ขอตอนรับทุกท่านสู่วิชาการขาย 101
แบบฝึกหัดชิ้นแรกของจงหยูถัง
งานแรกของเธอคือสบู่ Mei Mei สินค้าเก่าแก่ของ Muse Cosmetics ที่บัดนี้อยู่ภายใต้พนักงานแผนกเซลล์มือใหม่ของจงหยูถัง เธอคิดว่างานนี้คงไม่มีปัญหาเมื่อได้รับข้อมูลว่าคู่ค้ากับบริษัทนั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด แต่แล้วราวฟ้าผ่าลงกลางหัว เธอกลับต้องรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้ง เมื่อสัญญากำลังจะถูกยกเลิก สินค้าจะถูกถอนออกจากชั้น เมื่อเธอกลับมารายงานที่แผนก .... ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องฟ้าถล่มดินทลาย ในเมื่อผลักภาระไปให้เด็กใหม่อย่างเธอได้ทุกอย่างก็จบ ทุกคนลอยตัว ไม่มีใครสนใจ แม้แต่เจ้าของดีลคนเก่าอย่างเจียหยิน ที่รีบรุดกลับไปดูลูกน้อยที่เข้าโรงพยาบาล
ด้วยมโนธรรมที่พุ่งปรี๊ดเมื่อเจอคนเดือดร้อน หยูถังจึงได้รู้ว่าเหม่ยหยินนั้น give up อาชีพความก้าวหน้าทั้งหมดเพื่อลูกน้อย และ ปัญหาครอบครัวที่รุมเร้า แต่งงานผิดคิดจนตัวตายที่เพิ่งมารู้ในวันแต่งงาน และ ตั้งครรภ์ว่าสามีตัวเองเป็นพวกเมาอาละวาด เมาแล้วทำร้ายร่างกาย และ สุดท้ายเขายังประกาศว่าจะแย่งสิทธิการเลี้ยงดูลูกกับเธออีก เจียหยินใช้พลังงานเกือบครึ่งในช่วงระยะเวลาหลังกล่อมให้อดีตสามีเซ็นใบหย่า
หากวันนี้เธอสำเหนียกว่าชีวิตเข้าใกล้จุดจบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแต่เธอจะเป็น single mom แต่เวลานี้เธอกำลังจะต้องต่อสู้เป็นคดีความกับอดีตสามีในวันที่การงานยังคลอนแคลน เพิ่งสำนึกได้ว่าที่ผ่านมาเธอได้ทำอะไรลงไป มันเป็นอย่างที่ chief secretary ว่าจริง ๆ ว่าสิ่งที่จะบันดาลให้เธอเลี้ยงดูลูกได้อย่างดี มันก็คือแผนกขาย 3 ที่เธอไม่เคยใส่ใจกับมันนั่นเอง
แม้จะไร้ประสบการณ์และนึกถึงหนทางใดไม่ออก ..... หยูถังก็พยายามคิดหาวิธีวิถีทางที่จะทำให้เธอนั้นอยู่รอด พยายามจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน และ แผนก รวมถึงบริษัท ก็สมกับบุคลิก proactive หากประเด็นก็คือ ไม่มีใครจะบอกเลยว่า "งานขาย" ต้องทำอย่างไร แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันล้วน ๆ ซึ่งเรื่องที่เธอเพลี่ยงพล้ำมาโดยตลอด เธอเริ่มต้นด้วยการบรรยายสรรพคุณสินค้าอย่างทื่อ ๆ เธอไม่รู้จักกลยุทธ์หรือการพลิกแพลงอันใดเมื่อเจอปัญหา ยอดขายตกเท่าไหร่กี่เปอร์เซ็น แผนที่จะทำให้สินค้ากลับมาติดตลาดเหมือนเดิมคือยังไง .... สิ่งเหล่านี้เธอไม่มีความรู้เลย จึงโดนตอกหน้าปฏิเสธจนท้อใจ
แต่เมื่อคิดถึงอนาคต คิดถึงความลำบากของเพื่อนร่วมทีม ก็พยายามจะอดทน และ หาหนทางต่อไป และ ในเวลานั้นเหม่ยหยินที่ต้องลางานไปเฝ้าลูกก็แสดงทักษะความเป็นเซลล์ให้เธอเห็นเล็กน้อย เจ้าตัวไลน์ติดต่อกับผจก.ผู้ดูแลสินค้าด้วยที่ท่ากันเอ๊งกันเอง กันเอง จนกระทั่งเธอแอบแปลกใจ แต่ตะขิดตะขวงใจในระดับความแนบชิดของภาษา แต่เจียหยินกลับบอกว่า ..... เป็นเซลล์ต้องทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ บางทีเราต้องปฏิบัติต่อคู่ค้าเยี่ยงคู่ขา(ตามที่เขาอุปมา)ยังไงยังงั้น นี่ขนาดเจ้าหล่อนยังไม่คืนฟอร์มตอนเป็นตัวท็อป กระแสตอบกลับจากผจก.ยังบอกว่าว่างให้พบ
หรืองานขายเขาต้องทำกันอย่างนี้ ..... เธอคิดในใจ
หากเมื่อเธอบากหน้าไปเจอผจก.จริง ๆ งานขายมันกลับยากเย็นแสนเข็ญกว่าที่คิด ทั้งวาทศิลป์ ทั้งข้อมูล ทั้งตัวเลข ความรู้พื้นฐานนั้นเป็นศูนย์ จึงโดนหักหน้าออกมายับเยินเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยับเยินชนิดที่คนแบบจงหยูถังไม่เคยเป็น เมื่อโดนตอกย้ำให้กล้ำกลืนจาก CEO เพื่อนรักเพื่อนร้ายอีก อารมณ์หยูถังก็แตะลิมิต และ เธอยังต้องรับการเทรนนิ่งงานขายจากจีเหวินข่ายให้ต้องเสียรังวัดอีกเป็นครั้งที่ล้าน ....
การขายนี่มันต้องทำอย่างไรแน่นะ
เธอสิ้นหวังขนาดต้องถามบุคคลที่เธอไม่อยากพบเจอเป็นที่สุด VIP prince ยอดนักขาย womanizer ที่มาพักร้อนแผนก 3 เป็นเวลา 1 เดือน นี่ ๆ ถ้าจะขายสินค้าให้ได้เยอะ แถมยังได้กำไรอีกควรจะทำอย่างไรหือ หยูถังถาม อ้อ .... มันก็ขึ้นอยู่กับการโปรโหมตสิ นาย VIP prince ว่า นี่ ๆ เดี๋ยวฉันมีอะไรให้ดู ว่าแล้วภาพบนจอก็เป็นสาวน้อยเชียร์ไวน์ เสื้อผ้าเซ็กซี่ เสียงอ่อนเสียงหวานงุ้งงิ้งบาดแก้วหูหยูถังยิ่งนัก .... นี่ไง ขนาดหน้า low น้องจูดี้ยังกดไป 200 ขวดในคืนเดียว เหยบ้า ..... ฉันทำแบบนี้ไม่ได้หรอก หยูถังว่า
แล้วถ้าของนั้นมันราคาสูงมากจะทำไงล่ะ .... เจ้าหล่อนยังถามต่อ
โถ้วววว ถามไรพิลึก ราคาแพงจะถูกมันสำคัญที่ไหนกันเล่า เจ้าชายว่า
ประเด็นคือ .... เธอจะขายยังไงสิ ? สำคัญตรงวิธีการนี่แหละ
ถ้าเธอยากจะขายของล่ะก็ .... มันไม่มีข้อแม้หรอกนะ
ต้อง ทำ ได้ ทุกอย่าง .... จบ
เหยยย มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง แต่แล้วมันก็จริงอย่างที่เขาว่า วิธีการขายของเธอมันไม่เร้ามันไม่คือ มันไม่น่าสนใจ เธอเดินออกจากโต๊ะอาหารไปผ่อนอารมณ์ในห้องน้ำหญิง ฉันต้องทำอย่างไรจึงจะปิดดีลนี้ได้ ทำยังไง ขายยังไง เสียงของเจ้าพ่องานขาย VIP ก้องอยู่ในหัว ข้อความบนไลน์ของเจียหยินยังติดตา อ้อ ..... มันต้องแบบนี้สินะ เอาล่ะได้ .... ด้านได้อายอด วิธีไหนก็แล้วแต่ปิดจ็อบให้ได้ก็พอ ว่าแล้วเธอจัดการปัดคำว่าศักดิ์ศรีทิ้งไป เติมริมฝีปากเสียใหม่ กระโปรงก็พับให้สั้น เสื้อแสงก็เปิดนิดเปิดหน่อยให้ดูวับ ๆ แวม ๆ
วิธีไหนก็แล้วแต่ .... แค่ต้องขายให้ได้
สายตาโลมเลีย ได้คืบเอาศอก มันต้องถึงขนาดนี้เลยหรืองานขาย จีเหวินข่ายเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทัน แต่ถ้อยคำเผ็ดร้อนจากปากเขานั้น ก็ไม่ต่างกับการแล่เนื้อเอาเกลือทา งานขายสินค้าก็สำคัญ วิธีการขายก็สำคัญ สิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่ทางที่ง่ายที่สุด แต่คือทางที่ฉลาดที่สุดต่างหาก แล้ววันนี้เธอมาขายสินค้าหรือขายตัว ใบหน้าของจีเหวินข่ายบอกชัดเจน ไม่นะ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากให้เธอทำ เสียดายที่ความเหนื่อยล้าและความเสียใจไร้ค่าทำให้เธอมองไม่เห็นมัน
ฉันควรจะเชื่ออะไร .... ในเมื่อเวลามีจำกัด ในเมื่อไม่มีใครช่วยเหลือ
ที่ฉันพยายามขนาดนี้ฉันผิดงั้นหรือ ? แล้วเธอต้องการอะไร ?
เธออยากให้ฉันทำอะไรทำไมไม่บอกมาล่ะ
คนเราถ้าตกเหว ถ้ายังไม่ถึงก้นหลุมคงยังปีนไม่ได้
แล้วหยูถังจะต้องทำอย่างไรต่อไปนะ นี่สิน่าคิด
後菜鳥的燦爛時代 Refresh Man (กึ่งรีวิวตอนที่ 3) : As long as I can sell ....
แบบฝึกหัดชิ้นแรกของจงหยูถัง
งานแรกของเธอคือสบู่ Mei Mei สินค้าเก่าแก่ของ Muse Cosmetics ที่บัดนี้อยู่ภายใต้พนักงานแผนกเซลล์มือใหม่ของจงหยูถัง เธอคิดว่างานนี้คงไม่มีปัญหาเมื่อได้รับข้อมูลว่าคู่ค้ากับบริษัทนั้นมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด แต่แล้วราวฟ้าผ่าลงกลางหัว เธอกลับต้องรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าอีกครั้ง เมื่อสัญญากำลังจะถูกยกเลิก สินค้าจะถูกถอนออกจากชั้น เมื่อเธอกลับมารายงานที่แผนก .... ไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องฟ้าถล่มดินทลาย ในเมื่อผลักภาระไปให้เด็กใหม่อย่างเธอได้ทุกอย่างก็จบ ทุกคนลอยตัว ไม่มีใครสนใจ แม้แต่เจ้าของดีลคนเก่าอย่างเจียหยิน ที่รีบรุดกลับไปดูลูกน้อยที่เข้าโรงพยาบาล
ด้วยมโนธรรมที่พุ่งปรี๊ดเมื่อเจอคนเดือดร้อน หยูถังจึงได้รู้ว่าเหม่ยหยินนั้น give up อาชีพความก้าวหน้าทั้งหมดเพื่อลูกน้อย และ ปัญหาครอบครัวที่รุมเร้า แต่งงานผิดคิดจนตัวตายที่เพิ่งมารู้ในวันแต่งงาน และ ตั้งครรภ์ว่าสามีตัวเองเป็นพวกเมาอาละวาด เมาแล้วทำร้ายร่างกาย และ สุดท้ายเขายังประกาศว่าจะแย่งสิทธิการเลี้ยงดูลูกกับเธออีก เจียหยินใช้พลังงานเกือบครึ่งในช่วงระยะเวลาหลังกล่อมให้อดีตสามีเซ็นใบหย่า
หากวันนี้เธอสำเหนียกว่าชีวิตเข้าใกล้จุดจบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดแค่ไหน ไม่ใช่เพียงแต่เธอจะเป็น single mom แต่เวลานี้เธอกำลังจะต้องต่อสู้เป็นคดีความกับอดีตสามีในวันที่การงานยังคลอนแคลน เพิ่งสำนึกได้ว่าที่ผ่านมาเธอได้ทำอะไรลงไป มันเป็นอย่างที่ chief secretary ว่าจริง ๆ ว่าสิ่งที่จะบันดาลให้เธอเลี้ยงดูลูกได้อย่างดี มันก็คือแผนกขาย 3 ที่เธอไม่เคยใส่ใจกับมันนั่นเอง
แม้จะไร้ประสบการณ์และนึกถึงหนทางใดไม่ออก ..... หยูถังก็พยายามคิดหาวิธีวิถีทางที่จะทำให้เธอนั้นอยู่รอด พยายามจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน และ แผนก รวมถึงบริษัท ก็สมกับบุคลิก proactive หากประเด็นก็คือ ไม่มีใครจะบอกเลยว่า "งานขาย" ต้องทำอย่างไร แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันล้วน ๆ ซึ่งเรื่องที่เธอเพลี่ยงพล้ำมาโดยตลอด เธอเริ่มต้นด้วยการบรรยายสรรพคุณสินค้าอย่างทื่อ ๆ เธอไม่รู้จักกลยุทธ์หรือการพลิกแพลงอันใดเมื่อเจอปัญหา ยอดขายตกเท่าไหร่กี่เปอร์เซ็น แผนที่จะทำให้สินค้ากลับมาติดตลาดเหมือนเดิมคือยังไง .... สิ่งเหล่านี้เธอไม่มีความรู้เลย จึงโดนตอกหน้าปฏิเสธจนท้อใจ
แต่เมื่อคิดถึงอนาคต คิดถึงความลำบากของเพื่อนร่วมทีม ก็พยายามจะอดทน และ หาหนทางต่อไป และ ในเวลานั้นเหม่ยหยินที่ต้องลางานไปเฝ้าลูกก็แสดงทักษะความเป็นเซลล์ให้เธอเห็นเล็กน้อย เจ้าตัวไลน์ติดต่อกับผจก.ผู้ดูแลสินค้าด้วยที่ท่ากันเอ๊งกันเอง กันเอง จนกระทั่งเธอแอบแปลกใจ แต่ตะขิดตะขวงใจในระดับความแนบชิดของภาษา แต่เจียหยินกลับบอกว่า ..... เป็นเซลล์ต้องทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ บางทีเราต้องปฏิบัติต่อคู่ค้าเยี่ยงคู่ขา(ตามที่เขาอุปมา)ยังไงยังงั้น นี่ขนาดเจ้าหล่อนยังไม่คืนฟอร์มตอนเป็นตัวท็อป กระแสตอบกลับจากผจก.ยังบอกว่าว่างให้พบ
หากเมื่อเธอบากหน้าไปเจอผจก.จริง ๆ งานขายมันกลับยากเย็นแสนเข็ญกว่าที่คิด ทั้งวาทศิลป์ ทั้งข้อมูล ทั้งตัวเลข ความรู้พื้นฐานนั้นเป็นศูนย์ จึงโดนหักหน้าออกมายับเยินเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ยับเยินชนิดที่คนแบบจงหยูถังไม่เคยเป็น เมื่อโดนตอกย้ำให้กล้ำกลืนจาก CEO เพื่อนรักเพื่อนร้ายอีก อารมณ์หยูถังก็แตะลิมิต และ เธอยังต้องรับการเทรนนิ่งงานขายจากจีเหวินข่ายให้ต้องเสียรังวัดอีกเป็นครั้งที่ล้าน ....
เธอสิ้นหวังขนาดต้องถามบุคคลที่เธอไม่อยากพบเจอเป็นที่สุด VIP prince ยอดนักขาย womanizer ที่มาพักร้อนแผนก 3 เป็นเวลา 1 เดือน นี่ ๆ ถ้าจะขายสินค้าให้ได้เยอะ แถมยังได้กำไรอีกควรจะทำอย่างไรหือ หยูถังถาม อ้อ .... มันก็ขึ้นอยู่กับการโปรโหมตสิ นาย VIP prince ว่า นี่ ๆ เดี๋ยวฉันมีอะไรให้ดู ว่าแล้วภาพบนจอก็เป็นสาวน้อยเชียร์ไวน์ เสื้อผ้าเซ็กซี่ เสียงอ่อนเสียงหวานงุ้งงิ้งบาดแก้วหูหยูถังยิ่งนัก .... นี่ไง ขนาดหน้า low น้องจูดี้ยังกดไป 200 ขวดในคืนเดียว เหยบ้า ..... ฉันทำแบบนี้ไม่ได้หรอก หยูถังว่า
โถ้วววว ถามไรพิลึก ราคาแพงจะถูกมันสำคัญที่ไหนกันเล่า เจ้าชายว่า
ประเด็นคือ .... เธอจะขายยังไงสิ ? สำคัญตรงวิธีการนี่แหละ
ต้อง ทำ ได้ ทุกอย่าง .... จบ
เหยยย มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง แต่แล้วมันก็จริงอย่างที่เขาว่า วิธีการขายของเธอมันไม่เร้ามันไม่คือ มันไม่น่าสนใจ เธอเดินออกจากโต๊ะอาหารไปผ่อนอารมณ์ในห้องน้ำหญิง ฉันต้องทำอย่างไรจึงจะปิดดีลนี้ได้ ทำยังไง ขายยังไง เสียงของเจ้าพ่องานขาย VIP ก้องอยู่ในหัว ข้อความบนไลน์ของเจียหยินยังติดตา อ้อ ..... มันต้องแบบนี้สินะ เอาล่ะได้ .... ด้านได้อายอด วิธีไหนก็แล้วแต่ปิดจ็อบให้ได้ก็พอ ว่าแล้วเธอจัดการปัดคำว่าศักดิ์ศรีทิ้งไป เติมริมฝีปากเสียใหม่ กระโปรงก็พับให้สั้น เสื้อแสงก็เปิดนิดเปิดหน่อยให้ดูวับ ๆ แวม ๆ
สายตาโลมเลีย ได้คืบเอาศอก มันต้องถึงขนาดนี้เลยหรืองานขาย จีเหวินข่ายเข้ามาช่วยเธอไว้ได้ทัน แต่ถ้อยคำเผ็ดร้อนจากปากเขานั้น ก็ไม่ต่างกับการแล่เนื้อเอาเกลือทา งานขายสินค้าก็สำคัญ วิธีการขายก็สำคัญ สิ่งที่เธอควรทำไม่ใช่ทางที่ง่ายที่สุด แต่คือทางที่ฉลาดที่สุดต่างหาก แล้ววันนี้เธอมาขายสินค้าหรือขายตัว ใบหน้าของจีเหวินข่ายบอกชัดเจน ไม่นะ ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากให้เธอทำ เสียดายที่ความเหนื่อยล้าและความเสียใจไร้ค่าทำให้เธอมองไม่เห็นมัน
ที่ฉันพยายามขนาดนี้ฉันผิดงั้นหรือ ? แล้วเธอต้องการอะไร ?
เธออยากให้ฉันทำอะไรทำไมไม่บอกมาล่ะ
แล้วหยูถังจะต้องทำอย่างไรต่อไปนะ นี่สิน่าคิด