เคยสงสัยไหมว่า คนเราเกิดมาทำไม
คนที่เกิดมา โดยเฉพาะคนที่ชีวิตลำบากยากเข็ญ เชื่อได้เลยว่า คงจะมีอยู่จำนวนไม่น้อย เกิดคำถามขึ้นมาว่า ตนเองนั้น เกิดมาบนโลกทำไม เพราะรู้สึกว่า ชีวิตบนโลก มันช่างลำบากเหลือเกิน ซึ่งความจริงมันก็เป็นแบบนี้ซะด้วย เพราะทันทีที่เกิดมาบนโลก ก็ต้องดิ้นรน พยายามมีชีวิตให้รอด แล้วก็ต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจไป
ขณะที่คนที่เกิดมา สุขสบาย มีเงินทอง มีกินมีใช้ ก็คงจะไม่เกิดคำถามอะไรเกี่ยวกับชีวิต
แล้วตกลง เราเกิดมาทำไมหล่ะ
บางคนก็ว่าเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม (อันนี้ออกงมงาย ความเชื่อไปหน่อย)
บางคนก็คิดว่า เราเกิดมา เพื่อจะทำสิ่งๆนึง แล้วก็จากโลกไป
บางคนก็ว่า เราเกิดมา เพื่อจะหาใครสักคน เพื่อตามหาอีกส่วนที่ขาดหายไป
(อันนี้ออกแนวดูมิวสิคมากไป )
ขณะที่ถ้าว่ากันทางพระ ท่านก็จะบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ การแก่เป็นทุกข์ การเจ็บเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างพระท่านว่านั่นแหล่ะ เพราะไม่ว่าจะเกิดมารวย เกิดมาจน ทุกคนก็ต้องพบเจอกับสิ่งเหล่านี้หมด และไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันคือ สัจธรรมของชีวิต ที่ทุกคนเกิดมา ก็ต้องพยายามมีชีวิตอยู่ แล้วก็จากโลกไปเท่านั้น แต่จะจากไปเร็วไปช้า มันก็ไม่มีใครรู้
ซึ่งมันก็มีคนอยู่จำนวนนึง ที่ตามหาความหมาย และ คุณค่าของการมีชีวิต จนได้คำตอบว่า การที่เกิดมา และ มีชีวิตอย่างมีคุณค่านั้น ก็คือ การทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อื่น
ตามกำลังที่ตนเองพอจะทำได้ อาจจะเป็นการรับฟัง คนที่มีความทุกข์ หรือ ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ในเรื่องต่างๆ แต่ก็นะบางที โลกมันก็เล่นตลกอีก คนดีๆ มักจะอยู่บนโลกไม่ได้นาน แต่ก็เชื่อได้ว่า อย่างน้อยๆ เขาก็เกิดมาอย่างมีคุณค่า อย่างแน่นอน
ผิดกับ คนส่วนใหญ่ ที่เกิดมามักจะทำอะไรนึกถึงแต่ความสุขของตนเองก่อนเสมอ หากไปถามคนพวกนี้ว่าเกิดมาทำไม เขาก็คงจะตอบแค่ว่า ก็เกิดมาเพื่อเสพสุขไง แต่มันก็เป็นสุขที่เกิดจากการกอบโกย โดยไม่สนใจว่า ใครจะได้รับผลกระทบจากการกระทำของตนเอง หรือเปล่า
สุดท้าย คำถามที่วา เกิดมาทำไม ก็เป็นคำถาม ที่ไม่มีคำตอบใดๆนั่นเอง แต่ที่แน่ๆก็คือ ทุกชีวิตที่เกิดมา สักวันนึงก็๋ต้องตาย ยังไงจงหมั่นพิจารณาเรื่องนี้ให้มากๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้จากโลกไปอย่างสงบมากขึ้น ขอให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีสติ อย่าคาดหวังกับสิ่งต่างๆ พิจารณาเรื่องรอบๆตัวให้มากๆ จะได้ไม่เป็นคนหลงโลก จนลืมความจริงของชีวิตไป
เคยสงสัยไหมว่า คนเราเกิดมาทำไม
คนที่เกิดมา โดยเฉพาะคนที่ชีวิตลำบากยากเข็ญ เชื่อได้เลยว่า คงจะมีอยู่จำนวนไม่น้อย เกิดคำถามขึ้นมาว่า ตนเองนั้น เกิดมาบนโลกทำไม เพราะรู้สึกว่า ชีวิตบนโลก มันช่างลำบากเหลือเกิน ซึ่งความจริงมันก็เป็นแบบนี้ซะด้วย เพราะทันทีที่เกิดมาบนโลก ก็ต้องดิ้นรน พยายามมีชีวิตให้รอด แล้วก็ต้องต่อสู้กับสิ่งต่างๆ จนกว่าจะหมดลมหายใจไป
ขณะที่คนที่เกิดมา สุขสบาย มีเงินทอง มีกินมีใช้ ก็คงจะไม่เกิดคำถามอะไรเกี่ยวกับชีวิต
แล้วตกลง เราเกิดมาทำไมหล่ะ
บางคนก็ว่าเกิดมาเพื่อชดใช้กรรม (อันนี้ออกงมงาย ความเชื่อไปหน่อย)
บางคนก็คิดว่า เราเกิดมา เพื่อจะทำสิ่งๆนึง แล้วก็จากโลกไป
บางคนก็ว่า เราเกิดมา เพื่อจะหาใครสักคน เพื่อตามหาอีกส่วนที่ขาดหายไป
(อันนี้ออกแนวดูมิวสิคมากไป )
ขณะที่ถ้าว่ากันทางพระ ท่านก็จะบอกว่า การเกิดเป็นทุกข์ การแก่เป็นทุกข์ การเจ็บเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์ ซึ่งมันก็เป็นจริงอย่างพระท่านว่านั่นแหล่ะ เพราะไม่ว่าจะเกิดมารวย เกิดมาจน ทุกคนก็ต้องพบเจอกับสิ่งเหล่านี้หมด และไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันคือ สัจธรรมของชีวิต ที่ทุกคนเกิดมา ก็ต้องพยายามมีชีวิตอยู่ แล้วก็จากโลกไปเท่านั้น แต่จะจากไปเร็วไปช้า มันก็ไม่มีใครรู้
ซึ่งมันก็มีคนอยู่จำนวนนึง ที่ตามหาความหมาย และ คุณค่าของการมีชีวิต จนได้คำตอบว่า การที่เกิดมา และ มีชีวิตอย่างมีคุณค่านั้น ก็คือ การทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อื่น
ตามกำลังที่ตนเองพอจะทำได้ อาจจะเป็นการรับฟัง คนที่มีความทุกข์ หรือ ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ในเรื่องต่างๆ แต่ก็นะบางที โลกมันก็เล่นตลกอีก คนดีๆ มักจะอยู่บนโลกไม่ได้นาน แต่ก็เชื่อได้ว่า อย่างน้อยๆ เขาก็เกิดมาอย่างมีคุณค่า อย่างแน่นอน
ผิดกับ คนส่วนใหญ่ ที่เกิดมามักจะทำอะไรนึกถึงแต่ความสุขของตนเองก่อนเสมอ หากไปถามคนพวกนี้ว่าเกิดมาทำไม เขาก็คงจะตอบแค่ว่า ก็เกิดมาเพื่อเสพสุขไง แต่มันก็เป็นสุขที่เกิดจากการกอบโกย โดยไม่สนใจว่า ใครจะได้รับผลกระทบจากการกระทำของตนเอง หรือเปล่า
สุดท้าย คำถามที่วา เกิดมาทำไม ก็เป็นคำถาม ที่ไม่มีคำตอบใดๆนั่นเอง แต่ที่แน่ๆก็คือ ทุกชีวิตที่เกิดมา สักวันนึงก็๋ต้องตาย ยังไงจงหมั่นพิจารณาเรื่องนี้ให้มากๆ เพราะเมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้จากโลกไปอย่างสงบมากขึ้น ขอให้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีสติ อย่าคาดหวังกับสิ่งต่างๆ พิจารณาเรื่องรอบๆตัวให้มากๆ จะได้ไม่เป็นคนหลงโลก จนลืมความจริงของชีวิตไป