สวัสดี ชาวpantip วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่อง ประสบการที่ผมกับเพื่อนเจอมากับตัว เรื่องนี้มันเป้นเรื่องที่น่าตกใจมากผมก็ช็อคเหมือนกันได้เจอกับตัว
ย้อนไปเมื่อประมาน 8-9 ปีที่แล้วผมก็ได้ศึกษาที่ โรงเรียนมัถยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดและได้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดแต่ที่เก็บศพมันดันอยู่ข้างโรงอาหารสินะครับ เรื่องของเรื่อง อยู่มาวันหนึ่ง วันนั้นผมกับเพื่อน ซ้อมกีฬาอยู่ที่หน้าโรงเรียนเป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาระดับจังหวัด แต่วันนั้นจนเมื่อผมก็ซ้อมกีฬากันเสร็จแล้ว เพื่อนผมมีชื่อว่า "เต๋า" พอซ้อมเสร็จ เต๋า มันก็บอกกับผมว่าให้ผมรอมันด้วยเพราะตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ก็เกือบจะมืดแล้วล่ะ เท่าที่ผมดูจากหน้ารงเรียนเข้าไปในโรงเรียนผมก็คิดว่าน่าจะไม่มีเด็กนักเรียนเหลืออยู่แล้วและก็นักกีฬาที่ซ้อมอยู่ด้วยกันก็ต่างกันแยกย้ายกับบ้าน ตอนนี้ก็เหลือผมอยู่คนเดียวที่เหลืออยู่หน้าโรงเรียน ผมนั้งรอ เต๋า แต่ห้องน้ำที่เต๋าไปเข้ามันอยู่หลังห้องสมุดมันก็ต้องเดินอ้อมไป แต่เมื่อเต๋าเดินกับมา แต่ผมเห็นเด็กคนนึงเดินตาม เต๋า ออกมาตอนนั้นผมก็คิดสงสัย ป่านี้แล้วเด็กคนนี้ทำไมยังไม่กับบ้าน พอเต๋าเดินมาถึง ผมก็ถามกับเต๋าว่า น้องคนนี้เข้าตามมาไม เต๋าได้บอกกับผมว่า ตอนที่เต๋ามันไปเข้าห้องน้ำ มันบอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ อยู่ตรงแท้งน้ำข้างห้องน้ำจากนั้นพอเต๋าทำอะไรเสร็จก็ได้เดินไปดูแล้วเจอเด็กคนนี้นั้งร้องไห้อยู่
ผมก็แปลกใจผมเลยถามว่าทำไมยังไม่กับบ้านอีกล่ะน้อง น้องคนนั้นตอบผมว่า ย้ายน้องเค้ายังไม่มารับ น้องเขานั้งรอยายมานานแล้ว เลยไปนั้งร้องไห้ นึกว่าไม่มีใครมารับ แล้วผมก็ได้ถามน้องว่า บ้านน้องอยู่ที่ไหนเดียวพี่จะไปส่ง แล้วน้องเค้าได้บอกกับผมว่า บ้านน้องเค้าอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ทุกวันยายน้องเค้าจะพายเรือมารับมาส่งทุกวัน ผมลืมบอกไปว่า แถวโรงเรียนผมมันมีท่าเรือ ก็คือต้องเดินจากโรงเรียน แล้วผ่านทีเก็บศพของวัด แล้วก็จะเปิดศาลาริมน้ำที่เรือสามารถมาจอดเทียบท่าแล้วสามารถให้คนขึ้น-ลงได้ จากนั้นผมกับเต๋า ก็ได้บอกกับน้องเค้าว่า เดียวพี่จะเดินไปส่งที่ท่าเรือ พอผมกับเต๋าได้เดินไปส่งน้องคนนั้นที่ท่าเรือ ตอนนั้นเวลาก็ซักประมาน 1 ทุ้มกว่า บรรยากาศ ก็น่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน ผมกับเต๋าแล้วก็น้องได้ ยืนรอยายของน้องเค้ามารับ พวกเราก็ยืนกับได้ซักพัก เต๋ามันก็สกิดผม แล้วมันก็พูดว่า เห้ยกุว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วว่ะ มันรูสึกแปลกยังไงไม่รู้ว่ะ ผมก็บอกไปว่าคิดไปเองหรือป่าว แต่พอผมพูดจบ (ขนลุกเลยครับ) ผมได้เห็นเรือกำลังผ่ายข้ามแม่น้ำมา แล้วมีไฟเขียวๆ ผมก็ได้ถามกับน้องเข้าว่านั้นใช่ ยายน้องไหม น้องเค้าบอกว่าใช่ แต่ทันไดนั้นผมได้หันไปมองหน้าเพื่อน ผมรู้สึกว่าหน้าเต๋ามันซีดผิดปกติ ผมจึงได้ถามเต๋าไปว่า เป็นไร หน้าซีดเชียว และเต๋ามันบอกกับผมว่าลองหันไปดูนั้นสิ พอผมได้หันไปยายเขาพายเรือมาถึงฝั่งนี้แล้ว แต่ยายเขาตัวเปียกแต่มีผ้าคลุมที่ศรีษะ แล้วก็มีแสงเขียวๆ น้องคนนั้นเลยถามยายตนเองว่า "ยายไปไหนมาถึงพึ่งจะมาหนูเนี่ย แล้วยายก็ตอบกับมาแบบเสียงเบา ว่ารีบขึ้นเรือเถอะหลานยายหนาว ตอนนั้นผมกับเพื่อนขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ แบบว่ายืนสั่นขนลุก เต๋าได้บอกกับผมว่าไปกับเถอะ อยู่ไม่ไหวแล้ว ผมก็ไดบอกน้องว่า "เออ น้องเดียวพี่ไปก่อนนะ" แล้วขณะที่ผมกำลังเดินกับ ผมได้ยินเด็กถามยายว่า ทำไมยายถึงตัวเปียก ยายบอกกับหลานว่ายายตกน้ำ แล้วตอนนี้ยายหนาวมากอยากขึ้นฝั่ง แล้วหลานก็ได้ถามยายไปอีกทีว่ายายเป็นอะไรถึงหน้าเขียวๆ ยายได้ตอบกับหลานว่ายายเป็นผีเคโรโระ เท่านั้นผมกับเพื่อนวิ่งกับหน้าตั่งเลยครับ และขอขอบคุณเพียงเท่านี้ครับ
ผีเคโรโระ
ย้อนไปเมื่อประมาน 8-9 ปีที่แล้วผมก็ได้ศึกษาที่ โรงเรียนมัถยมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดและได้ตั้งอยู่ตรงข้ามกับวัดแต่ที่เก็บศพมันดันอยู่ข้างโรงอาหารสินะครับ เรื่องของเรื่อง อยู่มาวันหนึ่ง วันนั้นผมกับเพื่อน ซ้อมกีฬาอยู่ที่หน้าโรงเรียนเป็นตัวแทนไปแข่งกีฬาระดับจังหวัด แต่วันนั้นจนเมื่อผมก็ซ้อมกีฬากันเสร็จแล้ว เพื่อนผมมีชื่อว่า "เต๋า" พอซ้อมเสร็จ เต๋า มันก็บอกกับผมว่าให้ผมรอมันด้วยเพราะตอนนั้นเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ก็เกือบจะมืดแล้วล่ะ เท่าที่ผมดูจากหน้ารงเรียนเข้าไปในโรงเรียนผมก็คิดว่าน่าจะไม่มีเด็กนักเรียนเหลืออยู่แล้วและก็นักกีฬาที่ซ้อมอยู่ด้วยกันก็ต่างกันแยกย้ายกับบ้าน ตอนนี้ก็เหลือผมอยู่คนเดียวที่เหลืออยู่หน้าโรงเรียน ผมนั้งรอ เต๋า แต่ห้องน้ำที่เต๋าไปเข้ามันอยู่หลังห้องสมุดมันก็ต้องเดินอ้อมไป แต่เมื่อเต๋าเดินกับมา แต่ผมเห็นเด็กคนนึงเดินตาม เต๋า ออกมาตอนนั้นผมก็คิดสงสัย ป่านี้แล้วเด็กคนนี้ทำไมยังไม่กับบ้าน พอเต๋าเดินมาถึง ผมก็ถามกับเต๋าว่า น้องคนนี้เข้าตามมาไม เต๋าได้บอกกับผมว่า ตอนที่เต๋ามันไปเข้าห้องน้ำ มันบอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ อยู่ตรงแท้งน้ำข้างห้องน้ำจากนั้นพอเต๋าทำอะไรเสร็จก็ได้เดินไปดูแล้วเจอเด็กคนนี้นั้งร้องไห้อยู่
ผมก็แปลกใจผมเลยถามว่าทำไมยังไม่กับบ้านอีกล่ะน้อง น้องคนนั้นตอบผมว่า ย้ายน้องเค้ายังไม่มารับ น้องเขานั้งรอยายมานานแล้ว เลยไปนั้งร้องไห้ นึกว่าไม่มีใครมารับ แล้วผมก็ได้ถามน้องว่า บ้านน้องอยู่ที่ไหนเดียวพี่จะไปส่ง แล้วน้องเค้าได้บอกกับผมว่า บ้านน้องเค้าอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ทุกวันยายน้องเค้าจะพายเรือมารับมาส่งทุกวัน ผมลืมบอกไปว่า แถวโรงเรียนผมมันมีท่าเรือ ก็คือต้องเดินจากโรงเรียน แล้วผ่านทีเก็บศพของวัด แล้วก็จะเปิดศาลาริมน้ำที่เรือสามารถมาจอดเทียบท่าแล้วสามารถให้คนขึ้น-ลงได้ จากนั้นผมกับเต๋า ก็ได้บอกกับน้องเค้าว่า เดียวพี่จะเดินไปส่งที่ท่าเรือ พอผมกับเต๋าได้เดินไปส่งน้องคนนั้นที่ท่าเรือ ตอนนั้นเวลาก็ซักประมาน 1 ทุ้มกว่า บรรยากาศ ก็น่ากลัวเอาเรื่องเหมือนกัน ผมกับเต๋าแล้วก็น้องได้ ยืนรอยายของน้องเค้ามารับ พวกเราก็ยืนกับได้ซักพัก เต๋ามันก็สกิดผม แล้วมันก็พูดว่า เห้ยกุว่าบรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วว่ะ มันรูสึกแปลกยังไงไม่รู้ว่ะ ผมก็บอกไปว่าคิดไปเองหรือป่าว แต่พอผมพูดจบ (ขนลุกเลยครับ) ผมได้เห็นเรือกำลังผ่ายข้ามแม่น้ำมา แล้วมีไฟเขียวๆ ผมก็ได้ถามกับน้องเข้าว่านั้นใช่ ยายน้องไหม น้องเค้าบอกว่าใช่ แต่ทันไดนั้นผมได้หันไปมองหน้าเพื่อน ผมรู้สึกว่าหน้าเต๋ามันซีดผิดปกติ ผมจึงได้ถามเต๋าไปว่า เป็นไร หน้าซีดเชียว และเต๋ามันบอกกับผมว่าลองหันไปดูนั้นสิ พอผมได้หันไปยายเขาพายเรือมาถึงฝั่งนี้แล้ว แต่ยายเขาตัวเปียกแต่มีผ้าคลุมที่ศรีษะ แล้วก็มีแสงเขียวๆ น้องคนนั้นเลยถามยายตนเองว่า "ยายไปไหนมาถึงพึ่งจะมาหนูเนี่ย แล้วยายก็ตอบกับมาแบบเสียงเบา ว่ารีบขึ้นเรือเถอะหลานยายหนาว ตอนนั้นผมกับเพื่อนขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ แบบว่ายืนสั่นขนลุก เต๋าได้บอกกับผมว่าไปกับเถอะ อยู่ไม่ไหวแล้ว ผมก็ไดบอกน้องว่า "เออ น้องเดียวพี่ไปก่อนนะ" แล้วขณะที่ผมกำลังเดินกับ ผมได้ยินเด็กถามยายว่า ทำไมยายถึงตัวเปียก ยายบอกกับหลานว่ายายตกน้ำ แล้วตอนนี้ยายหนาวมากอยากขึ้นฝั่ง แล้วหลานก็ได้ถามยายไปอีกทีว่ายายเป็นอะไรถึงหน้าเขียวๆ ยายได้ตอบกับหลานว่ายายเป็นผีเคโรโระ เท่านั้นผมกับเพื่อนวิ่งกับหน้าตั่งเลยครับ และขอขอบคุณเพียงเท่านี้ครับ