เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ของน้องสาว (ลูกพี่ลูกน้องของเรา) และ น้าเขย
สปอยนี้เป็นอารัมภบท ขี้เกียดอ่าน ข้ามได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาคารพานิชย์แห่งนี้ แม่เป็นผู้เช่าและเป็นนายจ้าง ให้ญาติและคนรู้จักบางคนได้ทำงาน ซึ่งเป็นธุรกิจเล็กๆที่ทำแล้วแทบจะไม่ได้อะไร เงินที่ได้มาจ่ายค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าหนี้ ก็หมด แถมบางทีติดลบ
ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อน ที่พ่อเป็นคนบริหาร รายได้ 1 อาทิตย์ ก็ตกอยู่ประมาณหลักแสน
ระยะหลังพ่อเป็นหนี้ กับธนาคาร และมีเรื่องเกี่ยวกับการหลอกลวงผู้อื่นมากมาย ทำให้ต้องระหกระเหิน หนีไปอาศัยอยู่ที่อื่น
เมื่อขาดพ่อ ก็ได้น้าเขยและน้าสาวคนเล็กที่อาศัยอยู่ที่ทำงาน เป็นคนที่คอยช่วยจัดการและดูแลที่ทำงานแห่งนี้ให้
น้าสาวคนเล็ก มีติดเป็นลูกสาว 1 คน ชื่อน้องพลัม( ก่อนที่จะมาลงหลักปักฐานกับน้าเขยคนนี้และมีลูกชายตัวเล็กด้วยกัน 1 คน)
ส่วนน้าสาวคนกลาง มีลูกสาว 1 คน ชื่อน้องทินน่า (น้าสาวคนกลาง ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่)
(ชื่อน้องสาวขอสมุตติไว้)
น้องสาวทั้ง 2 คน มีอายุเท่ากัน เมื่อขึ้นม.4 ก็ได้ลาตากับยายเข้ามากรุงเทพและอาศัยที่อาคารอยู่ในที่ทำงานแห่งนี้ ตามคำสั่งของบรรดาน้าสาว เพื่อจะมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้บ้าน
ตัดมาปัจจุบัน น้องสาวทั้ง 2 เรียนจบชั้นม.6
เหตุเกิดในช่วงบ่ายแก่ๆ ระหว่างที่น้องพลัมดูแลน้องชายคนเล็ก
น้าเขยที่ทำงานอยู่ ได้เดินขึ้นไปข้างบนซึ่งเป็นห้องของน้องทินน่า ขณะนั้นเธอกำลังหลับอยู่
น้าเขยพยายามเข้าไปลวนลามและปลุกปล้ำ พร้อมกล่าวว่า "น้ารู้ว่าทินน่าเหงา รู้ไหม น้าสาวเล็กไม่ค่อยมีเวลาให้น้าเลย" ส่วนน้องทินน่าก็ดิ้นและขัดขืนสุดแรงกำลัง ยื้อกันสักระยะหนึ่ง น้าเขยไม่สามารถขืนใจได้สำเร็จ และตอนนั้นคงเริ่มกลัวโดนจับได้ จึงเข้าไปกราบเท้าน้องสาว พร้อมขอร้องว่าอย่าไปบอกใคร และรีบวิ่งลงไปทำงานตามปกติ
จากนั้นน้องทินน่า กลัวมากพยายามโทรหาแม่ของตน (น้าสาวคนกลาง)
น้าสาวคนกลางจึงรีบมารับน้องทินน่าไปอยู่ด้วย และให้เพื่อนของน้องพลัมมารับน้องพลัมออกไปจากบ้านก่อน
พร้อมทั้งโทรมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ให้แม่จขกท.ฟัง
หลังจากฟังเสร็จ แม่จขกท. ก็เล่าให้ฟังว่าเคยได้ยินน้าสาวคนเล็กเล่าว่า สามีของตน (น้าเขย) พยายามแอบดูน้องพลัมอาบน้ำ และตนได้ต่อว่าสามีไปแล้ว เพราะห้องน้ำอยู่ใกล้หน้าต่างพอดี แม่ของจขกท. จึงคิดในแง่ดีว่าน้าเขยคงมองหาแมว ซึ่งช่วงนั้นเลี้ยงแมวจรจัดไว้เยอะ
ตอนนี้ ทั้งแม่จขกท.และน้าสาวกลาง ไม่มีใครกล้าบอกน้าสาวคนเล็กเลยว่า น้าเขยพยายามที่จะข่มขืนน้องทินน่า
ไม่มีใครกล้าไล่น้าเขยออกไป ไม่มีใครกล้าเข้าไปเคลียร์ น้าสาวคนกลางไม่กล้าบอกสามีตนเองว่าลูกสาวตนเกือบโดนข่มขืน
ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ "กลัวคนที่รู้ (พ่อของน้องทินน่า) พาพวกมารุมกระทืบ เนื่องด้วยเคยเป็นนักเลงเก่า
กลัวน้าสาวเล็กเครียดเพราะพึ่งได้เข้าไปทำงานใหม่ ใช้คอมฯไม่เป็น คนอิจฉาก็เยอะ หาว่าเป็นเด็กเส้น
กลัวน้าสาวเล็กเครียดเพราะลูกชายยังเล็ก (4 ขวบ)
กลัวน้าสาวเล็กสติแตก แล้วไปฆ่าน้าเขย
กลัวไม่มีคนช่วยทำงาน เพราะมีน้าเขยคนเดียวที่รู้เรื่องเครื่องจักรพวกนั้น"
จขกท. โมโหตอบกลับไปว่า "ต้องเกิดเรื่องจริงๆก่อนใช่ไหม ก่อนจะมีคนจัดการเรื่องนี้"
แม่จขกท. น้ำตาคลอเบ้ายืนยันเหตุผลเดิม
ซึ่งตอนนี้น้าเขยก็ยังคงคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เพราะทุกคนปิดปากเงียบ แม่จขกท.กับน้าสาวคนกลางสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ!!!!!
และแม่จขกท. ก็แพลนไว้ว่า ถ้าน้องทินน่าและน้องพลัม สอบเข้ามหาวิทยาลัยแถวบ้านได้ ก็จะให้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับจขกท.
ถ้าสอบไม่ติดจะให้ย้ายไปอยู่หอข้างนอกด้วยกันสองคน
เรื่องก็จบด้วยประการฉะนี้ ประเด็นคือมีหลายเรื่องที่คาใจ จขกท. ไม่เข้าใจพวกผู้ใหญ่เลย พวกเขาคิดอะไรกันอยู่ ทำไมต้องปกป้องคนผิด ถึงแม้จะเป็นครอบครัวเดียวกัน เคยได้ยินเคสแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตนเอง ที่พอเกิดเรื่องผู้ใหญ่จะปกป้องผู้ใหญ่ แล้วตัวเด็กก็ต้องมาระวังตัวเอง และต้องเป็นคนที่ออกไปเอง และทุกคนที่รู้เรื่อง ก็ทำเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน!!!!!!!!
ปล. รายละเอียดบางส่วนอยากจะเล่าเพิ่ม แต่คิดว่าเริ่มยาวไปมากแล้ว จึงขอเล่าแบบหยาบๆค่ะ
[การข่มขืนกับคนในครอบครัว] ทำไมเวลาผู้ใหญ่ทำผิด 'ผู้ใหญ่บางคนต้องมาปกป้องกันเอง ส่วนเด็กก็เป็นคนที่ต้องออกไป'
สปอยนี้เป็นอารัมภบท ขี้เกียดอ่าน ข้ามได้ค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตัดมาปัจจุบัน น้องสาวทั้ง 2 เรียนจบชั้นม.6
เหตุเกิดในช่วงบ่ายแก่ๆ ระหว่างที่น้องพลัมดูแลน้องชายคนเล็ก
น้าเขยที่ทำงานอยู่ ได้เดินขึ้นไปข้างบนซึ่งเป็นห้องของน้องทินน่า ขณะนั้นเธอกำลังหลับอยู่
น้าเขยพยายามเข้าไปลวนลามและปลุกปล้ำ พร้อมกล่าวว่า "น้ารู้ว่าทินน่าเหงา รู้ไหม น้าสาวเล็กไม่ค่อยมีเวลาให้น้าเลย" ส่วนน้องทินน่าก็ดิ้นและขัดขืนสุดแรงกำลัง ยื้อกันสักระยะหนึ่ง น้าเขยไม่สามารถขืนใจได้สำเร็จ และตอนนั้นคงเริ่มกลัวโดนจับได้ จึงเข้าไปกราบเท้าน้องสาว พร้อมขอร้องว่าอย่าไปบอกใคร และรีบวิ่งลงไปทำงานตามปกติ
จากนั้นน้องทินน่า กลัวมากพยายามโทรหาแม่ของตน (น้าสาวคนกลาง)
น้าสาวคนกลางจึงรีบมารับน้องทินน่าไปอยู่ด้วย และให้เพื่อนของน้องพลัมมารับน้องพลัมออกไปจากบ้านก่อน
พร้อมทั้งโทรมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ให้แม่จขกท.ฟัง
หลังจากฟังเสร็จ แม่จขกท. ก็เล่าให้ฟังว่าเคยได้ยินน้าสาวคนเล็กเล่าว่า สามีของตน (น้าเขย) พยายามแอบดูน้องพลัมอาบน้ำ และตนได้ต่อว่าสามีไปแล้ว เพราะห้องน้ำอยู่ใกล้หน้าต่างพอดี แม่ของจขกท. จึงคิดในแง่ดีว่าน้าเขยคงมองหาแมว ซึ่งช่วงนั้นเลี้ยงแมวจรจัดไว้เยอะ
ตอนนี้ ทั้งแม่จขกท.และน้าสาวกลาง ไม่มีใครกล้าบอกน้าสาวคนเล็กเลยว่า น้าเขยพยายามที่จะข่มขืนน้องทินน่า
ไม่มีใครกล้าไล่น้าเขยออกไป ไม่มีใครกล้าเข้าไปเคลียร์ น้าสาวคนกลางไม่กล้าบอกสามีตนเองว่าลูกสาวตนเกือบโดนข่มขืน
ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ "กลัวคนที่รู้ (พ่อของน้องทินน่า) พาพวกมารุมกระทืบ เนื่องด้วยเคยเป็นนักเลงเก่า
กลัวน้าสาวเล็กเครียดเพราะพึ่งได้เข้าไปทำงานใหม่ ใช้คอมฯไม่เป็น คนอิจฉาก็เยอะ หาว่าเป็นเด็กเส้น
กลัวน้าสาวเล็กเครียดเพราะลูกชายยังเล็ก (4 ขวบ)
กลัวน้าสาวเล็กสติแตก แล้วไปฆ่าน้าเขย
กลัวไม่มีคนช่วยทำงาน เพราะมีน้าเขยคนเดียวที่รู้เรื่องเครื่องจักรพวกนั้น"
จขกท. โมโหตอบกลับไปว่า "ต้องเกิดเรื่องจริงๆก่อนใช่ไหม ก่อนจะมีคนจัดการเรื่องนี้"
แม่จขกท. น้ำตาคลอเบ้ายืนยันเหตุผลเดิม
ซึ่งตอนนี้น้าเขยก็ยังคงคิดว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เพราะทุกคนปิดปากเงียบ แม่จขกท.กับน้าสาวคนกลางสั่งให้ทุกคนปิดปากเงียบ!!!!!
และแม่จขกท. ก็แพลนไว้ว่า ถ้าน้องทินน่าและน้องพลัม สอบเข้ามหาวิทยาลัยแถวบ้านได้ ก็จะให้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับจขกท.
ถ้าสอบไม่ติดจะให้ย้ายไปอยู่หอข้างนอกด้วยกันสองคน
เรื่องก็จบด้วยประการฉะนี้ ประเด็นคือมีหลายเรื่องที่คาใจ จขกท. ไม่เข้าใจพวกผู้ใหญ่เลย พวกเขาคิดอะไรกันอยู่ ทำไมต้องปกป้องคนผิด ถึงแม้จะเป็นครอบครัวเดียวกัน เคยได้ยินเคสแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวตนเอง ที่พอเกิดเรื่องผู้ใหญ่จะปกป้องผู้ใหญ่ แล้วตัวเด็กก็ต้องมาระวังตัวเอง และต้องเป็นคนที่ออกไปเอง และทุกคนที่รู้เรื่อง ก็ทำเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน!!!!!!!!
ปล. รายละเอียดบางส่วนอยากจะเล่าเพิ่ม แต่คิดว่าเริ่มยาวไปมากแล้ว จึงขอเล่าแบบหยาบๆค่ะ