เมื่อวันจันทร์ที่ 21 มีนาคม เราไปเที่ยวกาญจนบุรีกับแฟน โดยเราพักที่รีสอร์ท 1 คืน แล้วกลับกรุงเทพฯวันรุ่งขึ้นเลย เราแพลนว่าจะนั่งรถไฟต่อด้วยนั่งรถทัวร์จาก บขส กลับกรุงเทพฯ
เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองท้องไส้ปั่นป่วนตั้งแต่ช่วงเที่ยง น่าจะเพราะอากาศร้อนๆ กับกินอาหารผิดสำแดง แต่คิดว่าไม่เป็นอะไรมากเพราะตอนแรกก้ไม่ได้รู้สึกว่าปวดท้องขนาดนั้น ขากลับเราจึงนั่งรถไฟจากรีสอร์ท เพื่อไปต่อรถกลับที่ บขส อีกที แต่พอไปถึง บขส ปรากฏว่ารถทัวร์หมดซะแล้ว ตอนนั้นเหลือทางเดียว คือ นั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ จริงๆ ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่เดินทางด้วยรถตู้เลย
เพราะส่วนใหญ่เคยเจอคนขับขับเร็ว เรากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้น เราไม่มีทางเลือกเลยต้องจำใจนั่งรถตู้ ก่อนขึ้นก้ยังรู้สึกสบายดีอยู่เลย
เราก้นั่งรถไปสักพัก พอถึงช่วงนครปฐม เริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนอีกแล้ว คราวนี้ เรามีอาการคลื่นไส้ด้วย คือ ตอนนั้นเราเหงื่อแตก เวียนหัวคลื่นไส้มาก แฟนก้เลยบอกกับคนขับรถตู้ว่าขอแวะปั๊มได้มั้ย คนขับก้ใจดีรับจอดให้ค่ะ ตอนนั้น เรารีบวิ่งไปห้องน้ำเลย แต่ตอนนั้นมันยังเป็นอาการปวดท้องเฉยๆ ถ่ายไม่ออก เราเลยให้แฟนบอกว่า ให้รถตู้ไปก่อน ถ้ารอเราคงนานแน่ๆ แต่คนขับรถไม่ยอมค่ะ บอกว่าจะรอ เราเกรงใจเลยขึ้นรถไปทั้งๆที่ปวดท้องคลื่นไส้นั่นแหละ กะว่าจะทนค่ะ ไม่อยากให้ผู้โดยสารคนอื่นเสียเวลา คนขับใจดีมากจริงๆ บอกว่า ถ้าปวดอีกบอกได้เลยนะ เราก้รับปากโอเคค่ะ
จริงๆ หลังจากขึ้นรถแล้วเราก้เริ่มปวดท้องอีกแล้ว แต่เราไม่ได้บอกคนขับค่ะ อยู่ๆ พี่คนขับก้แวะปั๊ม รีบลงไปซื้อสไปรท์ใส่เกลือแล้วก็ยามาให้เรากิน
พี่เค้าบอกว่า ถ้าให้เราลงตรงนี้ ลำบากแน่ๆ เพราะแท็กซี่ไม่ผ่านเลย พี่ให้น้องลงตรงนี้ไม่ได้หรอก แล้วบอกให้เราไปเข้าห้องน้ำ เค้ารอได้
เราก็รีบวิ่งไปห้องน้ำค่ะ แล้วไลน์บอกแฟนว่าให้รถไปก่อนเลย เพราะเราต้องรอเวลาให้มันถ่ายออกจริงๆ ถึงจะดีขึ้น ซึ่งใช้เวลานาน เราก้เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆที่ต้องรอ เค้าอาจจะมีธุระสำคัญต้องรีบก้ได้
แฟนบอกตอนแรกพี่เค้าไม่ยอมค่ะ จะรอ แถมให้เงินค่าสไปรท์กับยาพี่เค้าก้ไม่รับค่ะ
เป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่ประทับใจมาเล่าสู่กันฟัง เราเสียดายที่จำทะเบียนกับบริษัทพี่เค้าไม่ได้ ไม่งั้นจะแอบโปรโมทให้พี่เค้าไปในตัว
ที่ประทับใจอีกอย่างคือ ขับไม่เร็วด้วยค่ะ
นอกจากนั้น แม่บ้านที่ปั๊มก้น่ารัก กระตือรือร้นช่วยเหลือเราค่ะ เดินมาดู แนะนำเส้นทางให้ตลอดเลย (สรุปต้องนั่งแท็กซี่กลับ ปาไป 500 บาทค่ะ ถือซะว่าฟาดเคราะห์เนอะ) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มันทำให้เรารู้ว่าคนไทยใจดีมากจริงๆ รู้สึกอุ่นใจมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักกัน แต่เวลาเจอใครเดือดร้อน พวกเค้าก้พร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้โดยไม่ลังเล อยู่เมือไทยอุ่นใจที่สุดแล้วค่ะ
ขอบคุณที่รับฟังประสบการณ์เล็กๆนะคะ ^^
เรื่องราวสุดประทับใจบนรถตู้กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ
เราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองท้องไส้ปั่นป่วนตั้งแต่ช่วงเที่ยง น่าจะเพราะอากาศร้อนๆ กับกินอาหารผิดสำแดง แต่คิดว่าไม่เป็นอะไรมากเพราะตอนแรกก้ไม่ได้รู้สึกว่าปวดท้องขนาดนั้น ขากลับเราจึงนั่งรถไฟจากรีสอร์ท เพื่อไปต่อรถกลับที่ บขส อีกที แต่พอไปถึง บขส ปรากฏว่ารถทัวร์หมดซะแล้ว ตอนนั้นเหลือทางเดียว คือ นั่งรถตู้กลับกรุงเทพฯ จริงๆ ถ้าไม่จำเป็นเราจะไม่เดินทางด้วยรถตู้เลย
เพราะส่วนใหญ่เคยเจอคนขับขับเร็ว เรากลัวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ตอนนั้น เราไม่มีทางเลือกเลยต้องจำใจนั่งรถตู้ ก่อนขึ้นก้ยังรู้สึกสบายดีอยู่เลย
เราก้นั่งรถไปสักพัก พอถึงช่วงนครปฐม เริ่มรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนอีกแล้ว คราวนี้ เรามีอาการคลื่นไส้ด้วย คือ ตอนนั้นเราเหงื่อแตก เวียนหัวคลื่นไส้มาก แฟนก้เลยบอกกับคนขับรถตู้ว่าขอแวะปั๊มได้มั้ย คนขับก้ใจดีรับจอดให้ค่ะ ตอนนั้น เรารีบวิ่งไปห้องน้ำเลย แต่ตอนนั้นมันยังเป็นอาการปวดท้องเฉยๆ ถ่ายไม่ออก เราเลยให้แฟนบอกว่า ให้รถตู้ไปก่อน ถ้ารอเราคงนานแน่ๆ แต่คนขับรถไม่ยอมค่ะ บอกว่าจะรอ เราเกรงใจเลยขึ้นรถไปทั้งๆที่ปวดท้องคลื่นไส้นั่นแหละ กะว่าจะทนค่ะ ไม่อยากให้ผู้โดยสารคนอื่นเสียเวลา คนขับใจดีมากจริงๆ บอกว่า ถ้าปวดอีกบอกได้เลยนะ เราก้รับปากโอเคค่ะ
จริงๆ หลังจากขึ้นรถแล้วเราก้เริ่มปวดท้องอีกแล้ว แต่เราไม่ได้บอกคนขับค่ะ อยู่ๆ พี่คนขับก้แวะปั๊ม รีบลงไปซื้อสไปรท์ใส่เกลือแล้วก็ยามาให้เรากิน
พี่เค้าบอกว่า ถ้าให้เราลงตรงนี้ ลำบากแน่ๆ เพราะแท็กซี่ไม่ผ่านเลย พี่ให้น้องลงตรงนี้ไม่ได้หรอก แล้วบอกให้เราไปเข้าห้องน้ำ เค้ารอได้
เราก็รีบวิ่งไปห้องน้ำค่ะ แล้วไลน์บอกแฟนว่าให้รถไปก่อนเลย เพราะเราต้องรอเวลาให้มันถ่ายออกจริงๆ ถึงจะดีขึ้น ซึ่งใช้เวลานาน เราก้เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆที่ต้องรอ เค้าอาจจะมีธุระสำคัญต้องรีบก้ได้
แฟนบอกตอนแรกพี่เค้าไม่ยอมค่ะ จะรอ แถมให้เงินค่าสไปรท์กับยาพี่เค้าก้ไม่รับค่ะ
เป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่ประทับใจมาเล่าสู่กันฟัง เราเสียดายที่จำทะเบียนกับบริษัทพี่เค้าไม่ได้ ไม่งั้นจะแอบโปรโมทให้พี่เค้าไปในตัว
ที่ประทับใจอีกอย่างคือ ขับไม่เร็วด้วยค่ะ
นอกจากนั้น แม่บ้านที่ปั๊มก้น่ารัก กระตือรือร้นช่วยเหลือเราค่ะ เดินมาดู แนะนำเส้นทางให้ตลอดเลย (สรุปต้องนั่งแท็กซี่กลับ ปาไป 500 บาทค่ะ ถือซะว่าฟาดเคราะห์เนอะ) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มันทำให้เรารู้ว่าคนไทยใจดีมากจริงๆ รู้สึกอุ่นใจมากๆ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้จักกัน แต่เวลาเจอใครเดือดร้อน พวกเค้าก้พร้อมที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้โดยไม่ลังเล อยู่เมือไทยอุ่นใจที่สุดแล้วค่ะ
ขอบคุณที่รับฟังประสบการณ์เล็กๆนะคะ ^^