คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ความเป็นไปได้ว่าพระเจ้าไม่ใช่เอกภาพนั้นย่อมมีเมื่อเกิดความเป็นไปได้ในตัวตนของพระผู้เป็นเจ้าแล้ว แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าการเข้าถึงเอกภาพเช่นนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์หรือไม่อย่างไร เราจะรู้ได้เช่นไรว่าแท้จริงแล้วเหนือสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับพระเจ้าท่านมีความพหุภาพเช่นนั้นอยู่ จากความคิดเห็นที่8พระเจ้าคือการยกเว้นข้อจำกัดของสิ่งหนึ่งให้เหนือสิ่งอื่นทั้งปวงนั่นหมายความว่า ในขอบเขตทั้งปวงของเรานั้นคือมิติที่4 กว้าง ยาว ลึก และเวลา การที่พระเจ้าเป็นเช่นนั้นแล้วท่านย่อมอยู่ในมิติที่5หรือมากกว่า เราจึงมิอาจรู้ได้ถึงความเป็นพหุภาพที่ได้กล่าวมาเลย
แต่เราก็สามารถอธิบายได้ถึงความเป็นไม่เป็นเอกภาพหรือพหุภาพเหล่านั้นด้วยสิ่งที่เราเข้าใจได้ แต่จะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเพราะเป็นแค่ภาพสะท้อนจากมิติที่สู้งกว่าเท่านั้น ดังนั้นมันย่อมบิดเบี้ยวและขาดหายไป ไม่สมบูรณ์เหมือนภาพสามมิติที่สะท้อนลงในแผ่นกระดาษสองมิติ หากอธิบายเช่นนั้นแล้วก็ตอบคำถามในกระทู้นี้ได้แต่ย่อมมีข้อขัดแย้งในความไม่สมบูรณ์ตามมาเช่นกัน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าว่าสิ่งที่ดูแลเรา ชี้นำเรา ปกป้องเรา อยู่นี้เป็นพระเจ้า ในเมื่อพระเจ้าย่อมต้องเป็นหนึ่งเดียว หรือ จะตรงนิยามของคำว่าพระเจ้า เว้นเสียแต่ว่าสิ่งๆนั้นย่อมถูกสร้างขึ้นแต่มีมิติที่สูงกว่าเรา เช่นนั้นก็ย่อมตรงนิยามกับคำว่าเทพหรืออาจจะใกล้เคียงพระเจ้า แต่ไม่ใช่ เพราะเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าที่แท้จริง แม้เจ้าของกระทู้ได้กำหนดไว้ว่า สิ่งนั้นคือพระเจ้าองค์ที่สองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สำคัญเนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่มีความรู้ไม่เข้าใจในความหมายและนิยามของพระเจ้า ผมจึงขอตอบในสิ่งที่เจ้าของกระทู้กำหนดและถามไว้เท่านั้น
1. พระเจ้าที่สร้างทุกสิ่งหากไม่มีความประสงค์จะเป็นได้แค่ก็สร้างตามพลานุภาพปกติหรือเป็นการสร้างแบบสุ่มว่าสิ่งที่สร้างไปนั้นย่อมจะเกิดเป็นเป็นชีวิตได้หรือไม่ได้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีแบบแผน ท่านย่อมรู้หรือไม่มีรู้ในสิ่งที่สร้างก็ได้ ราวกับคนเราที่หายใจไปวันๆ แล้ววันดีคืนดีเกิดลมหายใจเรานั้นเจริญเป็นสิ่งมีชีวิต เช่นนั้นท่านย่อมไม่ใยดีต่อชีวิตเล็กๆเหล่านั้นเป็นธรรมดา แล้วต่อมาก็มี”พระเจ้าองค์ที่สอง” ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้สร้างสิ่งนั้น อาจมีอำนาจเหมือนท่านแรกหรืออาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าที่แท้จริงสร้างก็แล้วแต่ ในหลายๆศาสนาย่อมยึดในพระเจ้าองค์ที่สองเป็นพระเจ้าของพวกเขา แน่นอนว่ามันขัดกับพระประวัติข้อกำหนดนโยบายต่างๆในศาสนาว่าพระเจ้าย่อมสร้างทุกสิ่งและมนุษย์ เพียงแต่ด้วยเหตุที่ว่า ศาสนาย่อมก่อเกิดจากพระบัญชาหรือเกิดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวแก่มนุษย์ ดังนั้นไม่ว่า”พระเจ้าองค์ที่สอง”จะมีอำนาจเทียบเท่าหรือถูกสร้างโดยพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเองก็ตาม แต่”พระเจ้าองค์ที่สอง”เลือกที่จะสัมพันธ์กับมนุษย์ ดูแล ปกป้อง และชี้นำทางให้ซึ่งเป็นไปได้มากกว่าที่ศาสนาจะเกิดจากพระเจ้าที่ได้แต่สร้างไปเรื่อยไม่ใยดีพวกเขา พวกเขาจะโอดครวญขอร้อง สวดสรรเสริน นอบน้อมนับถือ ทำความดี ไปเพื่อใคร หากไม่ใช่คนที่รับฟังพวกเขา มีความรักกับพวกเขา ดูแลชี้นำทางพวกเขา ดังนี้”พระเจ้าองค์ที่สอง”ย่อมเป็นพระเจ้าของศาสนาต่างๆ
2. เหตุใด”พระเจ้าองค์ที่สอง”ถึงได้เลือก ดูแล ปกป้อง ชี้นำมนุษย์ ทั้งที่อาจจะไม่ได้รับบัญชาหรือถูกบัญชาให้ทำลาย ถ้าเป็นเช่นนั้น”พระเจ้าองค์ที่สอง”แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญกับมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่น แต่ด้วยเหตุผลใดนั้นต้องดูด้วยว่า “พระเจ้าองค์ที่สอง” ซึ่งแน่นอนว่าคอยดูแลมนุษย์จากมิติที่สูงกว่านั้นมีตรรกกะ เหตุผล และ อารมณ์เช่นมนุษย์นี้ไหม หากไม่ก็ไม่สามารถตอบได้หรือจะตอบได้ว่าท่านไม่ได้หวังอะไรจากมนุษย์เลย แต่หากใช่ก็เป็นไปได้หลายกรณีเช่นอาจจะรักใคร่เอ็นดู หรือแค่ต้องการให้มนุษย์อยู่กันปกติสุขเท่านั้น
3. หากมนุษย์รู้ว่าเป็นเช่นที่เจ้าของกระทู้กล่าวมานั้นจะเป็นเช่นไร ผมก็มิอาจตอบได้เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างผู้ต่างเหล่าย่อมคิดเห็นได้ต่างกัน บางคนอาจจะเคารพนับถือพระเจ้าที่แท้จริงบางคนอาจจะเคารพนับถือ”พระเจ้าองค์ที่สอง” แต่รู้เช่นนั้นย่อมตามมาซึ่งการถกเถียงและข้อขัดแย้งต่างๆแน่นอน ทั้งนี้ในความคิดของผมหากไม่สามารถนำข้อยุติมาได้และเกิดการต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อขึ้น ผมย่อมเลือกที่จะเคารพนับถือต่อ”พระเจ้าองค์ที่สอง”เพราะท่านเท่านั้นที่ดูแล ปกป้อง และชี้นำทางเรา ซึ่งดีกว่าการเคารพนับถือพระเจ้าที่สร้างเราแต่ไม่สนใจเราเลย และผู้ที่อยู่ข้าง”พระเจ้าองค์ที่สอง”นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่เป็นเหล่าสุดท้ายอย่างแน่นอน
4. ตามข้อ3มนุษย์นั้นย่อมมีทัศคติต่างกันไป แต่สำหรับผมนั้นเคารพนับถือในท่านที่ดูแล ปกป้อง ชี้นำเรามากกว่าที่จะไปนับถือพระเจ้าที่แท้จริงที่ไม่เห็นเราในสายตาอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องที่ท่านจะน้อยใจหรือไม่อย่างไรก็ต้องพิจารณาตามว่าท่านมีตรรกะ เหตุผล และอารมณ์แบบมนุษย์หรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าใช่ก็คงต้องลองสมมุติตัวเองเป็น”พระเจ้าองค์ที่สอง”ดูเอง และนำความรู้สึกนั้นมาตอบคำถามข้อนี้
แต่เราก็สามารถอธิบายได้ถึงความเป็นไม่เป็นเอกภาพหรือพหุภาพเหล่านั้นด้วยสิ่งที่เราเข้าใจได้ แต่จะไม่ถูกต้องเสียทีเดียวเพราะเป็นแค่ภาพสะท้อนจากมิติที่สู้งกว่าเท่านั้น ดังนั้นมันย่อมบิดเบี้ยวและขาดหายไป ไม่สมบูรณ์เหมือนภาพสามมิติที่สะท้อนลงในแผ่นกระดาษสองมิติ หากอธิบายเช่นนั้นแล้วก็ตอบคำถามในกระทู้นี้ได้แต่ย่อมมีข้อขัดแย้งในความไม่สมบูรณ์ตามมาเช่นกัน
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าว่าสิ่งที่ดูแลเรา ชี้นำเรา ปกป้องเรา อยู่นี้เป็นพระเจ้า ในเมื่อพระเจ้าย่อมต้องเป็นหนึ่งเดียว หรือ จะตรงนิยามของคำว่าพระเจ้า เว้นเสียแต่ว่าสิ่งๆนั้นย่อมถูกสร้างขึ้นแต่มีมิติที่สูงกว่าเรา เช่นนั้นก็ย่อมตรงนิยามกับคำว่าเทพหรืออาจจะใกล้เคียงพระเจ้า แต่ไม่ใช่ เพราะเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดยพระเจ้าที่แท้จริง แม้เจ้าของกระทู้ได้กำหนดไว้ว่า สิ่งนั้นคือพระเจ้าองค์ที่สองก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สำคัญเนื่องจากเจ้าของกระทู้ไม่มีความรู้ไม่เข้าใจในความหมายและนิยามของพระเจ้า ผมจึงขอตอบในสิ่งที่เจ้าของกระทู้กำหนดและถามไว้เท่านั้น
1. พระเจ้าที่สร้างทุกสิ่งหากไม่มีความประสงค์จะเป็นได้แค่ก็สร้างตามพลานุภาพปกติหรือเป็นการสร้างแบบสุ่มว่าสิ่งที่สร้างไปนั้นย่อมจะเกิดเป็นเป็นชีวิตได้หรือไม่ได้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่มีแบบแผน ท่านย่อมรู้หรือไม่มีรู้ในสิ่งที่สร้างก็ได้ ราวกับคนเราที่หายใจไปวันๆ แล้ววันดีคืนดีเกิดลมหายใจเรานั้นเจริญเป็นสิ่งมีชีวิต เช่นนั้นท่านย่อมไม่ใยดีต่อชีวิตเล็กๆเหล่านั้นเป็นธรรมดา แล้วต่อมาก็มี”พระเจ้าองค์ที่สอง” ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้สร้างสิ่งนั้น อาจมีอำนาจเหมือนท่านแรกหรืออาจเป็นสิ่งที่พระเจ้าที่แท้จริงสร้างก็แล้วแต่ ในหลายๆศาสนาย่อมยึดในพระเจ้าองค์ที่สองเป็นพระเจ้าของพวกเขา แน่นอนว่ามันขัดกับพระประวัติข้อกำหนดนโยบายต่างๆในศาสนาว่าพระเจ้าย่อมสร้างทุกสิ่งและมนุษย์ เพียงแต่ด้วยเหตุที่ว่า ศาสนาย่อมก่อเกิดจากพระบัญชาหรือเกิดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวแก่มนุษย์ ดังนั้นไม่ว่า”พระเจ้าองค์ที่สอง”จะมีอำนาจเทียบเท่าหรือถูกสร้างโดยพระเจ้าที่แท้จริงหรือไม่ได้สร้างมนุษย์ขึ้นมาเองก็ตาม แต่”พระเจ้าองค์ที่สอง”เลือกที่จะสัมพันธ์กับมนุษย์ ดูแล ปกป้อง และชี้นำทางให้ซึ่งเป็นไปได้มากกว่าที่ศาสนาจะเกิดจากพระเจ้าที่ได้แต่สร้างไปเรื่อยไม่ใยดีพวกเขา พวกเขาจะโอดครวญขอร้อง สวดสรรเสริน นอบน้อมนับถือ ทำความดี ไปเพื่อใคร หากไม่ใช่คนที่รับฟังพวกเขา มีความรักกับพวกเขา ดูแลชี้นำทางพวกเขา ดังนี้”พระเจ้าองค์ที่สอง”ย่อมเป็นพระเจ้าของศาสนาต่างๆ
2. เหตุใด”พระเจ้าองค์ที่สอง”ถึงได้เลือก ดูแล ปกป้อง ชี้นำมนุษย์ ทั้งที่อาจจะไม่ได้รับบัญชาหรือถูกบัญชาให้ทำลาย ถ้าเป็นเช่นนั้น”พระเจ้าองค์ที่สอง”แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญกับมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่น แต่ด้วยเหตุผลใดนั้นต้องดูด้วยว่า “พระเจ้าองค์ที่สอง” ซึ่งแน่นอนว่าคอยดูแลมนุษย์จากมิติที่สูงกว่านั้นมีตรรกกะ เหตุผล และ อารมณ์เช่นมนุษย์นี้ไหม หากไม่ก็ไม่สามารถตอบได้หรือจะตอบได้ว่าท่านไม่ได้หวังอะไรจากมนุษย์เลย แต่หากใช่ก็เป็นไปได้หลายกรณีเช่นอาจจะรักใคร่เอ็นดู หรือแค่ต้องการให้มนุษย์อยู่กันปกติสุขเท่านั้น
3. หากมนุษย์รู้ว่าเป็นเช่นที่เจ้าของกระทู้กล่าวมานั้นจะเป็นเช่นไร ผมก็มิอาจตอบได้เพราะเป็นสิ่งที่มนุษย์ต่างผู้ต่างเหล่าย่อมคิดเห็นได้ต่างกัน บางคนอาจจะเคารพนับถือพระเจ้าที่แท้จริงบางคนอาจจะเคารพนับถือ”พระเจ้าองค์ที่สอง” แต่รู้เช่นนั้นย่อมตามมาซึ่งการถกเถียงและข้อขัดแย้งต่างๆแน่นอน ทั้งนี้ในความคิดของผมหากไม่สามารถนำข้อยุติมาได้และเกิดการต่อสู้เสียเลือดเสียเนื้อขึ้น ผมย่อมเลือกที่จะเคารพนับถือต่อ”พระเจ้าองค์ที่สอง”เพราะท่านเท่านั้นที่ดูแล ปกป้อง และชี้นำทางเรา ซึ่งดีกว่าการเคารพนับถือพระเจ้าที่สร้างเราแต่ไม่สนใจเราเลย และผู้ที่อยู่ข้าง”พระเจ้าองค์ที่สอง”นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ยืนหยัดอยู่เป็นเหล่าสุดท้ายอย่างแน่นอน
4. ตามข้อ3มนุษย์นั้นย่อมมีทัศคติต่างกันไป แต่สำหรับผมนั้นเคารพนับถือในท่านที่ดูแล ปกป้อง ชี้นำเรามากกว่าที่จะไปนับถือพระเจ้าที่แท้จริงที่ไม่เห็นเราในสายตาอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องที่ท่านจะน้อยใจหรือไม่อย่างไรก็ต้องพิจารณาตามว่าท่านมีตรรกะ เหตุผล และอารมณ์แบบมนุษย์หรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าใช่ก็คงต้องลองสมมุติตัวเองเป็น”พระเจ้าองค์ที่สอง”ดูเอง และนำความรู้สึกนั้นมาตอบคำถามข้อนี้
แสดงความคิดเห็น
พระเจ้าที่สร้างทุกสิ่งกับพระเจ้าที่สร้างมนุษย์และทัศนคติของมนุษย์ต่อพระเจ้า?
ต้องกล่าวก่อนว่าส่วนตัวแล้วไม่ได้มีความเชื่อเรื่องพระเจ้าครับอาจะเป็นเพราะศาสนาผมไม่ถือเรื่องพระเจ้าเป็นสาระสำคัญ แต่ประเด็นที่ผมจะตั้งถามไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ว่าพระเจ้ามีหรือไม่มีอย่างไร หากแต่สมมุติในที่นี้ว่าพระเจ้านั้นมีจริงๆ
เพราะผมไม่มีทัศนคติต่อพระเจ้าในแง่มุมต่างๆแล้ว ผมจึงอยากถามว่า ถ้าพระเจ้าซึ่งมีอยู่จริงนั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ใช่เอกภาพ
ขยายความนะครับ เหมือนว่าพระเจ้าอาจจะไม่ใช่บุคคลหรือสิ่งๆเดียวที่มีพลานุภาพหรือจุดประสงค์เช่นเดียวกัน ในทางง่ายๆคือไม่ใช่บุคคลคนเดียวถ้าในนิยามของมนุษย์ เป็นที่มาของคำถามที่ต่อไปว่า
1.หากพระเจ้ามีองค์หนึ่งที่สร้างทุกสรรพสิ่ง เป็นการที่รังสรรจากความว่างเปล่าที่อาจจะมีจุดประสงค์หรือไม่มีก็ได้ ราวกับหวาดทราพแห่งสรรพสิ่งเหล่านั้นลงไป จนเกิดต้นกล้าแห่งชีวิตขึ้น ท่านอาจจะไม่รู้หรืออาจจะรู้แต่ไม่ใส่ใจไม่ใยดี หากแต่มีอีกท่านที่พบเจอต้นกล้านั้นและชุบเลี้ยงมัน ปกป้องมัน ชี้นำพวกมัน เช่นนั้นแล้วพระเจ้าในหลายๆศาสนาสมควรจะเป็นองค์ใด
2.พระเจ้าหรือใครที่คอยปกป้องดูแลต้นกล้าชีวิตหรือมนุษย์เหล่านั้นที่เกิดจากพระเจ้าทียิ่งใหญ่ที่สร้างทุกอย่างข้างต้นหรืออาจจะเป็นผู้ที่สร้างพระเจ้าที่อุ้มชูมนุษย์นั้นด้วยก็ได้ ท่านไม่ได้รับคำบัญชาอะไรเลยหรืออาจจะเป็นคำบัญชาให้ทำลายต้นกล้าเหล่านั้นด้วย แท้จริงแล้วที่ท่านมีความเอ็นดูหรือหวังสิ่งใดกับมนุษย์กันแน่
3.หากมนุษย์อย่างเรารู้ว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว มนุษย์จะนับถือบูชาเคารพท่านไหน พระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหรือพระเจ้าที่ต้อยต่ำกว่าแต่มีความรักในมนุษย์ หรือในคำภีร์กำหนดไว้ว่าเป็นพระเจ้าองค์แรกที่สมควรเคารพนับถือต่อไปแม้ท่านนั้นจะไม่สนใจใยดีเราก็ตาม
4.สุดท้ายนี้มนุษย์นั้นจะมีทัศคติยังไงกับพระเจ้าทั้งสองและพระเจ้าองค์ที่สองหากมนุษย์หันไปนับหน้าถือตาองค์แรกแล้ว หากมีอารมณ์ท่านจะน้อยใจไหม จะปกป้องมนุษย์แบบปิดทองหลังพระต่อไปโดยที่ไม่มีใครเห็นหัวหรือเลิกปล่อยให้มนุษย์ตายๆไปตามเวรตามกรรม
ปล.คำตอบทั้งหมดนี้เพื่อตอบปัญหาในใจของผมครับ ย้ำไม่มีเจตนาให้เกิดความแตกแยก ถือว่าเพื่อเด็กนิติพุทธที่ไม่มีความรู้และทัศนคติต่อพระเจ้าเลย และขอบคุณทุกคำตอบครับ