ลาก่อนแชมป์เปียนส์ลีก

หมดลุ้นอีก 1 รายการเป็นที่เรียบร้อยของเชลซี หลังจากที่เมื่อคืนวันพุธ (9/3/16) โดนปารีส แซงต์ แชร์กแมง บุกมาเอาชนะได้ถึงถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์ 1-2 ทำเอาตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย เหมือนฉายหนังเก่าเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เพราะนอกจากหยุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้แล้ว ทีมที่เขี่ยสิงห์บูลตกรอบก็ยังเป็น เปแอสเช เจ้าเดิมอีกด้วย

    สิ่งที่เชลซีเสียหายไม่ใช่แค่ตกรอบแชมป์เปียนส์ลีกเท่านั้น แต่มันแทบจะเป็นการการันตีแล้วว่าเชลซีจะอดไปเล่นถ้วยนี้อย่างแน่นอนในฤดูกาลหน้า เพราะถึงแม้ในทางทฤษฎี จะยังมีโอกาสอยู่ ถ้าดูจากอันดับในพรีเมียร์ลีก เนื่องจาก ณ วันที่เขียนบทความนี้ (11/3/16) ทีมสิงห์บูลอยู่อันดับที่ 10 มี 40 คะแนน ห่างจากพื้นที่โควตาแชมป์เปียนส์ลีก หรืออันดับที่ 4 ซึ่งก็คือ แมนฯซิตี้ อยู่ 10 คะแนน กับ 9 นัดที่เหลืออยู่ นั้นคือถ้าเชลซีเก็บชัยชนะได้ทุกนั้นจะมี 67 คะแนนเต็ม เหมือนฝัน

    ดูจากทีมที่มีอันดับในตารางอยู่เหนือเชลซีขึ้นไป จนถึงพื้นที่โควตาแชมป์เปียนส์ลีก ก็นับได้ 6 สโมสรด้วยกัน ถ้าอยากให้ฝันเป็นจริง ก็ต้องลุ้นให้ทั้ง 6 สโมสรนี้พลาดท่าสะดุด 3-4 นัดขึ้นไป ซึ่งในโลกความเป็นจริงแล้วยากมาก ยิ่งถ้าจะคิดว่าแมนฯซิตี้จะแพ้ 3-4 นัด เป็นไปได้ยากมากๆ

    แล้วไม่ใช่แค่แช่งทีมอื่นอย่างเดียว ต้องหันกลับมามองที่ทีมสิงห์บูลด้วยว่า จะเลิกสะดุดขาตัวเอง แล้วเก็บ 3 แต้มทุกนัดที่เหลือได้หรือเปล่า เอาแค่นัดคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (5/3/16) เชลซีรับการมาเยือนของสโต๊กซิตี้ ทีมที่ชื่อชั้นต่ำกว่า แต่อันดับกลับสูงกว่า เกมนัดนั้นถือเป็นนัดสำคัญนัดหนึ่งเลยทีเดียว แต่กลับทำได้แค่เสมอ 1-1 ในบ้าน ถือว่าเสียหายอย่างมาก เพราะไม่สามารถเก็บคะแนนกับทีมที่มีอันดับสูงกว่าตัวเองได้

    ผลงานของเชลซี นับตั้งแต่กุส ฮิดดิ้งค์ คุณลุงผู้ใจดีเข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราวต่อจากโชเซ่ มูรินโญ่ จะมีผลงานที่ดีขึ้นอย่างผิดตา และไม่แพ้ใครเลยในลีก แต่ก็ไม่ได้ชนะเป็นกอบเป็นกำ ออกไปทางเสมอเยอะ ซึ่งเอาจริงๆ แล้วผลงานของเชลซีไม่ได้ดีขึ้นอย่างผิดตา แต่เป็นผลงานที่ทีมที่มีผู้เล่นระดับนี้ควรทำได้มากกว่า แต่ในยุคที่กุนซือหน้าเครียดคุมทีมแพ้ 9 นัด นั้น ทีมทำผลงานแย่ลงอย่างผิดตาตะหาก

    9 นัดที่เหลือของเชลซี จึงยากถึงยากมากๆ ที่จะทำให้ทีมขึ้นไปยืนอยู่ในพื้นที่โควต้าแชมป์เปียนส์ลีกได้ เอาว่าแค่ พื้นที่โควต้ายูโรปาลีกก็ยากแล้วตอนนี้ ทางออกของสิงห์บูลเหลือเพียงชนะบอลถ้วยเอฟเอคัพ เพื่อชิงสิทธิ์ผู้ชนะบอลถ้วยไปเล่นถ้วยยุโรปนี้แทน ว่ากันว่าอาจจะง่ายกว่าการทำอันดับในลีกด้วยซ้ำ ซึ่งอย่างน้อยๆ ต้องได้เข้าชิง กับทีมที่ได้อันดับไปเล่นแชมป์เปียนส์ลีกแล้วยิ่งดี แต่ถ้าตกรอบก่อนขึ้นมา ก็ถือว่าปีหน้าจะไม่มีชื่อสโมสรเชลซีในเวทียุโรปเลย

    นับตั้งแต่โรมัน อับราโมวิช ซื้อสโมสรเชลซี ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา ทีมสิงห์บูลไม่เคยพลาดที่จะไปเล่นรายการชิงถ้วยหูช้าง แชมป์เปียนส์ลีก แม้แต่ฤดูกาลเดียว ขนาดฤดูกาล 2011-2012 ที่อันดับในลีกไม่เป็นใจ แต่ทีมสิงห์บูลก็ยังสามารถทำปาฏิหาริย์คว้าถ้วยหูช้างมาครองได้สำเร็จ จนได้โควตาทีมแชมป์ลงแข่งฤดูกาลต่อไปได้ แถมฤดูกาลต่อมา 2012-2013 ขนาดตกรอบตั้งแต่ไก่โห โดน ยูเว่นตุส เขี่ยตกรอบแบ่งกลุ่มไปเล่นถ้วยยูโรป้า แต่สุดท้ายสิงห์บูลก็รวมพลัง คว้าแชมป์ถ้วยยุโรปใบเล็กนี้มาแทนจนได้ และยังได้สิทธิ์กลับขึ้นมาเล่นแชมป์เปียนส์ลีกฤดูกาลถัดไปในฐานะแชมป์ยูโรป้า แต่ไม่ใช่ในปีนี้ ที่ถือว่าเป็นยุคตกต่ำสุดๆ ของเสี่ยหมีก็ว่าได้

    การไม่ได้ไปเล่น แชมป์เปียนส์ลีก ปีหน้านั้น จะส่งผลเสียต่อรายได้อันมหาศาล ทั้งจากเงินรางวัลและค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด เฉพาะเงินรางวัลแค่ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มของแชมป์เปียนส์ลีก ต่อให้แพ้รวดก็ฟาดเงินไปมากกว่า 10 ล้านยูโรแล้ว นี่ไม่นับค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดอีก ยิ่งถ้าเป็นทีมดังเจอทีมดังด้วยกันไม่ต้องพูดถึงว่ารายได้จะขนาดไหน แต่ลำพังปัญหาเรื่องเงินอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตของทีมเสี่ยหมี เพราะมีเงินถุงเงินถังไว้ให้ถลุงใช้กันไม่อั้น แต่จะมีปัญหากับกฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ที่บีบให้สโมสรต้องใช้จ่ายเงินไม่มากไปกว่ารายได้ที่ได้รับ หรืออย่างน้อยๆ มีหนี้ ติดตัวแดง ไม่เกินกว่าที่ทางยูฟ่ากำหนด เพราะการไม่ได้ไปเล่นแชมป์เปียนส์ลีก แน่นอนรายรับของสโมสรจะหายไปเยอะมาก เชลซีของเสี่ยหมีก็ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นในการใช้จ่ายเงินเพื่อไม่ให้ผิดกฏไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ที่อุส่าทำดีมากตลอดในช่วง 5 ปีหลังมา

    แถมทีมสิงห์บูลยังต้องพยายามรักษาสปอนเซอร์ของทีมเอาไว้ให้เหนียวแน่น ยิ่งถ้าสุดท้ายพลาดท่าแม้แต่โควต้ายูโรป้าก็ไม่ได้ไปกะเขานี่ ไม่น่าจะมีสปอนเซอร์รายใหม่ๆ ใหญ่ๆ เข้ามาแน่นอน แต่ปัญหานี้ไม่น่ากระทบมากเพราะเครดิตในทางธุรกิจของเจ้าของทีมยังดีมากๆ

    แต่ปัญหาที่น่ากังวลคือนักเตะ ในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ การย้ายทีมไม่ใช่เรื่องยากแบบในอดีต ไม่ว่าจะเป็นกฎบอสแมน หรือแม้แต่การซื้อสัญญาของตัวเองได้ บวกกับการจะหานักเตะที่รักสโมสรอย่างแท้จริง มันยากมากๆ เชลซีต้องคิดให้หนักว่าจบฤดูกาลนี้แล้ว จะเหลือนักเตะที่ยังรักสโมสรและอยู่กับสโมสรต่อไปกี่คน ยิ่งการไม่ต่อสัญญากับมิสเตอร์เชลซี จอห์น เทอร์รี่ ถือว่าเป็นการเสี่ยงอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมพวกนักเตะซูปตาของทีมที่ไม่รู้ว่าเงื่อนไขสัญญาจะมีระบุค่าตัวขั้นต่ำไว้ว่าย้ายทีมได้เมื่อไม่ได้ไปเล่นแชมป์เปียนส์ลีกด้วยหรือเปล่า ที่แน่ๆ คิดในจุดที่แย่ที่สุดคือไม่ได้เล่นถ้วยยุโรปใดๆเลยในฤดูกาลหน้า พวกทีมยุโรปใหญ่ๆ ทีมอื่นที่ได้โควตาไปเล่นอาจจะมีข้อเสนองามๆ มาล่อใจนักเตะออกไปจากถ่ำสิงห์ก็เป็นไปได้

    ยิ่งตอนนี้อนาคตของทีมยังไม่เห็นแสงในปลายอุโมงค์ โดยเฉพาะตำแหน่งผู้จัดการทีมในฤดูกาลหน้าว่าจะได้ใครเข้ามาช่วยให้อดีตทีมบิ๊กโฟร์ทีมนี้กลับมายืนผงาดอีกครั้ง ฟังดูเหมือนจะมีแต่ปัญหารออยู่ แต่บางทีอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่เสียหมีจะขจัดปัญหาภายในทีมให้หมด และเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

http://ift-sport.com/columnist-view?lid=999&&nid=249
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่