กิลแทมี : แน่สิ ชั้นก็ต้องเหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่าสิ จะให้ชั้นไปเอาเปรียบคนที่แข็งแรงเรอะ? ชั้นก็ต้องเอาของๆคนอ่อนแอมาสิ จะไปเอาของคนที่แข็งแรงได้ยังไง?
โลกนี้คนอ่อนแอก็ถูกคนแข็งแรงเหยียบย่ำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะพันปีที่ผ่านมา หรือพันปีต่อๆไป คนมีอำนาจก็ต้องเอาเปรียบคนไร้อำนาจอยู่แล้ว มันเป็นความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยน!
.............................
ฉากที่บังวอนสนทนากับซัมบง หลังจากที่บังวอนหาเรื่องให้ซัมบงต้องถูกส่งตัวไปหมิง
ซบ: องค์ชายกระหายอำนาจ
บว: สิ่งที่ท่านทำคือการปกครอง แต่สิ่งที่ข้าทำคือกระหายอำนาจเช่นนั้นรึ....ข้าทำตามศิลปะการทูต....คนที่ทำให้มีการ
บาดหมางกันกับหมิงคือท่าน...ท่านบอกว่าจะก่อตั้งประเทศที่ไร้สงครามและภัยแล้ง...แต่ท่านกลับซุ่มฝึกซ้อมกองทัพอยู่ร่ำไป
และมันเป็นการยุแยงหมิง
ซบ: ความสัมพันธ์ของเราและหมิงจะถูกตัดสินในอีกอย่างน้อยร้อยปี...การทูตเป็นเรื่องของดาบและทรัพย์สิน...บางคราก็ต้องใช้ดาบ
บางคราก็ต้องใช้ทรัพย์สิน...การทูตคือทำให้มันไปต่อได้อย่างราบรื่น...องค์ชายกำลังทำลายความราบรื่นตรงนั้น...นี่ไม่ใช่แผน
เพื่อไม่ให้ถูกยึดกองทัพไปเหรอ?...ท่านคิดว่าท่านใช้การทูตเพื่อปกปิดความโลภส่วนตัวหรือเปล่า?
บว: แล้วท่านไม่มีเลยหรือไง ความโลภน่ะ...ใครก็ต่างมีความต้องการส่วนตัว...และเป้าหมายใหญ่ที่มาจากความต้องการนั้น...สุดท้าย
ความปรารถนาของผู้ชนะก็จะกลายเป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการได้ปกครองประเทศ
ซบ: ถ้าเช่นนั้นหนนี้กระหม่อมก็แพ้องค์ชายแล้ว (ซัมบงแอบยิ้มออกมาไม่มีทีท่าว่าจะแพ้) แต่กระหม่อมยังไม่ได้เดินหมากเลย
ชอบคำพูดไหนในหกมังกรบินบ้างครับ มาโควตกันเถอะ
กิลแทมี : แน่สิ ชั้นก็ต้องเหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่าสิ จะให้ชั้นไปเอาเปรียบคนที่แข็งแรงเรอะ? ชั้นก็ต้องเอาของๆคนอ่อนแอมาสิ จะไปเอาของคนที่แข็งแรงได้ยังไง?
โลกนี้คนอ่อนแอก็ถูกคนแข็งแรงเหยียบย่ำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะพันปีที่ผ่านมา หรือพันปีต่อๆไป คนมีอำนาจก็ต้องเอาเปรียบคนไร้อำนาจอยู่แล้ว มันเป็นความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยน!
.............................
ฉากที่บังวอนสนทนากับซัมบง หลังจากที่บังวอนหาเรื่องให้ซัมบงต้องถูกส่งตัวไปหมิง
ซบ: องค์ชายกระหายอำนาจ
บว: สิ่งที่ท่านทำคือการปกครอง แต่สิ่งที่ข้าทำคือกระหายอำนาจเช่นนั้นรึ....ข้าทำตามศิลปะการทูต....คนที่ทำให้มีการ
บาดหมางกันกับหมิงคือท่าน...ท่านบอกว่าจะก่อตั้งประเทศที่ไร้สงครามและภัยแล้ง...แต่ท่านกลับซุ่มฝึกซ้อมกองทัพอยู่ร่ำไป
และมันเป็นการยุแยงหมิง
ซบ: ความสัมพันธ์ของเราและหมิงจะถูกตัดสินในอีกอย่างน้อยร้อยปี...การทูตเป็นเรื่องของดาบและทรัพย์สิน...บางคราก็ต้องใช้ดาบ
บางคราก็ต้องใช้ทรัพย์สิน...การทูตคือทำให้มันไปต่อได้อย่างราบรื่น...องค์ชายกำลังทำลายความราบรื่นตรงนั้น...นี่ไม่ใช่แผน
เพื่อไม่ให้ถูกยึดกองทัพไปเหรอ?...ท่านคิดว่าท่านใช้การทูตเพื่อปกปิดความโลภส่วนตัวหรือเปล่า?
บว: แล้วท่านไม่มีเลยหรือไง ความโลภน่ะ...ใครก็ต่างมีความต้องการส่วนตัว...และเป้าหมายใหญ่ที่มาจากความต้องการนั้น...สุดท้าย
ความปรารถนาของผู้ชนะก็จะกลายเป็นเหตุผลอันชอบธรรมในการได้ปกครองประเทศ
ซบ: ถ้าเช่นนั้นหนนี้กระหม่อมก็แพ้องค์ชายแล้ว (ซัมบงแอบยิ้มออกมาไม่มีทีท่าว่าจะแพ้) แต่กระหม่อมยังไม่ได้เดินหมากเลย