สวัสดีครับชาวพันทิป ผมอยากใช้พื้นที่นี้ เล่าให้ทุกท่านรู้จักการแข่งขันรายการหนึ่งที่หลายๆคนอาจไม่ค่อยคุ้นหู แต่รายการนี้ก็เป็นเหมือนเวทีของเด็กไทย ได้แสดงความสามารถด้านธุรกิจในระดับภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก
รายการนี้มีชื่อว่า
ASIA VENTURE CHALLENGE ครับ
ว่าแต่...แล้วมันคือรายการอะไรนะ?
ASIA VENTURE CHALLENGE หรือเรียกสั้นๆว่า AVC เป็นรายการแข่งขันแผนธุรกิจระดับปริญญาโทครับ จัดโดย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปีนี้ก็จัดมาเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน
หากว่ากันตามตรง งานนี้เป็นเหมือนงานใหญ่ของ Business School ทั่วเอเชียครับ AVC เป็นการแข่งขันแผนธุรกิจที่จัดต่อเนื่องยาวนานที่สุดในทวีปเอเชีย ทุกๆปี จะมี 12 ตัวแทนมหาวิทยาลัยระดับท็อป จากประเทศต่างๆทั่วเอเชีย กว่า 10 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย หมุนเวียนส่งตัวแทนมาแข่งขันกันในงานแห่งนี้ เปรียบง่ายๆ งานนี้ก็เหมือนกับ
“เอเชียนเกมส์ ของการแข่งชันแผนธุรกิจ” นั่นเองครับ
“AVC เวทีสรรหาตัวแทนทวีปเอเชีย ไปสู่เวทีโลก”
หากมี เอเชียนเกมส์แล้ว ก็ย่อมต้องมีการแข่งขันระดับ โอลิมปิค โดยปกติ ทีมผู้ชนะของการแข่งขัน AVC จะได้เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ไปแข่งขันต่อ กับทีมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ในรายการ
Global Venture Lab Investment Competition (VLIC) เดิมชื่อ Global Moot Corp จัดโดย University of Texas at Austin, USA ซึ่งงานนี้เปรียบเสมือน
“Super Bowl” ของการแข่งขันแผนธุรกิจระดับโลก ด้วยอายุการจัดงานมากกว่า 30 ปี
รู้หรือไม่ครับ? งานนี้เคยมี เด็กไทย ไปประสบความสำเร็จที่เวทีระดับโลกด้วยนะ นักศึกษาภาคการตลาด (หลักสูตรนานาชาติ) หรือโครงการ MIM จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยคว้าตำแหน่งชนะเลิศในรายการนี้ และได้โอกาสไป สั่นระฆังเปิดตลาดหุ้น NASDAQ อันเลื่องชื่อ ถึงสองครั้งด้วยกัน ในปี 1999 และ 2005 รวมทั้งตำแหน่งรองชนะเลิศอีกหลายครั้งทั้งจาก ม.ธรรมศาสตร์ และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถึงแม้ปีนี้ ได้ยินข่าวมาว่าทาง UT Austin ไม่มีนโยบายจัดการแข่งขัน VLIC เหมือนทุกปี แต่ Asia Venture Challenge ก็ยังคงจัดการแข่งขันตามประเพณีอยู่เช่นเดิมครับ
“AVC ต้นแบบการแข่งขันสุดเร้าใจ 3 วัน 3 รสชาติ”
การแข่งขัน AVC จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือน มีนาคม ความยาวทั้งหมด 3 วัน โดยมีการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท นั่นคือ
1. Showcase - ในพิธีเปิดของการแข่งขันวันแรก การแข่งขันนี้เป็นเหมือน Trade Show ที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้มีโอกาสจัดบูธแสดงผลงานให้กับแขกผู้ร่วมงานนานาชาติ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ นักธุรกิจและนักลงทุนมากหน้าหลายตา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้แข่งขันอย่างเป็นกันเอง โดยจะมีคณะกรรมการจาก Grant Thornton Thailand บริษัท Business Consult ชั้นนำ แอบแฝงมาเป็นกลุ่มแขกผู้ร่วมงาน คอยให้คะแนนอยู่เบื้องหลัง
2. 60 Second Elevator Pitch - ไฮไลท์ของการจัดงานวันแรก ก็คงไม่พ้นการแข่งขันนี้ เมื่อผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 ทีม จะต้องส่งตัวแทนมาพรีเซ้นท์แผนธุรกิจให้ปัง ภายใน 60 วินาที!! แต่ละทีมจะไม่ทราบลำดับล่วงหน้า จนกว่าจะได้ยืนอยู่บนเวทีเลยครับ ตื่นเต้นมากๆ ในปีที่ผ่านมาผมเห็นทั้งทีมที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วน่าประทับใจ ไปจนถึงทีมที่ตื่นเต้นจนลืมสคริปต์ก็มี ลุ้นกันเหงื่อแห้งครับ
3. Business Plan Competition - นี่คือหัวใจหลักของการแข่งขัน จะจัดขึ้นในวันที่ 2 และ 3 ของการจัดงานครับ ทีมผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 12 ทีมจะถูกจับฉลากแบ่งสายออกเป็น 3 Division โดยแต่ละ Division จะมีทั้งหมด 4 ทีมด้วยกัน ให้ทุกท่านลองจินตนาการถึง
การแข่งขัน EUFA Champion League อะไรแบบนี้ก็ได้ครับ 555 แต่ละทีมจะ ต้องส่งแผนธุรกิจของตัวเองมาล่วงหน้า ซึ่งแผนธุรกิจเหล่านี้ ต้องเป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยถูกทำตลาดจริงมาก่อน และมานำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษกับคณะกรรมการ ซึ่งเป็นนักลงทุน นักธุรกิจตัวจริง จากประเทศต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชีย (ซึ่งเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างกรรมการบางท่าน ในส่วนต่อไปนะครับ) ทีมที่ชนะ ก็จะลอยลำเข้าสู่รอบ Final ในวันที่ 3
แต่งานนี้ต้องการผู้ชนะทั้งหมด 4 ทีม...
ดังนั้นทีมอันดับ 2 ของทุกกลุ่ม จะถูกส่งต่อไปยังรอบ Play-off ครับ
รอบ Play-off จะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่ารอบการแบ่งกลุ่ม เพราะว่าคราวนี้ แต่ละทีมไม่ได้นำเสนอ presentation อย่างเดียวแล้วรอคณะกรรมการถามในช่วง Q&A แล้วหละครับ..
การแข่งขันรอบนี้ จะถูกเรียกว่า
Fully Interactive Presentation กรรมการสามารถถามแทรกเมื่อไหร่ก็ได้ ตลอดการนำเสนอ presentation ยาว 40 นาที!!! เราจะหาผู้ชนะ 1 ทีม เข้าสู่รอบ Final ในวันสุดท้ายครับ
และแล้วเมื่อถึงวันที่ 3 วันนี้จะเป็นรอบการแข่งขัน
Final Round หาผู้ชนะจาก 4 ทีมสุดท้าย การ Presentation จะถูกย้ายมาที่ Hall ใหญ่ ความจุกว่า 200 ที่นั่ง ในรูปแบบ Fully Interactive Presentation ความยาว 45 นาที!!
....มาถึงตอนนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ ผมเป็นใคร ทำไมรู้ละเอียด เป็นหน้าม้ารึเปล่า? เป็นกระทู้อวยรึเปล่า? 555 คืองี้ครับ ปีก่อนผมได้โอกาสมาเป็น Staff ของงานนี้ แต่ในปีนี้ผมก็กลับมาดูในฐานะ
ผู้ร่วมงาน ครับ แต่ผมอยากให้งานนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เลยขอลองมาตั้งกระทู้ดูเสียสักหน่อย
สำหรับ รอบ Final เป็นรอบเดียวที่ผมได้ชมเต็มๆ ในปีที่ผ่านมาครับ ซึงขอบอกเลยว่าแซ่บมาก!
ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมากนะครับ ที่ต้องขึ้นมายืนบนเวทีท่ามกลางคนนับร้อย พรีเซ้นโปรเจ็คที่ทุกคนในทีมสร้างขึ้นมาแรมเดือนแรมปี แล้วยังไม่รู้อีกว่า กรรมการจะถามคำถามตอนไหน และเมื่อไหร่ เท่าที่ได้ฟังดู กรรมการของ AVC ถามคำถามโหดมากครับ ทุกอย่างต้องชี้วัดได้ ทำได้จริง มีที่มา แนวคิดลอยๆจับต้องไม่ได้ โดนจี้กันกระจุยครับ สมาชิกแต่ละทีมก็ขนทุกสิ่งที่มีมาปกป้องแผนธุรกิจของตัวเองกันสุดฤทธิ์ ทั้งการงัดข้อมูลออกมาแสดงเพิ่ม ใช้เอกสารสิทธิบัตร หรือสาธิตกลไกลนวัตกรรมกันจริงๆ
ถ้ามองในแง่นักศึกษา ผมเชื่อว่าทุกคนจะได้เรียนรู้เลยครับว่า มาตรฐานระดับสากล นี่มันเป็นยังไง แต่ถ้ามองในแง่นักธุรกิจหรือนักลงทุน งานนี้เป็นโอกาสที่ดีงามมากๆ ที่จะได้มาเจอโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่ และเทรนด์ทางธุรกิจที่คนรุ่นใหม่สนใจในอนาคตครับ
บอกได้เลยว่า ถึงแม้งานจะจัดถึง 3 วัน แต่ก็เป็น 3 รสชาติที่มีสีสันแตกต่างกันครับ
“การตัดสิน ด้วยมาตรฐานนักลงทุนระดับนานาชาติ”
อย่างที่เล่าให้ฟังด้านบนครับ ว่างาน AVC เป็นงานที่บรรดานักลงทุนมาตรฐานสากลให้ความสนใจ ได้รับเชิญมาจากประเทศต่างๆทั่วโลก โดยคณะกรรมการเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นกลางมากครับ เพราะแต่ละท่านมาด้วยความสนใจของตัวเองล้วนๆ ผมขอใช้โอกาสนี้แนะนำ กรรมการบางท่านให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ
Mr. Andrew Stotz
คุณแอนดริวส์ เป็น President ของ Chartered Financial Analyst (CFA) society of Thailand นักลงทุนอิสระ และผู้เชี่ยวชาญด้าน่การเงินชื่อดัง
Mr. Andrian Vanzyl
คุณเอเดรี่ยน เป็น CEO ของ Ardent Capital หนึ่งใน Venture Capital ทีมีอิทธิพลที่สุดในละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์ หรือคุณช้าง
คุณช้าง อดีตรองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้ปลุกปั้นให้ตลาด SMEs ประเทศไทย มีความคึกคัก เติบโต ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

นอกจากทั้งสามท่านนี้แล้วยังมีนักลงทุน ผู้บริหาร ทั้งไทยและต่างประเทศ หลากหลายสาขาหมุนเวียนกันมาเป็นคณะกรรมการอย่างไม่ซ้ำหน้า กว่า 30 ท่านครับ
อ่านมาจนถึงบันทัดนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่า แล้วโปรเจ็คที่ผ่านมาแข่งขันในงาน AVC มันจะโดดเด่นสักแค่ไหน วันนี้ผมขอยกตัวอย่างสั้นๆ สัก 2-3 โปรเจ็คในปีที่ผ่านมานะครับ
EDEN จาก สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
EDEN เป็นนวัตกรรมแผ่นฟิล์มเคลือบผลไม้ ทำหน้าที่ทดแทนเปลือก ที่ไม่มีกลิ่น สี รส สามารถทานได้ ปราศจากสารพิษ นอกจากนี้ยังผ่านมาตรฐานฮาลาล ทำให้สามารถยืดอายุ ผลิตภัณฑ์ผลไม้ปลอกเปลือก ให้นานขึ้นหลายเท่า นวัตกรรมชิ้นนี้ มีความพร้อมที่จะทำตลาดได้จริง และเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ASIA VENTURE CHALLENGE ประจำปี 2015 ครับ
AEROX จาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นวัตกรรมจาก Silica Aerogel ที่ให้คุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน คุณภาพระดับเดียวกับที่องค์การ NASA เลือกใช้กับยานอวกาศ แต่สามารถทำได้ในราคาที่ตึกธรรมดาทั่วไปสามารถใช้ได้อย่างสบายกระเป๋า สำหรับนวัตกรรมและแผนธุรกิจนี้ ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศจากเวที AVC และเวทีระดับโลกอย่าง VLIC ที่สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังคว้ารางวัลใหญ่ Clean Energy Award กลับมาจากเมืองลุงแซมอีกรางวัล
นอกจากผลงานของทีมประเทศไทยแล้วยังมีผลงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง DingGo จาก SMU และ UhooAir จาก HKUST ที่ได้ข่าวมาว่า ได้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ขายจริงแล้วอีกด้วย ผมขอแปะลิ้งไว้ให้ด้านล่างนะครับ
การแข่งขัน ASIA VENTURE CHALLENGE 2016
เอาจริงๆปีนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าจะเป็นอย่างไร แต่ผมมั่นใจมากว่าคงแซ่บไม่แพ้ปีก่อนๆ สำหรับทุกท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้แล้ว สนใจอยากร่วมเข้าฟังการนำเสนอผลงาน
งานปีนี้จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 - พุธที่ 9 มีนาคม ที่โรงแรม Plaza Athenee Bangkook, A Royal Meridien Hotel ถนนวิทยุ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.asiaventurechallenge.org และจองที่นั่งได้ผ่าน
guest.avc@gmail.com นะครับ
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น...มารวมพิสูจน์ความสามารถของเด็กไทย ในเวทีใหญ่ระดับเอเชียได้ด้วยตัวคุณเองครับ!!!
credit: ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.facebook.com/asiaventurechallenge/
*edit1 : แก้ไขการจัดหน้าครับ
*edit2 : แก้ไขการสะกดคำครับ
พาส่อง 'เอเชียนเกมส์แห่งโลกธุรกิจ' ASIA VENTURE CHALLENGE เวทีส่งเด็กไทยแจ้งเกิดในระดับโลก
รายการนี้มีชื่อว่า ASIA VENTURE CHALLENGE ครับ
ว่าแต่...แล้วมันคือรายการอะไรนะ?
ASIA VENTURE CHALLENGE หรือเรียกสั้นๆว่า AVC เป็นรายการแข่งขันแผนธุรกิจระดับปริญญาโทครับ จัดโดย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปีนี้ก็จัดมาเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน
หากว่ากันตามตรง งานนี้เป็นเหมือนงานใหญ่ของ Business School ทั่วเอเชียครับ AVC เป็นการแข่งขันแผนธุรกิจที่จัดต่อเนื่องยาวนานที่สุดในทวีปเอเชีย ทุกๆปี จะมี 12 ตัวแทนมหาวิทยาลัยระดับท็อป จากประเทศต่างๆทั่วเอเชีย กว่า 10 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อินเดีย หมุนเวียนส่งตัวแทนมาแข่งขันกันในงานแห่งนี้ เปรียบง่ายๆ งานนี้ก็เหมือนกับ “เอเชียนเกมส์ ของการแข่งชันแผนธุรกิจ” นั่นเองครับ
หากมี เอเชียนเกมส์แล้ว ก็ย่อมต้องมีการแข่งขันระดับ โอลิมปิค โดยปกติ ทีมผู้ชนะของการแข่งขัน AVC จะได้เป็นตัวแทนทวีปเอเชีย ไปแข่งขันต่อ กับทีมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก ในรายการ Global Venture Lab Investment Competition (VLIC) เดิมชื่อ Global Moot Corp จัดโดย University of Texas at Austin, USA ซึ่งงานนี้เปรียบเสมือน “Super Bowl” ของการแข่งขันแผนธุรกิจระดับโลก ด้วยอายุการจัดงานมากกว่า 30 ปี
รู้หรือไม่ครับ? งานนี้เคยมี เด็กไทย ไปประสบความสำเร็จที่เวทีระดับโลกด้วยนะ นักศึกษาภาคการตลาด (หลักสูตรนานาชาติ) หรือโครงการ MIM จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยคว้าตำแหน่งชนะเลิศในรายการนี้ และได้โอกาสไป สั่นระฆังเปิดตลาดหุ้น NASDAQ อันเลื่องชื่อ ถึงสองครั้งด้วยกัน ในปี 1999 และ 2005 รวมทั้งตำแหน่งรองชนะเลิศอีกหลายครั้งทั้งจาก ม.ธรรมศาสตร์ และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ถึงแม้ปีนี้ ได้ยินข่าวมาว่าทาง UT Austin ไม่มีนโยบายจัดการแข่งขัน VLIC เหมือนทุกปี แต่ Asia Venture Challenge ก็ยังคงจัดการแข่งขันตามประเพณีอยู่เช่นเดิมครับ
การแข่งขัน AVC จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือน มีนาคม ความยาวทั้งหมด 3 วัน โดยมีการแข่งขันทั้งหมด 3 ประเภท นั่นคือ
1. Showcase - ในพิธีเปิดของการแข่งขันวันแรก การแข่งขันนี้เป็นเหมือน Trade Show ที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้มีโอกาสจัดบูธแสดงผลงานให้กับแขกผู้ร่วมงานนานาชาติ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ นักธุรกิจและนักลงทุนมากหน้าหลายตา ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้เข้ามาพูดคุยกับผู้แข่งขันอย่างเป็นกันเอง โดยจะมีคณะกรรมการจาก Grant Thornton Thailand บริษัท Business Consult ชั้นนำ แอบแฝงมาเป็นกลุ่มแขกผู้ร่วมงาน คอยให้คะแนนอยู่เบื้องหลัง
2. 60 Second Elevator Pitch - ไฮไลท์ของการจัดงานวันแรก ก็คงไม่พ้นการแข่งขันนี้ เมื่อผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 ทีม จะต้องส่งตัวแทนมาพรีเซ้นท์แผนธุรกิจให้ปัง ภายใน 60 วินาที!! แต่ละทีมจะไม่ทราบลำดับล่วงหน้า จนกว่าจะได้ยืนอยู่บนเวทีเลยครับ ตื่นเต้นมากๆ ในปีที่ผ่านมาผมเห็นทั้งทีมที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วน่าประทับใจ ไปจนถึงทีมที่ตื่นเต้นจนลืมสคริปต์ก็มี ลุ้นกันเหงื่อแห้งครับ
3. Business Plan Competition - นี่คือหัวใจหลักของการแข่งขัน จะจัดขึ้นในวันที่ 2 และ 3 ของการจัดงานครับ ทีมผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 12 ทีมจะถูกจับฉลากแบ่งสายออกเป็น 3 Division โดยแต่ละ Division จะมีทั้งหมด 4 ทีมด้วยกัน ให้ทุกท่านลองจินตนาการถึงการแข่งขัน EUFA Champion League อะไรแบบนี้ก็ได้ครับ 555 แต่ละทีมจะ ต้องส่งแผนธุรกิจของตัวเองมาล่วงหน้า ซึ่งแผนธุรกิจเหล่านี้ ต้องเป็นนวัตกรรมที่ไม่เคยถูกทำตลาดจริงมาก่อน และมานำเสนอผลงานเป็นภาษาอังกฤษกับคณะกรรมการ ซึ่งเป็นนักลงทุน นักธุรกิจตัวจริง จากประเทศต่างๆทั่วภูมิภาคเอเชีย (ซึ่งเดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างกรรมการบางท่าน ในส่วนต่อไปนะครับ) ทีมที่ชนะ ก็จะลอยลำเข้าสู่รอบ Final ในวันที่ 3
แต่งานนี้ต้องการผู้ชนะทั้งหมด 4 ทีม...
ดังนั้นทีมอันดับ 2 ของทุกกลุ่ม จะถูกส่งต่อไปยังรอบ Play-off ครับ
รอบ Play-off จะน่าตื่นเต้นยิ่งกว่ารอบการแบ่งกลุ่ม เพราะว่าคราวนี้ แต่ละทีมไม่ได้นำเสนอ presentation อย่างเดียวแล้วรอคณะกรรมการถามในช่วง Q&A แล้วหละครับ..
การแข่งขันรอบนี้ จะถูกเรียกว่า Fully Interactive Presentation กรรมการสามารถถามแทรกเมื่อไหร่ก็ได้ ตลอดการนำเสนอ presentation ยาว 40 นาที!!! เราจะหาผู้ชนะ 1 ทีม เข้าสู่รอบ Final ในวันสุดท้ายครับ
และแล้วเมื่อถึงวันที่ 3 วันนี้จะเป็นรอบการแข่งขัน Final Round หาผู้ชนะจาก 4 ทีมสุดท้าย การ Presentation จะถูกย้ายมาที่ Hall ใหญ่ ความจุกว่า 200 ที่นั่ง ในรูปแบบ Fully Interactive Presentation ความยาว 45 นาที!!
....มาถึงตอนนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า เอ๊ะ ผมเป็นใคร ทำไมรู้ละเอียด เป็นหน้าม้ารึเปล่า? เป็นกระทู้อวยรึเปล่า? 555 คืองี้ครับ ปีก่อนผมได้โอกาสมาเป็น Staff ของงานนี้ แต่ในปีนี้ผมก็กลับมาดูในฐานะ ผู้ร่วมงาน ครับ แต่ผมอยากให้งานนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เลยขอลองมาตั้งกระทู้ดูเสียสักหน่อย
สำหรับ รอบ Final เป็นรอบเดียวที่ผมได้ชมเต็มๆ ในปีที่ผ่านมาครับ ซึงขอบอกเลยว่าแซ่บมาก!
ผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมากนะครับ ที่ต้องขึ้นมายืนบนเวทีท่ามกลางคนนับร้อย พรีเซ้นโปรเจ็คที่ทุกคนในทีมสร้างขึ้นมาแรมเดือนแรมปี แล้วยังไม่รู้อีกว่า กรรมการจะถามคำถามตอนไหน และเมื่อไหร่ เท่าที่ได้ฟังดู กรรมการของ AVC ถามคำถามโหดมากครับ ทุกอย่างต้องชี้วัดได้ ทำได้จริง มีที่มา แนวคิดลอยๆจับต้องไม่ได้ โดนจี้กันกระจุยครับ สมาชิกแต่ละทีมก็ขนทุกสิ่งที่มีมาปกป้องแผนธุรกิจของตัวเองกันสุดฤทธิ์ ทั้งการงัดข้อมูลออกมาแสดงเพิ่ม ใช้เอกสารสิทธิบัตร หรือสาธิตกลไกลนวัตกรรมกันจริงๆ
ถ้ามองในแง่นักศึกษา ผมเชื่อว่าทุกคนจะได้เรียนรู้เลยครับว่า มาตรฐานระดับสากล นี่มันเป็นยังไง แต่ถ้ามองในแง่นักธุรกิจหรือนักลงทุน งานนี้เป็นโอกาสที่ดีงามมากๆ ที่จะได้มาเจอโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่ และเทรนด์ทางธุรกิจที่คนรุ่นใหม่สนใจในอนาคตครับ
บอกได้เลยว่า ถึงแม้งานจะจัดถึง 3 วัน แต่ก็เป็น 3 รสชาติที่มีสีสันแตกต่างกันครับ
อย่างที่เล่าให้ฟังด้านบนครับ ว่างาน AVC เป็นงานที่บรรดานักลงทุนมาตรฐานสากลให้ความสนใจ ได้รับเชิญมาจากประเทศต่างๆทั่วโลก โดยคณะกรรมการเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นกลางมากครับ เพราะแต่ละท่านมาด้วยความสนใจของตัวเองล้วนๆ ผมขอใช้โอกาสนี้แนะนำ กรรมการบางท่านให้ทุกคนได้รู้จักนะครับ
Mr. Andrew Stotz
คุณแอนดริวส์ เป็น President ของ Chartered Financial Analyst (CFA) society of Thailand นักลงทุนอิสระ และผู้เชี่ยวชาญด้าน่การเงินชื่อดัง
Mr. Andrian Vanzyl
คุณเอเดรี่ยน เป็น CEO ของ Ardent Capital หนึ่งใน Venture Capital ทีมีอิทธิพลที่สุดในละแวกเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์ หรือคุณช้าง
คุณช้าง อดีตรองผู้จัดการหัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผู้ปลุกปั้นให้ตลาด SMEs ประเทศไทย มีความคึกคัก เติบโต ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
นอกจากทั้งสามท่านนี้แล้วยังมีนักลงทุน ผู้บริหาร ทั้งไทยและต่างประเทศ หลากหลายสาขาหมุนเวียนกันมาเป็นคณะกรรมการอย่างไม่ซ้ำหน้า กว่า 30 ท่านครับ
อ่านมาจนถึงบันทัดนี้ หลายท่านอาจสงสัยว่า แล้วโปรเจ็คที่ผ่านมาแข่งขันในงาน AVC มันจะโดดเด่นสักแค่ไหน วันนี้ผมขอยกตัวอย่างสั้นๆ สัก 2-3 โปรเจ็คในปีที่ผ่านมานะครับ
EDEN จาก สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
EDEN เป็นนวัตกรรมแผ่นฟิล์มเคลือบผลไม้ ทำหน้าที่ทดแทนเปลือก ที่ไม่มีกลิ่น สี รส สามารถทานได้ ปราศจากสารพิษ นอกจากนี้ยังผ่านมาตรฐานฮาลาล ทำให้สามารถยืดอายุ ผลิตภัณฑ์ผลไม้ปลอกเปลือก ให้นานขึ้นหลายเท่า นวัตกรรมชิ้นนี้ มีความพร้อมที่จะทำตลาดได้จริง และเป็นผู้ชนะการแข่งขัน ASIA VENTURE CHALLENGE ประจำปี 2015 ครับ
AEROX จาก คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
นวัตกรรมจาก Silica Aerogel ที่ให้คุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อน คุณภาพระดับเดียวกับที่องค์การ NASA เลือกใช้กับยานอวกาศ แต่สามารถทำได้ในราคาที่ตึกธรรมดาทั่วไปสามารถใช้ได้อย่างสบายกระเป๋า สำหรับนวัตกรรมและแผนธุรกิจนี้ ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศจากเวที AVC และเวทีระดับโลกอย่าง VLIC ที่สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยังคว้ารางวัลใหญ่ Clean Energy Award กลับมาจากเมืองลุงแซมอีกรางวัล
นอกจากผลงานของทีมประเทศไทยแล้วยังมีผลงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง DingGo จาก SMU และ UhooAir จาก HKUST ที่ได้ข่าวมาว่า ได้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ขายจริงแล้วอีกด้วย ผมขอแปะลิ้งไว้ให้ด้านล่างนะครับ
เอาจริงๆปีนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าจะเป็นอย่างไร แต่ผมมั่นใจมากว่าคงแซ่บไม่แพ้ปีก่อนๆ สำหรับทุกท่านที่อ่านมาถึงบันทัดนี้แล้ว สนใจอยากร่วมเข้าฟังการนำเสนอผลงาน
งานปีนี้จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 7 - พุธที่ 9 มีนาคม ที่โรงแรม Plaza Athenee Bangkook, A Royal Meridien Hotel ถนนวิทยุ
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.asiaventurechallenge.org และจองที่นั่งได้ผ่าน guest.avc@gmail.com นะครับ
credit: ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/asiaventurechallenge/
*edit1 : แก้ไขการจัดหน้าครับ
*edit2 : แก้ไขการสะกดคำครับ