ได้ไปแสดงความคิดเห็นไว้ในกระทู้หนึ่งเมื่อวาน และเช้านี้ได้หยิบอ่านหนังสือฉบับหนึ่งที่ยังคงเขียนเล่นงานคุณสรยุทธอย่างหนักหน่วงและรุนแรง และเท่าที่ทราบบุคคลสำคัญของหนังสือเล่มนั้นก็จัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ 1 ด้านล่างนี้ เลยขอยกความเห็นมาตั้งกระทู้นี้อีกครั้ง
ถ้าจะแยกบุคคลที่ทำความผิดเหมือนกันออกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนกลุ่มที่ทำดีไม่เคยทำอะไรผิด(จนตกเป็นข่าว) เลยเราไม่พูดถึง เพราะคือส่วนใหญ่ของสังคมอยู่แล้ว
กลุ่มที่ 1 คนเดิมๆ คนเหล่านั้นที่ใครๆก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าพัวพันการโกงแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ได้มีความโดดเด่นในแง่บวกสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคม การรณรงค์ หรือ การจัดแคมเปญต่างๆที่มีประโยชน์ต่อสังคม เป็นกลุ่มคนสีเทาเปื้อนสีดำที่เห็นกันเกลื่อนในจอทีวี
กลุ่มที่ 2 สังคมได้รับรู้การโกงของคนๆนี้เป็นครั้งแรก เป็นคนที่ใครๆก็นิยมชมชอบ ที่ผ่านมาแทบจะไม่เห็นข่าวเสียหายใดๆ ทำความดีให้สังคมเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆด้าน หลายๆเรื่องด้วยกัน เราจะเรียกว่า กลุ่มคนสีขาวเปื้อนสีดำ
เราจะเห็นว่า กลุ่มที่ 2 มักจะได้รับการลงโทษจากสังคมที่รุนแรงกว่า (โดยกฏหมายอาจเท่ากัน) เคยสงสัยหรือไม่ว่าเพราะอะไร ปัจจัยพื้นฐานคงหนีไม่พ้นคนรักเยอะ คนเกลียดเยอะ ทำผิดเลยโดนด่าเยอะ โดนกระทืบหนัก
ส่วนกลุ่มที่ 1 สังคมค่อนข้างจะเฉยเมยกับการทำความผิดเดิมๆ ซ้ำซาก อาจไม่ได้ร้บความศรัทธาจากสังคม แต่สังคมไม่ตื่นตัวที่จะกดดันหรือกำจัด เพราะความเคยชิน ทำผิดจนเป็นเรื่องปกติ เหมือนสีดำบนเสื้อเทา ไม่โดดเด่น ในขณะที่สีดำบนเสื้อขาวมันเห็นชัดเหลือเกินมองข้ามไม่ได้ ต้องจัดการอะไรสักอย่าง
ดังนั้นการลงโทษคนกลุ่มที่ 2 จึงมักจะแรงกว่ากลุ่มที่ 1
แต่... กลุ่มบุคคลที่พากันก่นด่า กดดันกลุ่มคนที่ 2 ออกไป และเมินเฉยกับกลุ่มคนที่ 1 ได้เคยตระหนักหรือไม่ว่านั่นคือการเอาคนที่มีดี มีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าออกไปจากสังคม แล้วคุณจะเหลือคนประเภทไหนไว้ประดับสังคม เราคือส่วนสำคัญของการเลือกสังคมที่น่าอยู่ อย่าปล่อยให้พวกที่ชี้นำสังคมด้วยอคติ ด้วยความริษยา ด้วยผลประโยชน์ ใช้ความเป็นสื่อ ใช้อำนาจหน้าที่ใหญ่โต ใช้ตำแหน่งสูงๆ หรือใช้ปริญญาหลายๆใบมาผลักให้หันไปตามทิศทางที่เขาต้องการ เราคิดเองได้ว่า ใครที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากกว่าใคร และเราขอเลือกเอง
ทุกคนเรียกร้องหาคุณธรรม จริยธรรมต้องการคนดีในสังคมจนลืมความเป็นจริงไปว่า คนก็คือคน มีถูกผิด ชั่วดีปะปนกัน เราไม่อาจหาคนที่ดีที่สุดได้ เราหาได้แค่คนที่เลวน้อยที่สุดเท่านั้นเอง
คนทำความดี ทำผิด VS คนไม่ค่อยทำดี ทำผิด
ถ้าจะแยกบุคคลที่ทำความผิดเหมือนกันออกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนกลุ่มที่ทำดีไม่เคยทำอะไรผิด(จนตกเป็นข่าว) เลยเราไม่พูดถึง เพราะคือส่วนใหญ่ของสังคมอยู่แล้ว
กลุ่มที่ 1 คนเดิมๆ คนเหล่านั้นที่ใครๆก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าพัวพันการโกงแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ได้มีความโดดเด่นในแง่บวกสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือสังคม การรณรงค์ หรือ การจัดแคมเปญต่างๆที่มีประโยชน์ต่อสังคม เป็นกลุ่มคนสีเทาเปื้อนสีดำที่เห็นกันเกลื่อนในจอทีวี
กลุ่มที่ 2 สังคมได้รับรู้การโกงของคนๆนี้เป็นครั้งแรก เป็นคนที่ใครๆก็นิยมชมชอบ ที่ผ่านมาแทบจะไม่เห็นข่าวเสียหายใดๆ ทำความดีให้สังคมเป็นที่ประจักษ์ในหลายๆด้าน หลายๆเรื่องด้วยกัน เราจะเรียกว่า กลุ่มคนสีขาวเปื้อนสีดำ
เราจะเห็นว่า กลุ่มที่ 2 มักจะได้รับการลงโทษจากสังคมที่รุนแรงกว่า (โดยกฏหมายอาจเท่ากัน) เคยสงสัยหรือไม่ว่าเพราะอะไร ปัจจัยพื้นฐานคงหนีไม่พ้นคนรักเยอะ คนเกลียดเยอะ ทำผิดเลยโดนด่าเยอะ โดนกระทืบหนัก
ส่วนกลุ่มที่ 1 สังคมค่อนข้างจะเฉยเมยกับการทำความผิดเดิมๆ ซ้ำซาก อาจไม่ได้ร้บความศรัทธาจากสังคม แต่สังคมไม่ตื่นตัวที่จะกดดันหรือกำจัด เพราะความเคยชิน ทำผิดจนเป็นเรื่องปกติ เหมือนสีดำบนเสื้อเทา ไม่โดดเด่น ในขณะที่สีดำบนเสื้อขาวมันเห็นชัดเหลือเกินมองข้ามไม่ได้ ต้องจัดการอะไรสักอย่าง
ดังนั้นการลงโทษคนกลุ่มที่ 2 จึงมักจะแรงกว่ากลุ่มที่ 1
แต่... กลุ่มบุคคลที่พากันก่นด่า กดดันกลุ่มคนที่ 2 ออกไป และเมินเฉยกับกลุ่มคนที่ 1 ได้เคยตระหนักหรือไม่ว่านั่นคือการเอาคนที่มีดี มีประโยชน์ต่อสังคมมากกว่าออกไปจากสังคม แล้วคุณจะเหลือคนประเภทไหนไว้ประดับสังคม เราคือส่วนสำคัญของการเลือกสังคมที่น่าอยู่ อย่าปล่อยให้พวกที่ชี้นำสังคมด้วยอคติ ด้วยความริษยา ด้วยผลประโยชน์ ใช้ความเป็นสื่อ ใช้อำนาจหน้าที่ใหญ่โต ใช้ตำแหน่งสูงๆ หรือใช้ปริญญาหลายๆใบมาผลักให้หันไปตามทิศทางที่เขาต้องการ เราคิดเองได้ว่า ใครที่จะทำประโยชน์ให้กับสังคมได้มากกว่าใคร และเราขอเลือกเอง
ทุกคนเรียกร้องหาคุณธรรม จริยธรรมต้องการคนดีในสังคมจนลืมความเป็นจริงไปว่า คนก็คือคน มีถูกผิด ชั่วดีปะปนกัน เราไม่อาจหาคนที่ดีที่สุดได้ เราหาได้แค่คนที่เลวน้อยที่สุดเท่านั้นเอง