แปลกแต่จริง.. ประเด็นที่น่าจะร้อนที่สุดอย่างการประกาศของนายกฯ ถ้าคดียังไม่ยุติก็เสนอรายชื่อสมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ กลับเงียบฉี่... ถ้าก่อนหน้านี้ใครพูดว่าเพื่อความสง่างามควรให้คดียุติก่อนละก้อ จะมีแนวร่วมตุ้บตั้บกันมาเยอะทีเดียวว่าพวก 3 พ หรือเปล่า เป็นต้น.. มันน่าสงสัยจิงเจียว
ฝ่ายสนับสนุนดูเหมือนจะมีเอกภาพกันมากในการวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่จะรอตามการออกความเห็นของผู้นำประเด็น เช่น เจ้าคุณเบลอลิน หรือหลวงพี่ประสานงา เป็นต้น.. การหวังพูดคุยใดใดกับกลุ่มที่มีลักษณะเช่นนี้ค่อนข้างป่วยการเปล่า.. หวังได้แต่ให้ไทยมุงทั้งหลายแหล่ได้เห็นทัศนคติใคร่ครวญให้รอบด้านมากขึ้นก็เท่านั้น
ช่วงนี้ที่เห็นหลวงพี่เจ้าคุณเบลอลินเล่นนำประเด็นบ่อยๆ ก็คือเรื่องการตีความมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นออกมา 2 เรื่องติดๆ ต่อเนื่อง... เด่นมากๆ กับการหยิบเพียงบางด้านของข้อเท็จจริงมาเล่าโดยหวังผลให้คนทั่วไปเข้าใจตรงข้ามกับข้อเท็จจริงเหล่านั้น... แต่ยุคสมัยนี้มันสมัยไหนแล้ว ทำแบบนี้มากๆ พิจารณาต้นบทความกับปลายบทความก็รู้แล้วว่าอะไรจริงอะไรปลอม.. หลวงพี่มั่วแบบนี้บ่อยๆ จะราคาตกเอานะครับ
1.เทียบกระบวนการกับศาสนาอื่น ซึ่งก็อ้างผิดๆ เพราะกระบวนการของเขาก็เริ่มจากกระทรวงมหาดไทยหรือฝ่ายอาณาจักรเป็นผู้เริ่ม.. ดีที่ไม่ถูกสวนมาจากทางเขา จะอับอายกันถ้วนหน้า
2.โจมตีผู้ตรวจการฯ ว่ามีเล่ห์ลากยาว... (ที่จริงที่เห็นชัดๆ ก็นายกฯ นี่แหละลากยาว... ไม่เล่นเขาหรือ?) .. ไม่รู้จริงๆ หรือครับว่าถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ท่านไม่มีทางได้ใช้บริการของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ แน่ๆ เพราะนั่นเขาเป็นที่ปรึกษาของรัฐ ... มันไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนใดเลย.. ประชุมลับ มส นั่นยังให้ความดราม่าซับซ้อนกว่าอีก
3.บิดเบือนประเด็นผู้ตรวจการฯ ไม่ควรตีความเรื่องสงฆ์.. อ้าววว ก็เขาตีความเรื่องอำนาจนายกฯ ในการเริ่มต้นเขี่ยลูก ไม่ได้ตีความมติของสงฆ์เสียหน่อย จะเลือกใครก็เลือกใครไปสิ แต่ผิดขั้นตอนล้ำหน้าอำนาจนายกฯ หรือเปล่า?.. ที่ผ่านมาก็เริ่มต้นโดยรัฐทั้งนั้น เพียงแต่ไม่เคยมีนายกฯ ลงมาเสนอเองโดยตรง.. แต่ในเมื่อกระบวนการเราไม่มีกำกับขั้นตอนด้วยกฎกระทรวงชัดเจนเหมือนศาสนาอื่น เมื่อปรับข้อกฏหมายมาแบบนี้ก็ทำให้นายกฯ เป็นจุดโฟกัสขึ้นมาซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของข้อกฎหมาย
เจ้าคุณเบลอลิน... มั่วบ่อยๆ ระวังราคาตกนะครับ..
ฝ่ายสนับสนุนดูเหมือนจะมีเอกภาพกันมากในการวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนใหญ่จะรอตามการออกความเห็นของผู้นำประเด็น เช่น เจ้าคุณเบลอลิน หรือหลวงพี่ประสานงา เป็นต้น.. การหวังพูดคุยใดใดกับกลุ่มที่มีลักษณะเช่นนี้ค่อนข้างป่วยการเปล่า.. หวังได้แต่ให้ไทยมุงทั้งหลายแหล่ได้เห็นทัศนคติใคร่ครวญให้รอบด้านมากขึ้นก็เท่านั้น
ช่วงนี้ที่เห็นหลวงพี่เจ้าคุณเบลอลินเล่นนำประเด็นบ่อยๆ ก็คือเรื่องการตีความมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นออกมา 2 เรื่องติดๆ ต่อเนื่อง... เด่นมากๆ กับการหยิบเพียงบางด้านของข้อเท็จจริงมาเล่าโดยหวังผลให้คนทั่วไปเข้าใจตรงข้ามกับข้อเท็จจริงเหล่านั้น... แต่ยุคสมัยนี้มันสมัยไหนแล้ว ทำแบบนี้มากๆ พิจารณาต้นบทความกับปลายบทความก็รู้แล้วว่าอะไรจริงอะไรปลอม.. หลวงพี่มั่วแบบนี้บ่อยๆ จะราคาตกเอานะครับ
1.เทียบกระบวนการกับศาสนาอื่น ซึ่งก็อ้างผิดๆ เพราะกระบวนการของเขาก็เริ่มจากกระทรวงมหาดไทยหรือฝ่ายอาณาจักรเป็นผู้เริ่ม.. ดีที่ไม่ถูกสวนมาจากทางเขา จะอับอายกันถ้วนหน้า
2.โจมตีผู้ตรวจการฯ ว่ามีเล่ห์ลากยาว... (ที่จริงที่เห็นชัดๆ ก็นายกฯ นี่แหละลากยาว... ไม่เล่นเขาหรือ?) .. ไม่รู้จริงๆ หรือครับว่าถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาอย่างเราๆ ท่านไม่มีทางได้ใช้บริการของคณะกรรมการกฤษฎีกาฯ แน่ๆ เพราะนั่นเขาเป็นที่ปรึกษาของรัฐ ... มันไม่มีอะไรซับซ้อนซ่อนเงื่อนใดเลย.. ประชุมลับ มส นั่นยังให้ความดราม่าซับซ้อนกว่าอีก
3.บิดเบือนประเด็นผู้ตรวจการฯ ไม่ควรตีความเรื่องสงฆ์.. อ้าววว ก็เขาตีความเรื่องอำนาจนายกฯ ในการเริ่มต้นเขี่ยลูก ไม่ได้ตีความมติของสงฆ์เสียหน่อย จะเลือกใครก็เลือกใครไปสิ แต่ผิดขั้นตอนล้ำหน้าอำนาจนายกฯ หรือเปล่า?.. ที่ผ่านมาก็เริ่มต้นโดยรัฐทั้งนั้น เพียงแต่ไม่เคยมีนายกฯ ลงมาเสนอเองโดยตรง.. แต่ในเมื่อกระบวนการเราไม่มีกำกับขั้นตอนด้วยกฎกระทรวงชัดเจนเหมือนศาสนาอื่น เมื่อปรับข้อกฏหมายมาแบบนี้ก็ทำให้นายกฯ เป็นจุดโฟกัสขึ้นมาซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของข้อกฎหมาย