ก่อนอื่นเลยนะครับ เหตุผลที่ผมโพสต์เรื่องนี้ลงใน Pantip เนื่องจากผมกำลังทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้ส่งอาจารย์เป็นภาษาอังกฤษ ผมเลยอยากแชร์เรื่องนี้ลงเป็นภาษาไทย เผื่อบางคนที่มีญาติหรือคนใกล้ตัวเคยมีอาการลมชัก หรือ ลมบ้าหมู หรือคนที่สนใจเกี่ยวกับโรคนี้ได้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
ผมเชื่อว่าในสังคมไทยปัจจุบันยังเชื่อว่าโรคลมชักเป็นเหมือนจุดบกพร่องหรือรอยด่าง (Stigma) ของแต่ละบุคคล ประกอบกับในหนังหรือละครบ้านเรายังมีการนำโรคนี้มาเป็นตัวดำเนินเรื่องเป็นครั้งคราว ทำให้คนทั่วไปที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้อาจเกิดความกลัวหรือคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของโรคทางจิต
ขณะที่ทางสังคมทางตะวันตกมีการให้ความรู้อย่างแพร่หลายเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของโรคลมชัก ทำให้มุมมองของโรคนี้ดูเป็นเรื่องปกติ และทำให้ผู้ที่มีโรคลมชักสามารถเป็นที่ยอมรับทางสังคมเช่นเดียวกับคนที่ป่วยเป็นโรคอื่นๆ
อะไรคืออาการชัก ?
อาการชักหรือลมบ้าหมูเป็นอาการผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางภายนอกได้หลายรูปแบบ อาการผิดปกติอาจมีตั้งแต่.....
อาการชักกระตุกทั้งร่างกาย หรือบางส่วนของร่างกาย
อาการไม่รู้สึกตัวหรือหมดสติ หรือแม้กระทั่ง....
อาการชาหรืออ่อนแรงเฉพาะส่วนของร่างกาย
หรืออาการจำเพาะอื่นๆ เช่น ปวดท้อง, เวียนศีรษะ, มองเห็นผิดปกติ....
อาการชักส่วนใหญ่มักเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นวินาทีหรือไม่เกิน 5 นาที ยกเว้นกรณีชักต่อเนื่องอาจนานติดต่อกันเกิน 5 นาที ซึงบางทีอาการดังกล่าวอาจแยกไม่ออกกับอาการเป็นลมหมดสติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
อาการชักนั้นทางการแพทย์ถือว่าเป็นอาการของร่างกายเทียบได้กับอาการไข้, ปวดท้อง หรือ ปวดศีรษะ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจเพื่อหาสาเหตุของอาการชัก และพิจารณาถึงโอกาสที่จะเกิดการชักซ้ำ ซึ่งอาการชักนั้นเกิดขึ้นได้จากหลาบสาเหตูไม่ว่าจะเป็นจาก
ความผิดปกติจากทางสมอง,
ความผิดปกติแต่กำเนิด,
พันธุกรรม,
ความผิดปกติจากระบบอื่นๆของร่างกาย เช่น ตับวาย หรือไตวาย,
สารพิษและการดื่มสุรา
รวมทั้งการกระทบกระเทือนทางสมองจากอุบัติเหตุ
จากสถิติที่ผ่านมาพบว่าตลอดช่วงอายุคนในแต่ละคน จะมี 1 คนจาก 10 คน ที่มีอาการชักอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
เมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าโรคลมชัก ?
อาการชักที่ไม่มีเหตุกระตุ้นที่แน่ชัดที่เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งในระยะเวลาห่างกันเกิน 24 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโรคลมชัก เหตุที่ต้องรออาการชักมากกว่าหนึ่งครั้งถึงถือว่าเป็นโรคลมชักเพราะจากการศึกษาพบว่า โอกาสการชักซ้ำครั้งที่ 3 มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับอาการชักซ้ำครั้งที่ 2 ซึ่งมีโอกาสประมาณ 20 – 40%
นอกจากนี้โรคลมชักอาจวินิจฉัยได้ในผู้ที่มีอาการชักเพียงครั้ง ถ้าตรวจหาสาเหตุแล้วพบว่ามีสาเหตุบางอย่างที่อาจชักนำให้เกิดอาการชักครั้งต่อไปสูงกว่า 60% หรือเป็นโรคลมชักที่มีลักษณะจำเพาะ
โรคลมชักเกิดกับใคร
ก่อนที่ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโรคลมชัก ผมจะขอให้ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญทางสถิติที่อาจทำให้ทุกท่านเห็นด้วยกับผมว่าโรคลมชักใกล้ตัวกว่าที่ทุกท่านคิด จากการเทียบเคียงปริมาณโรคลมชักจากข้อมูลทางอเมริกา จะพบว่าอยู่ที่ประมาณ 2% ของประชากรทั่วไป หมายความว่าใน คนทั่วไป 50 คน จะมีคนป่วยเป็นโรคลมชัก 1 คน ผมจะลองเทียบให้เห็นภาพของโรคลมชักเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆนะครับ เช่น
โรคปวดศีรษะไมเกรน จะพบประมาณ 10 ต่อ 1
โรคเบาหวานจะพบประมาณ 12 ต่อ 1
โรคมะเร็งปอดจะพบประมาณ 16 ต่อ 1
โรคหลอดเลือดสมองจะพบประมาณ 30 ต่อ 1
ในมุมมองคนไทยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคลมชักนั้นมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่จากการศึกษาพบว่าโรคลมชักเกิดได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบมากในวัยเด็กและผู้สูงอายุ
จากกราฟจะเห็นว่าโรคลมชักสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่จะพบได้บ่อยในสองช่วงอายุคือ วัยเด็ก (1 - 15 ปี) และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
ในความเห็นของผม ผู้ป่วยวัยสูงอายุที่บ้านเรามักถูกละเลยการวินิจฉัย เนื่องจากอาการชักมักไม่ชัดเจน (เช่น ไม่รู้สึกตัว 1 – 2 นาที) หรือบางทีถูกวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น เช่น เป็นลม, หกล้ม...
ผมจะปิดท้ายบุคคลที่มีเชื่อเสียงที่เคยผ่านการเป็นโรคลมชักมาแล้วนะครับ...
Elton John
Theodore Roosevelt

Edgar Allan Poe
Julius Caesar
Susan Boyle

วันนี้ผมเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนนะครับ...
เมื่อคนใกล้ตัวคุณเป็นโรคลมชัก...
ผมเชื่อว่าในสังคมไทยปัจจุบันยังเชื่อว่าโรคลมชักเป็นเหมือนจุดบกพร่องหรือรอยด่าง (Stigma) ของแต่ละบุคคล ประกอบกับในหนังหรือละครบ้านเรายังมีการนำโรคนี้มาเป็นตัวดำเนินเรื่องเป็นครั้งคราว ทำให้คนทั่วไปที่ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้อาจเกิดความกลัวหรือคิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของโรคทางจิต
ขณะที่ทางสังคมทางตะวันตกมีการให้ความรู้อย่างแพร่หลายเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆของโรคลมชัก ทำให้มุมมองของโรคนี้ดูเป็นเรื่องปกติ และทำให้ผู้ที่มีโรคลมชักสามารถเป็นที่ยอมรับทางสังคมเช่นเดียวกับคนที่ป่วยเป็นโรคอื่นๆ
อะไรคืออาการชัก ?
อาการชักหรือลมบ้าหมูเป็นอาการผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าสมองที่เกิดขึ้นชั่วคราว ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติทางภายนอกได้หลายรูปแบบ อาการผิดปกติอาจมีตั้งแต่.....
อาการไม่รู้สึกตัวหรือหมดสติ หรือแม้กระทั่ง....
อาการชาหรืออ่อนแรงเฉพาะส่วนของร่างกาย
หรืออาการจำเพาะอื่นๆ เช่น ปวดท้อง, เวียนศีรษะ, มองเห็นผิดปกติ....
อาการชักส่วนใหญ่มักเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นวินาทีหรือไม่เกิน 5 นาที ยกเว้นกรณีชักต่อเนื่องอาจนานติดต่อกันเกิน 5 นาที ซึงบางทีอาการดังกล่าวอาจแยกไม่ออกกับอาการเป็นลมหมดสติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
อาการชักนั้นทางการแพทย์ถือว่าเป็นอาการของร่างกายเทียบได้กับอาการไข้, ปวดท้อง หรือ ปวดศีรษะ ซึ่งมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจเพื่อหาสาเหตุของอาการชัก และพิจารณาถึงโอกาสที่จะเกิดการชักซ้ำ ซึ่งอาการชักนั้นเกิดขึ้นได้จากหลาบสาเหตูไม่ว่าจะเป็นจาก
ความผิดปกติแต่กำเนิด,
พันธุกรรม,
ความผิดปกติจากระบบอื่นๆของร่างกาย เช่น ตับวาย หรือไตวาย,
สารพิษและการดื่มสุรา
รวมทั้งการกระทบกระเทือนทางสมองจากอุบัติเหตุ
เมื่อไหร่ถึงจะเรียกว่าโรคลมชัก ?
อาการชักที่ไม่มีเหตุกระตุ้นที่แน่ชัดที่เกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งในระยะเวลาห่างกันเกิน 24 ชั่วโมง ถือว่าเป็นโรคลมชัก เหตุที่ต้องรออาการชักมากกว่าหนึ่งครั้งถึงถือว่าเป็นโรคลมชักเพราะจากการศึกษาพบว่า โอกาสการชักซ้ำครั้งที่ 3 มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า 70% เมื่อเทียบกับอาการชักซ้ำครั้งที่ 2 ซึ่งมีโอกาสประมาณ 20 – 40%
นอกจากนี้โรคลมชักอาจวินิจฉัยได้ในผู้ที่มีอาการชักเพียงครั้ง ถ้าตรวจหาสาเหตุแล้วพบว่ามีสาเหตุบางอย่างที่อาจชักนำให้เกิดอาการชักครั้งต่อไปสูงกว่า 60% หรือเป็นโรคลมชักที่มีลักษณะจำเพาะ
โรคลมชักเกิดกับใคร
ก่อนที่ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโรคลมชัก ผมจะขอให้ข้อมูลบางอย่างที่สำคัญทางสถิติที่อาจทำให้ทุกท่านเห็นด้วยกับผมว่าโรคลมชักใกล้ตัวกว่าที่ทุกท่านคิด จากการเทียบเคียงปริมาณโรคลมชักจากข้อมูลทางอเมริกา จะพบว่าอยู่ที่ประมาณ 2% ของประชากรทั่วไป หมายความว่าใน คนทั่วไป 50 คน จะมีคนป่วยเป็นโรคลมชัก 1 คน ผมจะลองเทียบให้เห็นภาพของโรคลมชักเมื่อเทียบกับโรคอื่นๆนะครับ เช่น
โรคเบาหวานจะพบประมาณ 12 ต่อ 1
โรคมะเร็งปอดจะพบประมาณ 16 ต่อ 1
โรคหลอดเลือดสมองจะพบประมาณ 30 ต่อ 1
ในมุมมองคนไทยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าโรคลมชักนั้นมักเกิดขึ้นในวัยเด็ก แต่จากการศึกษาพบว่าโรคลมชักเกิดได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบมากในวัยเด็กและผู้สูงอายุ
จากกราฟจะเห็นว่าโรคลมชักสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่จะพบได้บ่อยในสองช่วงอายุคือ วัยเด็ก (1 - 15 ปี) และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
ในความเห็นของผม ผู้ป่วยวัยสูงอายุที่บ้านเรามักถูกละเลยการวินิจฉัย เนื่องจากอาการชักมักไม่ชัดเจน (เช่น ไม่รู้สึกตัว 1 – 2 นาที) หรือบางทีถูกวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น เช่น เป็นลม, หกล้ม...
ผมจะปิดท้ายบุคคลที่มีเชื่อเสียงที่เคยผ่านการเป็นโรคลมชักมาแล้วนะครับ...
Julius Caesar
Susan Boyle
วันนี้ผมเกริ่นไว้แค่นี้ก่อนนะครับ...