กระทู้ที่แล้วจบอยู่ที่ผมขึ้นรถไฟตอนบ่ายสามของวันศุกร์ที่ 22 มกราที่ผ่านมา
ผมนั่งรถไฟเป็นเวลา 4 ชั่วโมงผ่านทุ่งที่เคยเป็นหญ้า แต่ปัจจุบันปกคลุมไปด้วยหิมะ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และอื่นๆอีกมากมาย นั่งรถไฟมาประมาณชั่วโมงกว่าๆฟ้าก็เริ่มมืด
หนึ่งทุ่มนิดๆผมก็เดินทางถึงสถานีรถไฟ Wien Hauptbahnhof
ผมได้จองที่พักไว้กับโรงแรม Prinz Eugan Hotel ซึ่งเดินประมาณ 5 นาทีจากสถานีรถไฟ ตามแผนที่
พอมาถึงโรงแรม Check in ถ่ายรูปบรรยายเมืองผ่านระเบียงซักหน่อย
โรงแรมนี้ขนาดค่อนข่างเล็ก ตอนผมจองได้ราคาแพงอีกต่างหาก T T
แต่เตียงนุ่ม พื้นปูพรมแดง ติดรูปวาดคนยุโรป ได้บรรยากาศดีทีเดียว
ห้องน้ำคราวนี้รวมระหว่างห้องส้วมกับห้องอาบน้ำ มีกระจกโค้งเพื่อขยายอีกแล้วววว
[SR] (^ ^) จากปรากสู่เวียนนา เมืองแห่งดนตรี และความโรแมนติก (^ ^)
อ้างอิงถึงกระทู้ http://pantip.com/topic/34845129
ที่ผมตั้งไว้เมื่อหลายวันก่อน
เกริ่นก่อนว่าผมทำงานฝ่ายวิจัยบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งและได้มีโอกาสไปประชุมวิชาการที่กรุงปราก
เนื่องจากผู้จัดการของผมอนุญาตให้อยู่ต่อได้หนึ่งวัน แต่ถ้าอยู่ต่อที่ปรากจะมีไฟลท์บินกลับตอนบ่ายสาม
ถ้ามาที่เวียนนาจะได้ไฟลท์กลับตอนสี่ทุ่ม!!!! แถมได้นั่งรถไฟของยุโรปที่เค้าว่าดีด้วย
เลยตัดสินใจไปเวียนนา และได้รับการอนุมัติ
กระทู้ที่แล้วจบอยู่ที่ผมขึ้นรถไฟตอนบ่ายสามของวันศุกร์ที่ 22 มกราที่ผ่านมา
ผมนั่งรถไฟเป็นเวลา 4 ชั่วโมงผ่านทุ่งที่เคยเป็นหญ้า แต่ปัจจุบันปกคลุมไปด้วยหิมะ
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และอื่นๆอีกมากมาย นั่งรถไฟมาประมาณชั่วโมงกว่าๆฟ้าก็เริ่มมืด
หนึ่งทุ่มนิดๆผมก็เดินทางถึงสถานีรถไฟ Wien Hauptbahnhof
ผมได้จองที่พักไว้กับโรงแรม Prinz Eugan Hotel ซึ่งเดินประมาณ 5 นาทีจากสถานีรถไฟ ตามแผนที่
พอมาถึงโรงแรม Check in ถ่ายรูปบรรยายเมืองผ่านระเบียงซักหน่อย
โรงแรมนี้ขนาดค่อนข่างเล็ก ตอนผมจองได้ราคาแพงอีกต่างหาก T T
แต่เตียงนุ่ม พื้นปูพรมแดง ติดรูปวาดคนยุโรป ได้บรรยากาศดีทีเดียว
ห้องน้ำคราวนี้รวมระหว่างห้องส้วมกับห้องอาบน้ำ มีกระจกโค้งเพื่อขยายอีกแล้วววว
ระหว่างทางที่เดินมาผมสังเกตเห็นร้านอาหารอยู่ที่หัวมุม พอเก็บของเสร็จ
ก็เดินฝ่าอุณหภูมิ -6 องศามาทางข้างที่ร้านนั้น
ร้านอาหารเป็นร้านขนาดเล็ก มีที่นั่งคล้ายๆร้าน 13 เหรียญบ้านเรา
มีผู้หญิงวัยกลางคนหนึ่งคนอยู่ที่เค้าเตอร์เครื่องดื่ม
ผมสั่งเมนู คอดอนบลู พี่อีกคนสั่งปลาเทร้าย่าง และเพิ่มซุปตับ เบียร์และโค้ก
ซุปตับอร่อยมากกก อารมณ์น้ำซุปบ้านเราเลย คิดถึงรสชาติน้ำซุปมาก เพราะจากบ้านมาครบอาทิตย์นึงแระ
เบียร์สดที่นี่ก็นุ่มอร่อย ราคามื้อนี้ตก 33 ยูโร อร่อยครับ โดยเฉพาะปลาเทร้าย่างนี่ ติดใจเลย
แล้วก็เดินกลับโรงแรม อาบน้ำ หาข้อมูลเที่ยวนิดหน่อยก็หลับ
ตื่นเช้ามาประมาณ 7 โมงเช้าพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ผมรู้สึกว่าอากาศน่าจะอุ่นขึ้นมากว่าเมื่อวาน
ดีใจเลยทีเดียวว่าวันนี้เที่ยวสนุกแน่ๆ ไม่หนาวมาก ออกมาถ่ายรูปจากระเบียงห้องซะหน่อย
จากนั้นก็อาบน้ำ แล้วลงมารับประทานอาหารเช้ากบัทางโรงแรม
อาหารเช้าของโรงแรมนี้เล็กมากเมื่อเทียบกับที่กรุงปราก (แหงสิ นั่น Hilton นะ)
เริ่มจากโต๊ะ ชากาแฟ ขนมปังต่างๆ เนย แยม และไข่นึง
ถัดมาเป็นโต้ะ ไข่ขน ไส้กรอก เบคอน แฮม ชีส เนยต่างๆ ต่อด้วยสลัดมุมเล็กๆ และพวกซีเรียลกับนม
เติมพลังเสร็จเข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย check out แต่ยังฝากกระเป๋าไว้ แล้วก็ถึงเวลาท่องเมืองซักที
เวียนนาเป็นเมืองใหญ่กว่าปราก แถมที่เที่ยวอย่างพระราชวังเซิร์นบรูนก็อยุ่แยกจากส่วนกลางเมืองอีก
ผมลงรถที่สถานีรถไฟ Wien Hauptbahnhof (วงสีฟ้า) โรงแรมอยู่วงสีแดง
พระราชวังเซิร์นบรูนอยู่วงกลงสีเขียว และใจกลางเมืองอยู่วงกลมสีน้ำตาล
แต่ก็เดินทางง่ายอยู่ครับไม่ต้องห่วง
ผมเดินจากโรงแรมเป็นเวลา 5 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Wien Hauptbahnhof
ซื้อตั๋วรถแบบ Shopping ราคา 6 ยูโรถ้าจำไม่ผิด
แล้วต่อรถไฟสายสีแดงไปยังสถานี Karlsplatz (2 สถานี) แล้วต่อสายสีเขียว ไปอีก 6 สถานี
บรรยากาศภายในสถานนี้รถไฟและภายในรถไฟที่เวียนนาครับ
ถึงสถานีเซิร์นบรูนแล้วจ้า
พอออกจากสถานีเดินตามทางถึงถนน ข้ามถนนแล้วเลี้ยวขวา เดินประมาณ 5 นาทีก็เห็นพระราชวัง
พอเข้าประตูไปแล้วด้านซ้ายมือเป็นที่ซื้อบัตรเที่ยวภายในพระราชวัง
แต่ผมมีเวลาและงบน้อยเลยไม่ได้เข้าไปในตัวอาคาร แต่เดินเล่นรอบๆสวนของพระราชวังด้านหน้า
ที่สองข้างของทางเดินมีน้ำพุ แต่ตอนนี้น้ำแข็งไปหมดแล้วจนคนน่าจะลงไปเดินได้ ไม่กล้าลองกลัวหล่น
หลังจากนั้นผมเดินไปด้านขวามือผ่านสวนด้านข้าง
พอดีเหลือบไปเห็นเกล็ดน้ำเกาะบนใบไม้สวยดีเลยถ่ายเก็บไว้ แม่คะนิ้งบ้านเราเลยยยย
แล้วผมก็เดินอ้อมมาทางด้านหลังก็เห็นวิวของ Schönbrunn Palace Garden Gloriette สวยมากๆ
แล้วผมก็เดินตามทางไปยังจุดปลายทางราบ จะเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ตามแบบที่เราเห็นในหนังฝรั่งบ่อยๆ
พอมองย้อนกลับมาเห็นภาพพระราชวัง สวยเหมือนกัน
ตรงบ่อน้ำซึ่งตอนนี้น้ำแข็งไปหมดเลย ผมเห็นฝรั่งสองสามคนเดินลงไปได้เลย
แอบคุยกะพี่ที่ไปด้วยว่า ถ้าตกลงไปเราจะช่วยยังไง
หลังจากนั้นต้องเดินขึ้นเนินต่อ แต่เนื่องจากอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และเวลามีน้อย ผมเลยตัดสินใจเดินย้อนกลับ
ผมเดินต่อมาจนถึงที่ขายตั๋ว จึงแวะเข้าห้องน้ำ (0.5 ยูโร = 20 บาท)
พอออกมาก็พบว่าหิมะเริ่มตกอีกแล้ววว ผมเดินย้อนกลับทางเดินไปขึ้นรถไฟสายสีเขียวกลับไปสถานี Karlsplatz
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปตึกสวยๆ ผ่านกระจกรถไฟใต้ดินได้นิดหน่อย
พอถึงสถานี Karlsplatz ผมเดินออกมา ที่ตรงทางออกก็พบกองเศษก้นบุหรี่
อย่างที่บอกไปว่าที่ปรากสวรรค์ของนักบุหรี่ ที่เวียนนาก็เช่นกัน ทิ้งเกลื่อนเลยยย
พออกมาปรากฎว่าผมออกผิดประตู แต่ก็ได้เห็นอาคาร Karlskirche สวยดี
และมีอาคารห้องสมุด Institut für Werkstoffkunde อย่ใกล้ๆ
แล้วก็เดินย้อนกลับผ่านทางของสถานี Karlsplatz
ผมเดินตามถนนในแผนที่เพื่อที่จะไปมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่น
ระหว่างทางหิมะก็ตกหนักเรื่อยๆ ผมไม่รู้ว่าตอนที่ผมเจอจะเรียกว่าหิมะตกหนักไหม แต่สำหรับผมตกหนักมาก
ระหว่างทางก็พบกับซุ้มขายอาหารคล้ายๆที่ปราก
ผมเดินจนสุด Kärntner Str ที่รถวิ่งได้แล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 20 เมตรก็พบกับ Albertina ซึ่งน่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์
แล้วเดินย้อนกลับมาสู่ถนน Kärntner Straße ซึ่งเป็นถนนสำหรับคนเดิน มีร้านขายของที่ระลึก
และร้าน Brand name มากมาย
ผมมองไปเห็นร้านขายดอกไม้ มีดอกกุหลาบหลากสีสัน สวยมากๆ แทบไม่ต้องมีตู้เย็นเก็บเลย
เพราะอากาศหนาวมาก (มารู้ทีหลังว่าประมาณ -10 - -12) หิมะก็กำลังตกอย่างหนัก