ผมไม่คิดเลยว่ากรณีนักสื่อสารมวลชนบุคคลสาธารณะหนึ่งคน โดนศาลตัดสินผิดกรณีทุจริตและได้แสดงอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่ดีออกมาโดยการยุติการดำเนินรายการตนเอง จะส่งผลเป็นวงการแก่สังคมในบ้านเรา และสังคมครอบครัวของผม
สำหรับผมพอได้ทราบข่าวนี้ก็รู้ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เพราะข่าวนี้รับรู้มานานแล้วตั่งแต่ศาลยังไม่ตัดสิน จนศาลตัดสิน ผมก็ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าผิดหวังในตัวคุณสรยุทธแต่อย่างไร เพราะคิดว่าคนทุกคนในโลกใบนี้ จะต้องมีผิดพลาดกันทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง แต่บุคคลสาธารณะนั้นย่อมจะเป็นจุดสนใจของคนในสังคมเหมือนว่าตนเองอยู่ในที่สว่าง
และตัวผมเองก็มีจิตวิญญาณของคนธรรมดาว่า คนเราทำผิดก็ยอมรับผิด ยอมรับในบทลงโทษ กฎบัตรกฎหมายของบ้านเมือง เมื่อเขาได้ชดใช้ตามกฎหมายแล้ว ก็อยากให้สังคมอภัยมองว่าเขาก็คือสามัญชนหนึ่งในสังคมเช่นกัน เราจะขับไล่ให้เขาออกจากสังคมเราไปอยู่ที่ไหน ?( ผมพูดในกรณีคนทำความผิดและเมื่อพ้นโทษ ส่วนใหญ่กลับโดนสังคมประณามไร้ที่อยู่ หมดที่พึ่งพิงทางสังคม ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีนี้เลย แหะแหะ )
แต่เวลานี้ในครอบครัวและบุคคลรอบข้างกำลังถกเถียง สร้างประเด็นเกี่ยวกับกรณีคุณสรยุทธกันใหญ่ มีทั้งกลุ่มสนับสนุนและต่อต้าน (นี่เป็นเพราะพลังแห่งโซเชียลหรือเปล่าครับ ??) แบ่งข้างกันไปเลยนะครับ และสุดท้ายก็ถึงขั้นโยงใยไปเรื่องการเมืองกันเลย
ดังเช่นตัวผมเองนั้นรู้สึกเสียใจที่คุณสรยุทธได้ยุติการทำงาน เพราะยอมรับเลยครับว่าคุณสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการที่ทำให้ผมต้องติดตาม และเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ดีมาก คือคงจะหายากสำหรับผู้ดำเนินรายการเก่งๆแบบนี้ แต่ผมกลับปลื้มในตัวของคุณสรยุทธมากขึ้นที่แสดงจิตวิญญาณของนักสื่อสารมวลชนที่ดีออกมา เขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีของนักสื่อสารมวลชน เรื่องคดีความก็ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลกันต่อไป ถึงแม้คุณสรยุทธจะผิดก็จะผิดในฐานะนักธุรกิจที่อาจจะมองผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป และผมอยากจะให้กรณีของคุณสรยุทธเป็นจุดเริ่มต้นของจริยธรรมการต่อต้านทุจริต คอรับชั่นในประเทศไทยเรา ไม่อยากจะให้คนมองว่า ทุจริตนิดๆหน่อยๆก็ผ่านไป ไม่อยากให้มีการละเลยครับ ผมคิดว่าถ้าเราทุกคนตระหนักว่าการคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องจะโดนสังคมต่อต้าน ทุกคนก็จะไม่กล้าที่จะคอรัปชั่นเหมือนในประเทศที่พัฒนา
อยากจะให้ช่วยกันเสนอความคิดเห็นนะครับ จะเห็นต่างหรือเหมือนแต่ขอร้องนะครับอย่าให้เป็นเหตุแห่งความขัดแย้งนะครับ
กรณีศึกษา จริยธรรมคุณสรยุทธ จะเป็นจุดเปลี่ยนสังคมไทยได้หรือไม่ ?
สำหรับผมพอได้ทราบข่าวนี้ก็รู้ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย เพราะข่าวนี้รับรู้มานานแล้วตั่งแต่ศาลยังไม่ตัดสิน จนศาลตัดสิน ผมก็ต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึกว่าผิดหวังในตัวคุณสรยุทธแต่อย่างไร เพราะคิดว่าคนทุกคนในโลกใบนี้ จะต้องมีผิดพลาดกันทุกคนมากบ้างน้อยบ้าง แต่บุคคลสาธารณะนั้นย่อมจะเป็นจุดสนใจของคนในสังคมเหมือนว่าตนเองอยู่ในที่สว่าง
และตัวผมเองก็มีจิตวิญญาณของคนธรรมดาว่า คนเราทำผิดก็ยอมรับผิด ยอมรับในบทลงโทษ กฎบัตรกฎหมายของบ้านเมือง เมื่อเขาได้ชดใช้ตามกฎหมายแล้ว ก็อยากให้สังคมอภัยมองว่าเขาก็คือสามัญชนหนึ่งในสังคมเช่นกัน เราจะขับไล่ให้เขาออกจากสังคมเราไปอยู่ที่ไหน ?( ผมพูดในกรณีคนทำความผิดและเมื่อพ้นโทษ ส่วนใหญ่กลับโดนสังคมประณามไร้ที่อยู่ หมดที่พึ่งพิงทางสังคม ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีนี้เลย แหะแหะ )
แต่เวลานี้ในครอบครัวและบุคคลรอบข้างกำลังถกเถียง สร้างประเด็นเกี่ยวกับกรณีคุณสรยุทธกันใหญ่ มีทั้งกลุ่มสนับสนุนและต่อต้าน (นี่เป็นเพราะพลังแห่งโซเชียลหรือเปล่าครับ ??) แบ่งข้างกันไปเลยนะครับ และสุดท้ายก็ถึงขั้นโยงใยไปเรื่องการเมืองกันเลย
ดังเช่นตัวผมเองนั้นรู้สึกเสียใจที่คุณสรยุทธได้ยุติการทำงาน เพราะยอมรับเลยครับว่าคุณสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการที่ทำให้ผมต้องติดตาม และเป็นคนที่ควบคุมสถานการณ์ต่างๆได้ดีมาก คือคงจะหายากสำหรับผู้ดำเนินรายการเก่งๆแบบนี้ แต่ผมกลับปลื้มในตัวของคุณสรยุทธมากขึ้นที่แสดงจิตวิญญาณของนักสื่อสารมวลชนที่ดีออกมา เขาจะเป็นตัวอย่างที่ดีของนักสื่อสารมวลชน เรื่องคดีความก็ต้องไปต่อสู้ในชั้นศาลกันต่อไป ถึงแม้คุณสรยุทธจะผิดก็จะผิดในฐานะนักธุรกิจที่อาจจะมองผลประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป และผมอยากจะให้กรณีของคุณสรยุทธเป็นจุดเริ่มต้นของจริยธรรมการต่อต้านทุจริต คอรับชั่นในประเทศไทยเรา ไม่อยากจะให้คนมองว่า ทุจริตนิดๆหน่อยๆก็ผ่านไป ไม่อยากให้มีการละเลยครับ ผมคิดว่าถ้าเราทุกคนตระหนักว่าการคอรัปชั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องจะโดนสังคมต่อต้าน ทุกคนก็จะไม่กล้าที่จะคอรัปชั่นเหมือนในประเทศที่พัฒนา
อยากจะให้ช่วยกันเสนอความคิดเห็นนะครับ จะเห็นต่างหรือเหมือนแต่ขอร้องนะครับอย่าให้เป็นเหตุแห่งความขัดแย้งนะครับ