[CR] ตามไปเที่ยว >> ปล่อยตัวสโลว์ไลฟ์ไว้ที่ "น่าน" ตอนที่ 2 (จบ)


ความเดิม : ตามไปเที่ยว >> ปล่อยตัวสโลว์ไลฟ์ไว้ที่ "น่าน" ตอนที่ 1
วัดหนองบัว อ.ท่าวังผา - วัดบ้านต้นแหลง อ.ปัว - อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
http://pantip.com/topic/34867917

จากอุทยานแห่งชาติดอยภูคา เรื่อยมายังจุดชมวิว จนกระทั่งลงเขามาเจอ 3 แยก ผมเลี้ยวขวาไปตามป้าย "อ. บ่อเกลือ 1 กม." ระหว่างทางมองไปรอบๆ รู้สึกว่าจะเป็นเมืองในที่ราบหุบเขา ที่มีลำน้ำมางไหลผ่าน อากาศเย็นสบายดี เมืองค่อนข้างเล็กครับ ขนาดเซเว่นยังไม่มี ขับเลยมาอีกนิดก็เจอป้าย "ปลายมาง ทางรัก" ที่พักในค่ำคืนนี้ ...“โอ้ว..ว โดน โดนเลย ทั้งบ้านสวยหลากสี ทั้งตู้คอนเทนเนอร์เก๋ๆ ไหนจะมีกังหันลม และยังติดลำธารอีก"



ไม่คิดว่าจะได้มาพักแบบนี้  เพราะใช้วิธีโทรมาจองหลังจากที่โรงแรมอื่นๆ เต็ม  ตอนแรกจองบ้านหลังเล็กไว้ ซึ่งจะต้องใช้ห้องน้ำรวม สุดท้ายเลือกที่จะอัพเกรดเป็นบ้าน 2 ชั้น ขนาดย่อม ติดลำธารเลย ราคาคืนละ 2,500 บาท พร้อมอาหารเช้า ... ได้เวลาสำรวจที่พัก... "แปลกดีแฮะ จะเข้าบ้านต้องขึ้นบันไดมาที่ระเบียงชั้น 2 ก่อน" ตรงระเบียงมีโต๊ะ และเก้าอี้ให้นั่งชิลกันแบบส่วนตัว พอเปิดประตูเข้าไปจะเจอที่นอน ซึ่งสุมหัวกันได้เต็มที่ 4 คนเลย  มีบันไดลงไปห้องน้ำซึ่งอยู่ชั้นล่าง บ้านนี้ผมขอนิยามว่า “ดิบ เรียบ และครีเอท” คือเปลือยวัสดุก่อสร้างอย่างอิฐบล็อก ท่อปูน เหล็กเส้น และไม้ไผ่ มาผสมผสานกันจนเรียกได้ว่ามีแบบเดียวในโลก “ผมชอบนะ แปลกดี” ห้องนี้ไม่มีทีวี ไม่มีแอร์ ได้สัมผัสอากาศเย็นๆ ที่เข้ามาผ่านมุ้งลวด ... “และนั่นก็มิอาจกั้นเสียงธาราแห่งลำธาร อันแว่วยินตลอดทิวา และราตรีนี้” (ถ้าเขียนต่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นละครจักรๆ วงศ์ๆ ไป 555) สรุปมันชิลมากกกก สุดยอดมากกก ได้ฟังเสียงน้ำไหลทั้งวันทั้งคืน






ตกค่ำได้เวลาหาอาหาร (ไม่ได้พากษ์สารคดีสัตว์โลกน่ารักอยู่นะครับ 555) ผมไปที่ร้าน “หัวสะพานบ่อเกลือ” ซึ่งอยู่ไม่ไกล บรรยากาศดีครับเพราะติดลำธาร ช่วงรออาหาร ผมเดินไปที่ลำน้ำ รู้สึกมีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านล่างเลยก็เลยถ่ายรูปเปิดแฟลชว๊าบเข้าไป “โห ปลาเยอะมาก น่าจะเป็นปลาปีกแดงที่กำลังว่ายทวนกระแสน้ำมาผสมพันธุ์และวางไข่”



จากนั้นก็มาจัดการกับอาหาร ... อื้ม..ม รสชาติเข้มข้นถึงใจ มารู้ที่หลังว่าพ่อครัวชาวปักษ์ใต้นั้น เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยนี้  



ทานเสร็จก็กลับไปพักผ่อน นอนหลับตาฟังเสียงน้ำไหลบำบัด ก่อนที่จะผล็อยหลับไปในที่สุด


วันที่ 3 : บ่อเกลือโบราณ - ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา - กลับ อ.เมือง น่าน เที่ยวเทศกาลศิลปะน่าน

เช้าวันใหม่กับแดดอุ่นๆ ถึงเวลาของอาหารเช้า สลัด แซนด์วิช และข้าวต้มร้อนๆ “อากาศสดชื่นดีจริงๆ เดี๋ยวไปเดินจุ่มน้ำเย็นๆ เล่นดีกว่า” ผมเอาขวดน้ำส้ม กระป๋องเบียร์แช่ลงน้ำ ถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยเปื่อย เพราะทริปนี้ไม่ได้มาชะโงกทัวร์ก็ใช้ชีวิตแบบไม่ได้กะเกณฑ์อะไรมาก ผมทิ้งเวลาไว้ที่นี่จนครบเวลาเช็คเอ้าท์ อยู่ให้คุ้มกันไปเลย ยิ้ม







ผมออกเดินทางอีกครั้ง ตั้งสติว่ามา อ.บ่อเกลือ ก็ต้องแวะมาดูบ่อเกลือสิ ขับรถไปเป๊บเดียวก็ถึงแล้ว บ่อเกลือสินเธาว์โบราณนี้ เป็นที่หมายปองของเจ้าเมืองต่างๆ ในยุคสมัยก่อน ด้วยความเค็มของน้ำใต้ดินริมภูเขานี้ ชาวบ้านจะตักขึ้นมาต้มจนกลายเป็นเกลือที่มีความขาวละเอียด เสริมคุณค่าทางโภชนาการด้วยการเหยาะสารไอโอดีนลงไป

บริเวณที่เที่ยวนี้สามารถเข้าไปดู เข้าไปถ่ายรูปในบ้านที่ต้มเกลือได้ “แล้วน้ำในบ่อจะหมดไหม?” ผมได้ยินคำถามนี้แทบทุกครั้งที่มีคนชะโงกมองลงไปในบ่อ “ไม่หมดหรอกเจ้า มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วเจ้า” ชาวบ้านที่ขายเกลือมักพูดตอบนักท่องเที่ยว





“ดอกเกลือ ใช่ ดอกเกลือ น้องบอกให้มาซื้อแก้ตาคล้ำได้” ผมเกือบลืมไปแล้ว หลังจากซื้อเกลือเสร็จแวะนั่งร้านกาแฟ “กรุ่นไอเกลือ”
ก่อนอออกเดินทางไปยัง "ศูนย์ภูฟ้าพัฒนาตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี" ระยะทาง 30 กม. ทางราบสลับขึ้นเนินจนไปสุดทางที่ยอดเขา  “มาเที่ยวหรอครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มถามพร้อมรอยยิ้ม ก่อนรถจะเข้าเขตโครงการ “ครับ”  เจ้าหน้าที่เหมือนจดทะเบียนรถ และปล่อยผ่าน  ผมแวะไปชมพระตำหนักภูฟ้า สถานที่ทรงงาน ซึ่งสามารถชมได้เฉพาะด้านนอก

จากนั้นไปต่อที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ผมเริ่มจากหาอะไรทานก่อน เมนูง่ายๆ เท่าที่วัตุดิบในครัวมี ณ ตอนนี้ คือผัดเผ็ดถั่ว และไข่เจียว จากนั้นก็เดินชมห้องที่จัดแสดงนิทรรศการ ต่อด้วยร้านค้า และร้านกาแฟภูฟ้า สุดท้ายไปจบลงที่แปลงพืชพันธุ์ต่างๆ ที่ต้องเดินลงไปด้านล่าง นักท่องเที่ยวจากคาราวานรถตู้ถ่ายรูปกันให้จ้าละหวั่น ก็เป็นมุมสวยๆ อีกมุมหนึ่งครับ





บ่าย 3 เข้าไปแล้ว ได้เวลากลับไปเมืองน่านแล้ว เพราะต้องเดินทางกว่า 100 กม. ร่วม 2 ชม. เส้นทางมีขึ้นเขาลงเขา “ทำไมไม่ค่อยเจอรถสวนหล่ะ มาทางที่ไม่ค่อยมีใครมาหรือเปล่าเนี่ย” ขับไปเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง ในที่สุดก็กลับมาถึงเมืองน่านได้อย่างปลอดภัย เข้าที่พักที่จองไว้ชื่อ “เฮือนช้างเผือก” อยู่โซนใกล้สนามบิน คนละโซนกับย่านเมืองเก่า แต่การขับรถเข้าไปก็ไม่ยากเย็น เช็คอินบ้านไม้เสร็จก็อาบน้ำ เตรียมไปเที่ยวงานเทศกาลศิลปะน่าน (Nan Arts Festival)




โชคดีมากๆ ที่มาช่วงเทศกาลศิลปะเมืองน่านพอดี สถานที่จัดแสดงจะอยู่บริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน มีทั้งการแสดงบนเวทีกลางแจ้งอย่างหุ่นกระบอก ดนตรี และการละคร  มีสตรีทอาร์ต ตามถนนคนเดิน รอบๆ นี้ยังมีการจำหน่ายสินค้าและอาหารด้วย








เดินได้สักพัก ท้องก็เริ่มกิ่ว นึกถึงร้านที่เพื่อนบอก “ปุ้ม 3” ในที่สุดก็มาถึงหน้าร้าน คนอย่างเยอะ ผมใช้เวลาอยู่ที่นี่นานมาก เพลียเลย ทั้งต่อคิว และรออาหาร เมนูเด็ดของร้านคือ มัสมั่นไก่ฟรุ๊ตตี้ที่ผมไม่ได้สั่งมา สั่งแต่เมนูง่ายๆ ที่ทานกับข้าวต้ม รสชาติผมว่าธรรมดา ส่วนเมนูเด็ดที่ว่าต้องสั่งมาทานนั้น ขอให้คนอื่นมายืนยันแล้วกันครับ ออกจากร้านเข้าที่พักพักผ่อน เตรียมแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ดีกว่า คร่อกกกๆ


วันที่ 4 : หอศิลป์ริมน่าน – วัดสำคัญในตัวเมือง – วัดพระธาตุแช่แห้ง

ช่วงสายหลังทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็ออกเดินทางไปยังหอศิลป์ริมน่าน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองน่านออกไปประมาณ 20 กม. ค่าเข้าชมคนละ 20.- อาคารหลักลักษณะคล้ายโบสถ์ใหญ่ มี 2 ชั้น จัดแสดงศิลปะหมุนเวียน ขณะที่ผมไปยังมีตอกตะปูแขวนภาพกันอยู่ และที่ชั้นล่างนี้ก็มีผลงานของ อ. ถวัลย์ ดัชนีรวมอยู่ด้วยครับ







ชั้น 2 มีจัดแสดงภาพวาดฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพฯ และภาพของศิลปินท่านอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นภาพล้อเลียนภาพที่โด่งดังที่สุดของเมืองน่าน “ปู่ม่าน ย่าม่าน” หรือภาพกระซิบรัก

อ้อ! อย่าลืมเดินไปทางด้านหลังของหอศิลป์ด้วยนะครับ เพราะมีร้านกาแฟ บรรยากาศชิลๆ น่านั่งด้วย วันที่ผมไปเห็นนักศึกษาทั้งชั้นเรียนมาสเก็ตภาพมุมต่างๆ คนที่มาเที่ยวก็แอบส่องผลงานของน้องๆ กัน นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีขับร้อง มีโอกาสได้เห็นศิลปินแห่งชาติหลายท่านเลย








(มีต่อ) #ลุงยิ้ม
ชื่อสินค้า:   น่าน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่