ่ายรูปไหม เดียวเค้าถ่ายให้ เราก็เลยส่งกล้องให้คุณลุงถ่ายรูปให้ทันทีเลยค่ะ แต่ขอไม่ลงรูปนะคะ เขิน
ระหว่างที่เรากิน คุณลุงก็ชวนเราคุยเรื่อยๆค่ะ ทั้งเรื่องที่เราไปเที่ยว เรื่องอากาศเมืองไทย เแล้วก้เรื่องปัญหาของแต่ละประเทศด้วย
อันนี้คือความเห็นของคุณลุงที่บอกเรานะคะ คุณลุงรู้ว่าประเทศไทยมีปัญหาเรื่องของ 2 กลุ่มที่ไม่ถูกกัน ถึงตอนนี้จะไม่มีเห้นชัด แต่ในใจทุกคนก้คงคิดอยู่ คุณลุงอยากให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้าคุยกัน เอาข้อดีของแต่ละฝ่ายมารวมกัน แล้วจับมือไปให้ดีขึ้นค่ะ
นอกจากนี้ คุณลุงก้เล่าปัญหาของญี่ปุ่นให้ฟัง ว่าในสังคมญี่ปุ่นก็มีคนที่นิยมความเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเกลียดความเป็นญี่ปุ่นมากๆด้วยค่ะ บางคนถึงกับบอกว่าจริงๆตนเองเป้นคนจีนก็มี แต่ละประเทศก้มีปัญหาใหญ่ของเค้าเนอะคะ แค่เราไม่ได้สัมผัสถึงเท่านั้นเอง
เราคุยกับคุณลุงไปเรื่อยๆ ก้มีลูกค้าเข้ามาสั่งอีก 2 คนค่ะ เป็นคนพื้นที่เช่นกัน คุณลุงก็หันไปทำเช่นเคยค่ะ
ระหว่างนี้เราก็ถามเกี่ยวกับร้าน คุณลุงก็ได้เล่าว่า
ร้านนี้เปิดมา 57 ปีแล้ว คนที่เริ่มเปิดร้านคือคุณแม่ โดยที่คุณลุงสืบทอดกิจการร้านนี้มาเป็นรุ่นที่ 2
หลังจากนั้นคุณลุงก้ทำหน้าเศร้าๆค่ะ แล้วก้บอกว่า แต่อีกไม่นานคุณลุงเองก็จะถึงเวลาเกษียนแล้ว ร้านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ตัวเราเองก็พูดอะไรไม่ออกค่ะ ได้แต่พยักหน้าและให้กำลังใจคุณลุงไป
ทานเสร็จพอเราจะกลับ คุณลุงก็ได้ให้ของขวัญมาด้วยค่ะ คุณลุงน่ารักมากๆจริงๆ บอกว่าเป็นของขวัญต้อนรับการมาเที่ยวญี่ปุ่น
เราสัญญากับคณลุงเลยว่า ถ้ามเรามีโอกาสมาเที่ยวโอซาก้าอีก เราต้องมาทานที่ร้านคุณลุงอีกให้ได้เลยค่ะ!!
ท้ายนี้ก็ ใครมีโอกาสไปก้ไแอุดหนุนกันได้นะคะ สำหรับร้านนี้เราทานหมดแบบอิ่มมากๆๆๆๆๆเลยค่ะ โมดันยากิชิ้นใหญ่มาก!!!
จริงๆเราเตรียมรูปเผื่อรีวิวที่ใครอยากไปเที่ยวเองทั้งหมดด้วยนะคะ โอซาก้า โกเบ ฮิเมจิ นารา เกียวโต ค่ะ เที่ยว 6 วันเต็มค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าไม่อยากรีวิวซ้ำกับหลายๆคนเท่าไร ถ้าใครอยากได้ทางไปไหนแบบละเอียดๆก็ลองบอกกันได้นะคะ โดยเฉพาะเที่ยวในโอซาก้านี่ปรุโปร่งมากจริงๆค่ะ
ส่งท้ายกันด้วยรูปคุณลุงเลยละกันค่ะ
----------------------
แก้ไขคำผิด