เกาหลีใต้ยกฟ้องหญิงถูกจำคุก ฐานกัดลิ้นชายพยายามข่มขืน หลังต่อสู้ยาวนาน 61 ปี

     นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของความยุติธรรมในเกาหลีใต้ เมื่อศาลมีคำสั่งยกฟ้องคดีของหญิงวัย 79 ปี ซึ่งเคยถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงเมื่อ 61 ปีที่แล้ว หลังจากที่เธอกัดลิ้นชายที่พยายามข่มขืนจนขาด เพื่อป้องกันตัว
     ชเว มัลจา วัย 18 ปีในขณะนั้น ถูกตัดสินจำคุก 10 เดือน ขณะที่ชายผู้ก่อเหตุซึ่งอายุ 21 ปี กลับได้รับโทษเบากว่า คือจำคุกเพียง 6 เดือน และไม่เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามข่มขืน ศาลยังระบุว่า การกระทำของเธอเกินกว่า "ขอบเขตการป้องกันตัวที่สมเหตุสมผล" ทำให้เธอซึ่งเป็นผู้เสียหายต้องกลายเป็นผู้ต้องหา
     ตามบันทึกของศาล คนร้ายได้กดชเวลงกับพื้น ที่สถานเกิดเหตุในเมืองกิมแฮ เธอสามารถหลุดออกมาได้หลังจากกัดลิ้นของเขาขาดไปประมาณ 1.5 ซม. สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ชายคนดังกล่าวเรียกร้องค่าเสียหายจากการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง และถึงขั้นบุกเข้าไปในบ้านของชเวด้วยมีดในครั้งหนึ่ง
     ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ชเว มัลจา ไม่เคยยอมแพ้ เธอเริ่มรวบรวมหลักฐานและยื่นคำร้องขอรื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ในปี 2018 หลังจากได้รับแรงบันดาลใจจากกระแส #MeToo แม้ว่าศาลชั้นต้นจะปฏิเสธคำร้องของเธอมาโดยตลอด แต่ในที่สุด ศาลฎีกาก็อนุมัติให้รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่เมื่อเดือนธันวาคม 2024
     ในการพิจารณาคดีครั้งแรก อัยการได้กล่าวขอโทษชเวต่อหน้าศาลและขอให้ศาลยกฟ้องเธอ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
     หลังทราบคำตัดสิน ชเวกล่าวว่า "ฉันยอมให้คดีนี้ผ่านไปไม่ได้... ฉันอยากจะยืนหยัดเพื่อเหยื่อคนอื่น ๆ ที่มีชะตากรรมเดียวกับฉัน" พร้อมทั้งขอบคุณผู้สนับสนุนและวิพากษ์วิจารณ์ผู้มีอำนาจในอดีตที่ “ใช้อำนาจในทางที่ผิดเพื่อเหยียบย่ำผู้อ่อนแอและบิดเบือนกฎหมาย"

     คดีของชเว มัลจา ได้รับการกล่าวถึงในตำรากฎหมายของเกาหลีใต้ว่าเป็นตัวอย่างคลาสสิกที่ศาลไม่ยอมรับการกระทำเพื่อป้องกันตัวในเหตุการณ์ความรุนแรงทางเพศ
     ทนายความของชเวกล่าวว่า คำตัดสินในอดีตนั้นเกิดจาก "การตัดสินที่ผิดพลาดจากอคติทางเพศและทัศนคติของสังคม" แต่ด้วยการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ของคุณชเว ทำให้กระบวนการยุติธรรมได้มีโอกาสแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้
     องค์กรสิทธิสตรีในเกาหลีใต้เชื่อว่าคำตัดสินในครั้งนี้จะปูทางไปสู่ความยุติธรรมให้กับเหยื่อความรุนแรงทางเพศ และจะเป็นการส่งสัญญาณว่า "การกระทำเพื่อป้องกันตัวของผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง".

ขอบคุณ ข้อมูลข่าวจาก ไทยรัฐออนไลน์ (ที่มา BBC)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่