พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) แสงที่ ๑ แสงแรก




พันแสงรัก (ภาคต่อภูพันแสง) บทนำ ==>> http://pantip.com/topic/34847580


ตอนที่ ๑ แสงแรก

    
รถยนต์สีดำติดฟิล์มทึบสองคันแล่นตามกันเข้ามาในบริเวณลานจอดรถ คราบดินลูกรังที่บางจุดยังไม่แห้งดีและฝุ่นที่จับหนาเต็มพื้นผิวรถ บอกให้รู้ว่าก่อนหน้านี้รถทั้งสองคันนี้คงตะลุยไปทั่วมาแล้ว

พนักงานของร้านอาหารปราดเข้ามาค้อมศีรษะลงเปิดประตูรถให้แทบจะทันทีที่รถจอดสนิท

    กลุ่มชายฉกรรจ์ในเครื่องแต่งกายสีดำสนิทคล้ายคลึงกัน คือ กางเกงสแล็คเนื้อหนา เสื้อยืดดำคลุมทับด้วยแจ๊คเก็ตหนัง ก้าวลงมาจากรถทั้งสองคัน

    ชายหนุ่มผู้สวมแว่นตาดำ ดูโดดเด่นกว่าทุกคนที่ห้อมล้อมเขาอยู่ ด้วยบุคลิกฉายชัดถึงความเป็นผู้นำ ท่วงท่าการก้าวเดินตรง บอกถึงความมั่นใจในอำนาจ ไม่หวั่นเกรงว่าจะต้องเผชิญกับสิ่งใด...

    แม้จะอยู่ในแดนศัตรู!

    ผู้ติดตามทั้งกลุ่ม กวาดสายตาระแวดระวังเพื่อประเมินความปลอดภัยไปรอบบริเวณ แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงแค่ร้านอาหารริมชายหาด แต่ตราบใดที่ลมหายใจฝากไว้กับความปลอดภัยของว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปของการ์เมียน พวกเขาก็จะปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นไม่ได้โดยเด็ดขาด

ไฟทรงกลมดวงน้อยแขวนเรียงรายเป็นสาย ด้านในตกแต่งโทนสีฟ้าขาว มีประภาคารขนาดน่ารักวางประดับตามมุมต่างๆ บรรยากาศภายในร้านสงบจนคนทั้งกลุ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น

    ในร้านยังไม่มีลูกค้านั่งอยู่เลย อาจจะเพราะผลพวงจากสงครามที่ยืดเยื้อยาวนาน ทำให้เศรษฐกิจของที่นี่ไม่ดีนัก ผู้ที่จะมานั่งลิ้มรสอาหารชั้นเลิศท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกริมทะเลแบบนี้ได้ คงมีแต่ผู้มีอันจะกินจริงๆ เท่านั้น หรือไม่ก็พวกนักธุรกิจที่มาเจรจาซื้อขายสินค้าของตนที่ท่าเรือแห่งนี้และกระเป๋าหนักพอที่จะนั่งร้านอาหารระดับนี้ได้

    ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปยังโซนที่เป็นระเบียงเอาท์ดอร์ยื่นออกไปในทะเล เลือกโต๊ะอาหารในมุมที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด ไม่อยากให้การล่วงล้ำเข้ามาถึงดินแดนศัตรูคู่สงครามคราวนี้แพร่ออกไป เพราะภารกิจที่นำพาเขามาถึงที่นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเปิดเผยเช่นกัน

    “อย่าทำอะไรให้ผิดสังเกต” เขาสำทับผู้ติดตามเสียงเรียบเมื่อเห็นบริกรนำรายการอาหารมาให้เลือก ปล่อยให้หน้าที่ในการสั่งอาหารเป็นของมาวิน ผู้เปรียบได้ดังมือขวาของเขา

    เมื่อทรุดตัวลงนั่ง ทอดสายตามองท้องทะเลสีฟ้าครามต้องแสงแดดเป็นประกายระยับกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ฟังเสียงคลื่นซัดสาดเข้ามาเคล้ากับเพลงแจ๊ซหวานๆ ของร้าน ชายหนุ่มก็เริ่มทบทวนสิ่งที่ยังไม่รู้คำตอบกระจ่าง ดวงตาดำใหญ่หลังแว่นตาดำทอประกายครุ่นคิดเมื่อตกอยู่ในภวังค์ส่วนตัว

หรือว่า... เขาตัดสินใจหวนกลับมาที่นี่อีกครั้งช้าเกินไป หลักฐานหรือเบาะแสที่ควรจะได้พบบ้างจึงไร้ร่องรอยแบบนี้

    ท่าเรือโฮม่า... ในเขตแดนของรัฐสิมขาล

    ใคร? ที่มันกล้าคิดร้ายต่อบุคคลในครอบครัวประธานาธิบดีแห่งการ์เมียน กล้าลงมือทำร้ายตโมนุท แล้วจับใส่ตู้คอนเทนเนอร์เป็นเหยื่อล่อเพื่อสังหารเขา

    อำนาจและผลประโยชน์... หอมหวานและเย้ายวนชวนให้ไขว่คว้ามาครอบครอง ชายหนุ่มแน่ใจ... มีเกลือเป็นหนอนแฝงตัวอยู่ใกล้ๆ เขาแน่นอน

    มันเป็นใคร?

ให้เขารู้เมื่อไหร่เถอะ จะกวาดเสี้ยนเล็กๆ พวกนี้ไม่ให้หลงเหลือมาคอยทิ่มตำอยู่บนเก้าอี้แห่งอำนาจเด็ดขาด ระบบการปกครองของการ์เมียนควรจะถึงเวลามั่นคงและเสถียรภาพที่สุดได้แล้ว ประเทศจะได้ก้าวไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังเสียที ไม่ล้าหลังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างทุกวันนี้

    เมื่อคิดไปถึงน้องสาวต่างมารดาอย่างตโมนุท พี่ชายร่วมบิดาอย่างเขาก็อดยินดีด้วยไม่ได้ ถ้าตัดความเป็นศัตรูกันออกไป ชายหนุ่มผู้ที่น้องตาโมของเขากุมหัวใจไว้ได้ ก็คือ...ชายชาติทหารที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจอย่างยากที่แม้แต่เขาเองจะเทียบได้ มั่นใจว่าน้องจะได้ผู้ปกป้องดูแลให้มีความสุขไปได้จนชั่วชีวิต

    ล่าสุด... ข่าวที่ทางการต่างประเทศสิมขาลยืนยันมา น้องสาวลูกครึ่งการ์เมียน – สิมขาล ของเขากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับบาวี ซึ่งถือเป็นผู้นำสูงสุดทางทหารของสิมขาลอย่างไศลในอีกสองเดือนข้างหน้า

    และเขาก็ตั้งใจที่จะเดินทางไปร่วมแสดงความยินดีถึงในแดนคู่สงคราม... ด้วยตัวเอง

    ในเมื่อทั้งร้านมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เพียงกลุ่มเดียว ไม่นานนักอาหารขึ้นชื่อของร้านที่มาวินสั่งไปก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟโดยบริกรในชุดพื้นเมืองที่ดูเหมือนชาวสิมขาลทุกคนจะยังนิยมแต่งกายแบบนั้น ยิ่งทำให้กลุ่มของเขายิ่งดูแปลกแยกจากที่นี่

    “เสร็จจากที่นี่แล้ว ท่านจะไปที่ไหนต่อหรือเปล่าครับ” มาวินถามขึ้นอย่างสุภาพ เมื่อแน่ใจว่าเสียงของเขาจะไม่ดังไปถึงหูบริกรที่เดินกลับห่างออกไปไกลแล้ว

    ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมสันหันไปมองคนสนิท รู้ดีว่ามาวินจะต้องไปตระเตรียมกับผู้ติดตามทุกคนเพื่อรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมที่สุด

“ไปสำรวจเส้นทางที่จะลงทะเลได้”

    ผู้ติดตามหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันกับเจ้านายแต่ดูเอาจริงเอาจังกว่ามากมีสีหน้าหนักใจปรากฏขึ้นให้เห็นทันที การเล็ดลอดเข้ามาเหยียบชายแดนสิมขาลแม้จะเป็นเพียงแค่ชายแดนริมทะเลแบบนี้ก็นับว่ายากเย็นแล้ว นี่ถึงขั้นจะเข้าไปสำรวจเส้นทาง เสี่ยงกับด่านตรวจและกองลาดตระเวนของไศลที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยปล่อยให้ศัตรูล่วงล้ำเข้าไปได้

    “จะดีหรือครับ”

    ไม่ใช่แค่มาวินคนเดียวที่หวั่นเกรงอันตราย ผู้ติดตามทุกคนที่ได้ยินล้วนแสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปตามๆ กันเมื่อได้ยินคำสั่งของเขา

    “เรายังไม่พบหลักฐานอะไรเลย แล้วอีกอย่าง... เราจำเป็นต้องรู้เส้นทางแถบนี้อย่างละเอียด”

นายทหารที่คิดจะหันมาพัฒนาด้านเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างจริงจัง เป็นผู้วางฐานรากเมกะโปรเจ็คท์ที่จะทำให้การ์เมียนกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อการค้าทางทะเลในภูมิภาคนี้เพื่อให้ปากท้องของทุกผู้คนในแผ่นดินอิ่มหนำขึ้น ยืนยันหนักแน่นอย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้วแม้จะรู้ถึงความหนักใจของทุกคนดีก็ตาม

    “คุณก็รู้นี่ว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษที่วินนายของเราต้องการเส้นทางมากมายเพื่อขนส่งวัตถุดิบหรือแม้กระทั่งสินค้าต่างๆ ที่จะต้องผ่านเข้าออก หรืออย่างน้อย เราก็ต้องมีเส้นทางที่จะใช้ติดตั้งสถานีไฟฟ้าแรงสูงจากชายแดนด้านตะวันออกของสิมขาล”

    ชายแดนด้านตะวันออกของสิมขาล... อุดมด้วยห่านหินลิกไนต์ถึงหนึ่งร้อยยี่สิบล้านตัน สามารถป้อนให้โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตสี่ร้อยเมกะวัตต์ได้ยี่สิบห้าปีสบายๆ เหมาะที่จะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นที่นั่นเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าไปหล่อเลี้ยงโครงการเมกะโปรเจ็คท์ของเขาได้อย่างดี ถึงแม้จะยังมองไม่เห็นหนทางว่าจะบุกเข้าไปสร้างโรงไฟฟ้าตรงนั้นได้อย่างไรก็ตาม

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ” มือขวาคนสนิทค้อมศีรษะรับคำในที่สุด แวววิตกกังวลบนสีหน้าที่ไม่เคยมีรอยยิ้มของมาวินดูชัดเจนยิ่งขึ้น อดีตนายทหารที่ห้าวหาญและฝีมือดีจนได้มาเป็นหัวหน้าผู้ติดตามของบุตรชายประธานาธิบดี รู้เสียยิ่งกว่ารู้ถึงฤทธิ์เดชของทหารสิมขาล


คณะของชายชุดดำยังไม่ทันได้ออกจากร้านไปลูกค้าคณะใหม่ก็เดินจับกลุ่มเข้ามาในร้าน สองบริกรเดินนอบน้อมอย่างที่สุดนำคนทั้งกลุ่มไปยังโซนรับรองพิเศษที่จัดเตรียมภาชนะและอาหารสำหรับรับประทานเล่นไว้พร้อมแล้ว แสดงให้รู้ว่าคงมีการสั่งจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า

และที่สำคัญ... คงเป็นบุคคลสำคัญไม่น้อยของสิมขาล

มาวินหันไปมอง สบถหยาบคายออกมาคำหนึ่ง สีหน้ายิ่งเคร่งเครียดขึ้นเป็นลำดับตามประสาที่การรักษาความปลอดภัยจะมีความผิดพลาดไม่ได้ การต้องพบปะกับบุคคลในระดับผู้นำของสิมขาลในเวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเลยสักนิด เพราะรู้ดีว่าเป็นฝ่ายเล็ดลอดเข้ามาในแดนศัตรู

ในขณะที่ส่ายีกวาดตามองผ่านเพียงแวบเดียวอย่างไม่นึกพรั่นพรึง เลือดทหารเต็มตัวอย่างเขาก็เข้มข้นพอที่จะไม่หวั่นไหวไปง่ายๆ หากต้องเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่คิดมุ่งร้ายเขาในเวลานี้แม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ตาม

หากเพียงชั่วแวบเดียวที่กวาดตามองผ่านนั้น ก็มากพอที่จะทำให้สะดุดตากับร่างสูงเพรียวของสตรีเพียงคนเดียวที่เดินนำผู้ชายทั้งกลุ่มนั่นเข้ามาพร้อมทั้งเจรจาอะไรบางอย่างซึ่งผู้ฟังก็ผงกศีรษะรับด้วยดี

ส่ายีหันกลับไปมองซ้ำอีกครั้งอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ดวงตาใต้แว่นตาดำที่ทอดมองสตรีผู้นั้นเป็นประกายเจิดจ้า ความยินดีแล่นปราด

ในที่สุด เราก็ได้พบกันอีก...

และเพราะสนใจหญิงสาวผู้นั้นอยู่ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากรู้ว่าเธอมากับใคร แล้วมาทำอะไรถึงชายแดนริมทะเลแห่งนี้

พลันคิ้วเข้มหนาได้รูปขมวดมุ่น เมื่อเห็นผู้ร่วมคณะที่มาพร้อมเธอถนัด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่