สวัสดีค่ะ หลังจากห่างหายไปนานไม่ได้ตั้งกระทู้เลย...
วันนี้ก็จะพาไปเที่ยวภูสอยดาวกันจ้าา แต่ขอบอกก่อนว่าทริปนี้เราไม่ได้แค่พิชิตลานสนเท่านั้น
แต่เราจะพาไปพิชิตยอดภูสอยดาวกันเลยค่ะ ที่ความสูง 2,102 เมตร
ชักช้าอยู่ทำไม ไปกันเลยยยย : D
จริงๆไม่ได้มีแพลนว่าจะไปไหนเลย เลื่อน facebook ไปเรื่อยๆก็เจอทริปนี้เข้า เขาบอกว่า
"ทริปปีนยอดภูสอยดาว สำหรับขาถึก"
สะดุดกับคำว่าขาถึกทันที จองที่นั่งสิคะรออะไร!!!!
วันที่ 7 มกราคม 2559
เราออกเดินทางโดยรถตู้จาก BTS สนามเป้าประมาณ 3 ทุ่มเห็นจะได้
วันที่ 8 มกราคม 2559
ตื่นมาอีกทีก็ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวซะแล้ว ตอนนั้นหนาวมากกก หนาวสุดขีดดดด
รอจนสว่างก็ล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวเช้า เตรียมตัวไปเหนื่อยกัน
ก่อนจะถึงทางขึ้นค่ะ เราจะเจอกับป้ายนี้ก่อนเลย มีน้ำตกนะคะเล่นได้ แต่ตอนที่ไปน้ำเย็นมากกก เล่นไม่ไหวค่ะ
เราออกเดินจากจุด Start เวลาประมาณ 09:06 น. เป้าหมายของเราในวันนี้คือ "ลานสน" จ้าาาา
ระหว่างทางก็ยังไม่เท่าไหร่ หอบเบาๆพอเป็นพิธี แวะกินข้าวกลางวันกันด้วย เดี๋ยวจะเดินต่อไม่ไหว
เดินมาเรื่อยๆ อาการเริ่มออก คือเหนื่อยยย TT แต่เราต้องไปต่อค่ะ หยุดไม่นาน พักไม่นาน เดี๋ยวตามสมาชิกในทริปไม่ทัน
สมาชิกในทริปโหดทุกคน เดินเร็ว พักน้อยมาก ดังนั้นเราต้อง strong มากๆค่ะ TT
เดินไต่ระดับความสูงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินมรณะ ... โอ้ ขึ้นอย่างเดียวเลย แถมไม่มีต้นไม้บังแดดอีก โล่งเชียว แดดก็เปรี้ยงเลยจ้าา เหนื่อยมากกกกก ร้อนมากกกกก ต้องรีบเดินไม่อย่างนั้นหน้าไหม้ก่อน
นับเป็นความทรมานมากๆกับเนินมรณะ แต่เราก็ผ่านมาได้ด้วยดี (มั้ง)
และในที่สุดเราก็พิชิตลานสนได้แล้ววว ตอนนั้นเวลา 13:50 น. ถือว่าใช้เวลาไปพอสมควร และใช้แรงไปเยอะทีเดียว (เริ่มหิวอีกรอบ)
ลูกหาบยังมาไม่ถึง ระหว่างรอลูกหาบเราก็เลยไปเดินสำรวจรอบๆลานสนกัน เดินไปหาเคลื่อนสัญญาณโทรศัพท์กันด้วย
ลานสน ณ วันเวลานั้น เหมือนทุ่งหญ้าสะวันนาเลย สีทองเต็มไปหมด พอมาตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ก็กลายเป็นภาพที่สวยงามมากๆๆๆๆ
ลมแรงพัดมาเป็นระยะๆ อากาศเย็นๆ หนาวๆ สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบของลานสน "ฉันชอบบ"
(แต่ถ้ามาตอนปลายฝนต้นหนาวก็จะมีดอกหงอนนาคเต็มไปหมด ยังไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน ไว้ต้องมาใหม่อีกรอบ แฮร่ๆ)
มันจะเหงาก็ไม่เหงา จะหนาวก็ไม่หนาว จะร้อนก็ไม่ร้อน มันคล้ายๆว่า โรแมนติกซะมากกว่า ^^
หลังจากที่เราเดินสำรวจรอบๆกันแล้ว ก็ไปอาบน้ำกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ที่นี่โอเคมากตรงที่มีห้องน้ำสะดวกสบายแต่น้ำต้องไปเติมเอง (ยืมถังน้ำกับขันมา สีน้ำไม่น่าประทับใจสักเท่าใดนัก แล้วถังเดียวก็อาบไม่พอต้องให้คนยืนรอหน้าห้องน้ำ เพื่อไปเปิดน้ำใส่ถังมาเพิ่ม แต่ก็มีบางคนที่ถังเดียวแล้วพอนะ ยังแอบสงสัยอยู่ว่าอาบพอจริงๆหรอ ฮาาา)
หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดิน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะพระอาทิตย์ตกที่นี่ไม่สวยเลย (-.-) ดวงอาทิตย์เล็กมาก
จากนั้นก็ตั้งวงกินข้าวกัน หิวสุดๆกินไม่ยั้งเลย หลังจากมื้อเย็นจบลงพวกเราก็นั่งคุยกัน โชคดีที่ทริปนี้อายุเฉลี่ยน้อย อยู่ใน gen เดียวกัน เลยมีเรื่องคุยสนุกๆเยอะแยะไปหมด (ทริปดอยหลวงเชียงดาวปีก่อนคนละ gen เลยไม่ค่อยได้คุย ฮาาาาา)
และเราก็ได้ลิ้มลองรสชาติของ "ดาวลอย" เป็นเหล้าอะไรไม่รู้สีใสๆ คล้ายเหล้าขาว รสชาติอธิบายไม่ถูก ก็จิบๆพอเป็นพิธีไป
ค่ำคืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด ลมแรง หนาวใช้ได้เลย วัดอุณภูมิกันได้ประมาณ 14-15 องศา
แล้วก็ได้เวลาเข้านอน ต้องรีบนอนเพราะ
>>>>>>พรุ่งนี้เราจะไปพิชิตยอดภูสอยดาวกัน!!!!!
วันที่ 9 มกราคม 2559
หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวเดินขึ้นยอดภูสอยดาวกันค่ะ
(ต้องเตรียมข้าวกลางวันขึ้นไปกินบนยอดด้วยนะ อีกอย่างก็คือถุงมือ) เราเตรียมข้าว และโค้กไป1ขวด
แบกขึ้นมาเพื่อเก็บไว้ไปกินบนยอดเลย คงจะฟินน่าดู ^^
ในการขึ้นยอดภูสอยดาวนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่นำขึ้นไป และมีอุปกรณ์เซฟตี้ คือ หมวก เอาไว้ป้องกันเผื่อขณะปีนมีหินตกลงมาเดี๋ยวหัวจะแตกเอาได้ แต่เราไม่ได้เอาไปเพราะคาดว่าจะเกะกะและเป็นภาระ ก็ใช้ความระมัดระวังเอาเองแล้วกัน (มีพี่คนหนึ่งในทริประหว่างขาลงหินหล่นใส่หัวแรงมาก ดีที่พี่เขาใส่หมวกไม่อย่างนั้นหัวแตกชัวร์เลย สรุปหมวกก็สำคัญนะ - -)
เราเริ่มออกเดินทางเพื่อไปพิชิตยอดภูสอยดาวเวลา 08:30 น.
เริ่มจากการเดินผ่านลานสนก่อนเลย
ระหว่างทางมีใบเมเปิ้ลร่วงหล่นลงพื้นเต็มไปหมด
ชอบมาก สีสวยดี ถ่ายรูปกับใบเมเปิ้ลไปซะเยอะเลย
ระหว่างการปีนขึ้นยอดมีเชือกให้ไต่ให้จับเป็นระยะๆ ขึ้นชันมากต้องใช้ทั้งแรงขา แรงแขนช่วย
ที่สำคัญที่สุดคือแรงใจค่ะ ปีนขึ้นมาสูงเรื่อยๆก็มองลงไป อืมมม ตอนลงนี่ลำบากแน่ๆเลยเรา
การปีนขึ้นยอดภูสอยดาวก็ประมาณนี้ค่ะ ตามรูปเลย : )
สำหรับเราการปีนยอดสนุกค่ะ สนุกกว่าเดินจากข้างล่างมาลานสน
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยกว่าแต่รู้สึกได้ทำอะไรๆ ที่มากกว่าการเดินขึ้นมาเฉยๆ ชอบบบบ
และในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่ะ ยอดภูสอยดาว !!! ที่ความสูง 2,102 เมตร ที่เวลา 10:50 น.
รูปหมู่กันก่อนเลย เย้ๆๆๆ !!!!!!!!
รูปหมู่ไปแล้ว งั้นขอเดี่ยวบ้างนะ แฮร่ !
เสียดายที่ฟ้าปิดซะส่วนใหญ่ มีเปิดบ้างแต่น้อยมาก นี่แหละค่ะมีแต่เมฆบังวิวหมดเลย ฮาาา
เราใช้เวลาอยู่บนยอดกันประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็เริ่มเดินลงไปลานสนกันค่ะ
เริ่มเดินลงเวลา 12:25 น. ตอนลงนี่จังหวะไหนสไลด์ได้ก็สไลด์เลยค่ะ ลื่นปรื๊ดๆกันเลยทีเดียว เราล้มไป 1 ทีด้วย ฮาาา TT
เราถึงลานสนประมาณ 13:55 น. ค่ะ (เวลาที่จับคือลานสนที่อยู่ติดกับเขา ยังไม่ได้ไปที่แคมป์ของเรา เนื่องจากรอพี่ๆที่ยังลงมาไม่ถึงค่ะ)
วันนี้ใช้แรงไปเยอะเหนื่อยมากเลย กินข้าวเติมพลังกันซักหน่อย วันนี้พี่ลูกหาบใจดีมาจุดกองไฟให้พวกเราด้วย คลายหนาวไปได้เยอะเลย
คืนนี้พวกเรานั่งล้อมวงรอบกองไฟพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเราสนิทกันมากขึ้น มิตรภาพที่เกิดจากการเหนื่อยหอบมาด้วยกันมันดีอย่างนี้นี่เอง
การได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนที่ชอบอะไรๆเหมือนเรามันทำให้รู้สึกว่า โครตดี **
หมดไปแล้วกับอีก 1 วัน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้นอนที่นี่ พรุ่งนี้เราก็จะเดินลงกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนที่หลับไวมาก สนิทมาก เพราะเหนื่อยมามากนั่นเอง
วันที่ 10 มกราคม 2559
เราเริ่มเดินลงเวลาประมาณ 09:15 น.
วันนี้สบายๆชิวๆเพราะเป็นขาลง แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ ตรงไหนยังไม่ได้เก็บก็เก็บให้หมด
เราเป็นคนชอบขาลงมาก (ขาขึ้นไม่ชอบเลยเหมือนจะตายให้ได้ ฮาา) ตรงไหนเป็นเนินลงก็จะวิ่งลงเป็นส่วนใหญ่ สนุกดี
ทางราบก็เดินปกติ และเราก็ลงมาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวด้านล่างในเวลา 11:10 น.
เดินลงมาถึงก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกคิดไว้ว่าลงมาถึงจะเล่นน้ำตกแต่สรุปไม่ไ่ด้เล่นเพราะน้ำเย็นมากกกกกก
และแล้วก็ได้เวลามื้อกลางวัน (รอมานาน) เป็นมื้อที่อร่อยสุดๆ (อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยและหิวมาก)
จากนั้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯกันค่ะ
เป็นอันจบทริปขาถึก พิชิตยอดภูสอยดาวอย่างสมบูรณ์แบบ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆท่านที่อยากขึ้นไปพิชิตยอดภูสอยดาว 2,102 เมตร ซักครั้งในชีวิต
จริงๆ " มันไม่ได้ยาก แต่มันก็ไม่ได้ง่าย " อยากให้ไปลองดูค่ะ สนุกและประทับใจไม่ลืมแน่นอน
ปล.อย่าทิ้งขยะไว้ในป่านะคะ
ปล.2 อย่าลืมเก็บขยะลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะคะ
ช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้ เราจะได้มีป่าไว้ค้นหาความสนุกและความสุขกันต่อไปจ้าาา
[CR] ทริปขาถึก พิชิตยอดภูสอยดาว 2,102 เมตร
วันนี้ก็จะพาไปเที่ยวภูสอยดาวกันจ้าา แต่ขอบอกก่อนว่าทริปนี้เราไม่ได้แค่พิชิตลานสนเท่านั้น
แต่เราจะพาไปพิชิตยอดภูสอยดาวกันเลยค่ะ ที่ความสูง 2,102 เมตร
ชักช้าอยู่ทำไม ไปกันเลยยยย : D
จริงๆไม่ได้มีแพลนว่าจะไปไหนเลย เลื่อน facebook ไปเรื่อยๆก็เจอทริปนี้เข้า เขาบอกว่า "ทริปปีนยอดภูสอยดาว สำหรับขาถึก"
สะดุดกับคำว่าขาถึกทันที จองที่นั่งสิคะรออะไร!!!!
วันที่ 7 มกราคม 2559
เราออกเดินทางโดยรถตู้จาก BTS สนามเป้าประมาณ 3 ทุ่มเห็นจะได้
วันที่ 8 มกราคม 2559
ตื่นมาอีกทีก็ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวซะแล้ว ตอนนั้นหนาวมากกก หนาวสุดขีดดดด
รอจนสว่างก็ล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวเช้า เตรียมตัวไปเหนื่อยกัน
ก่อนจะถึงทางขึ้นค่ะ เราจะเจอกับป้ายนี้ก่อนเลย มีน้ำตกนะคะเล่นได้ แต่ตอนที่ไปน้ำเย็นมากกก เล่นไม่ไหวค่ะ
เราออกเดินจากจุด Start เวลาประมาณ 09:06 น. เป้าหมายของเราในวันนี้คือ "ลานสน" จ้าาาา
ระหว่างทางก็ยังไม่เท่าไหร่ หอบเบาๆพอเป็นพิธี แวะกินข้าวกลางวันกันด้วย เดี๋ยวจะเดินต่อไม่ไหว
เดินมาเรื่อยๆ อาการเริ่มออก คือเหนื่อยยย TT แต่เราต้องไปต่อค่ะ หยุดไม่นาน พักไม่นาน เดี๋ยวตามสมาชิกในทริปไม่ทัน
สมาชิกในทริปโหดทุกคน เดินเร็ว พักน้อยมาก ดังนั้นเราต้อง strong มากๆค่ะ TT
เดินไต่ระดับความสูงมาเรื่อยๆ จนถึงเนินมรณะ ... โอ้ ขึ้นอย่างเดียวเลย แถมไม่มีต้นไม้บังแดดอีก โล่งเชียว แดดก็เปรี้ยงเลยจ้าา เหนื่อยมากกกกก ร้อนมากกกกก ต้องรีบเดินไม่อย่างนั้นหน้าไหม้ก่อน
นับเป็นความทรมานมากๆกับเนินมรณะ แต่เราก็ผ่านมาได้ด้วยดี (มั้ง)
และในที่สุดเราก็พิชิตลานสนได้แล้ววว ตอนนั้นเวลา 13:50 น. ถือว่าใช้เวลาไปพอสมควร และใช้แรงไปเยอะทีเดียว (เริ่มหิวอีกรอบ)
ลูกหาบยังมาไม่ถึง ระหว่างรอลูกหาบเราก็เลยไปเดินสำรวจรอบๆลานสนกัน เดินไปหาเคลื่อนสัญญาณโทรศัพท์กันด้วย
ลานสน ณ วันเวลานั้น เหมือนทุ่งหญ้าสะวันนาเลย สีทองเต็มไปหมด พอมาตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า ก็กลายเป็นภาพที่สวยงามมากๆๆๆๆ
ลมแรงพัดมาเป็นระยะๆ อากาศเย็นๆ หนาวๆ สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบของลานสน "ฉันชอบบ"
(แต่ถ้ามาตอนปลายฝนต้นหนาวก็จะมีดอกหงอนนาคเต็มไปหมด ยังไม่เคยเห็นของจริงเหมือนกัน ไว้ต้องมาใหม่อีกรอบ แฮร่ๆ)
มันจะเหงาก็ไม่เหงา จะหนาวก็ไม่หนาว จะร้อนก็ไม่ร้อน มันคล้ายๆว่า โรแมนติกซะมากกว่า ^^
หลังจากที่เราเดินสำรวจรอบๆกันแล้ว ก็ไปอาบน้ำกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน ที่นี่โอเคมากตรงที่มีห้องน้ำสะดวกสบายแต่น้ำต้องไปเติมเอง (ยืมถังน้ำกับขันมา สีน้ำไม่น่าประทับใจสักเท่าใดนัก แล้วถังเดียวก็อาบไม่พอต้องให้คนยืนรอหน้าห้องน้ำ เพื่อไปเปิดน้ำใส่ถังมาเพิ่ม แต่ก็มีบางคนที่ถังเดียวแล้วพอนะ ยังแอบสงสัยอยู่ว่าอาบพอจริงๆหรอ ฮาาา)
หลังจากอาบน้ำเสร็จเราก็เดินไปดูพระอาทิตย์ตกดิน รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยถึงปานกลาง เพราะพระอาทิตย์ตกที่นี่ไม่สวยเลย (-.-) ดวงอาทิตย์เล็กมาก
จากนั้นก็ตั้งวงกินข้าวกัน หิวสุดๆกินไม่ยั้งเลย หลังจากมื้อเย็นจบลงพวกเราก็นั่งคุยกัน โชคดีที่ทริปนี้อายุเฉลี่ยน้อย อยู่ใน gen เดียวกัน เลยมีเรื่องคุยสนุกๆเยอะแยะไปหมด (ทริปดอยหลวงเชียงดาวปีก่อนคนละ gen เลยไม่ค่อยได้คุย ฮาาาาา)
และเราก็ได้ลิ้มลองรสชาติของ "ดาวลอย" เป็นเหล้าอะไรไม่รู้สีใสๆ คล้ายเหล้าขาว รสชาติอธิบายไม่ถูก ก็จิบๆพอเป็นพิธีไป
ค่ำคืนนี้ดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด ลมแรง หนาวใช้ได้เลย วัดอุณภูมิกันได้ประมาณ 14-15 องศา
แล้วก็ได้เวลาเข้านอน ต้องรีบนอนเพราะ
>>>>>>พรุ่งนี้เราจะไปพิชิตยอดภูสอยดาวกัน!!!!!
วันที่ 9 มกราคม 2559
หลังจากล้างหน้าแปรงฟัน กินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวเดินขึ้นยอดภูสอยดาวกันค่ะ
(ต้องเตรียมข้าวกลางวันขึ้นไปกินบนยอดด้วยนะ อีกอย่างก็คือถุงมือ) เราเตรียมข้าว และโค้กไป1ขวด
แบกขึ้นมาเพื่อเก็บไว้ไปกินบนยอดเลย คงจะฟินน่าดู ^^
ในการขึ้นยอดภูสอยดาวนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่นำขึ้นไป และมีอุปกรณ์เซฟตี้ คือ หมวก เอาไว้ป้องกันเผื่อขณะปีนมีหินตกลงมาเดี๋ยวหัวจะแตกเอาได้ แต่เราไม่ได้เอาไปเพราะคาดว่าจะเกะกะและเป็นภาระ ก็ใช้ความระมัดระวังเอาเองแล้วกัน (มีพี่คนหนึ่งในทริประหว่างขาลงหินหล่นใส่หัวแรงมาก ดีที่พี่เขาใส่หมวกไม่อย่างนั้นหัวแตกชัวร์เลย สรุปหมวกก็สำคัญนะ - -)
เราเริ่มออกเดินทางเพื่อไปพิชิตยอดภูสอยดาวเวลา 08:30 น.
เริ่มจากการเดินผ่านลานสนก่อนเลย
ระหว่างทางมีใบเมเปิ้ลร่วงหล่นลงพื้นเต็มไปหมด
ระหว่างการปีนขึ้นยอดมีเชือกให้ไต่ให้จับเป็นระยะๆ ขึ้นชันมากต้องใช้ทั้งแรงขา แรงแขนช่วย
ที่สำคัญที่สุดคือแรงใจค่ะ ปีนขึ้นมาสูงเรื่อยๆก็มองลงไป อืมมม ตอนลงนี่ลำบากแน่ๆเลยเรา
การปีนขึ้นยอดภูสอยดาวก็ประมาณนี้ค่ะ ตามรูปเลย : )
สำหรับเราการปีนยอดสนุกค่ะ สนุกกว่าเดินจากข้างล่างมาลานสน
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยกว่าแต่รู้สึกได้ทำอะไรๆ ที่มากกว่าการเดินขึ้นมาเฉยๆ ชอบบบบ
และในที่สุดเราก็มาถึงแล้วค่ะ ยอดภูสอยดาว !!! ที่ความสูง 2,102 เมตร ที่เวลา 10:50 น.
รูปหมู่กันก่อนเลย เย้ๆๆๆ !!!!!!!!
รูปหมู่ไปแล้ว งั้นขอเดี่ยวบ้างนะ แฮร่ !
เสียดายที่ฟ้าปิดซะส่วนใหญ่ มีเปิดบ้างแต่น้อยมาก นี่แหละค่ะมีแต่เมฆบังวิวหมดเลย ฮาาา
เราใช้เวลาอยู่บนยอดกันประมาณชั่วโมงนิดๆ ก็เริ่มเดินลงไปลานสนกันค่ะ
เริ่มเดินลงเวลา 12:25 น. ตอนลงนี่จังหวะไหนสไลด์ได้ก็สไลด์เลยค่ะ ลื่นปรื๊ดๆกันเลยทีเดียว เราล้มไป 1 ทีด้วย ฮาาา TT
เราถึงลานสนประมาณ 13:55 น. ค่ะ (เวลาที่จับคือลานสนที่อยู่ติดกับเขา ยังไม่ได้ไปที่แคมป์ของเรา เนื่องจากรอพี่ๆที่ยังลงมาไม่ถึงค่ะ)
วันนี้ใช้แรงไปเยอะเหนื่อยมากเลย กินข้าวเติมพลังกันซักหน่อย วันนี้พี่ลูกหาบใจดีมาจุดกองไฟให้พวกเราด้วย คลายหนาวไปได้เยอะเลย
คืนนี้พวกเรานั่งล้อมวงรอบกองไฟพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเราสนิทกันมากขึ้น มิตรภาพที่เกิดจากการเหนื่อยหอบมาด้วยกันมันดีอย่างนี้นี่เอง
การได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนที่ชอบอะไรๆเหมือนเรามันทำให้รู้สึกว่า โครตดี **
หมดไปแล้วกับอีก 1 วัน คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้นอนที่นี่ พรุ่งนี้เราก็จะเดินลงกันแล้ว คืนนี้เป็นคืนที่หลับไวมาก สนิทมาก เพราะเหนื่อยมามากนั่นเอง
วันที่ 10 มกราคม 2559
เราเริ่มเดินลงเวลาประมาณ 09:15 น.
วันนี้สบายๆชิวๆเพราะเป็นขาลง แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ ตรงไหนยังไม่ได้เก็บก็เก็บให้หมด
เราเป็นคนชอบขาลงมาก (ขาขึ้นไม่ชอบเลยเหมือนจะตายให้ได้ ฮาา) ตรงไหนเป็นเนินลงก็จะวิ่งลงเป็นส่วนใหญ่ สนุกดี
ทางราบก็เดินปกติ และเราก็ลงมาถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวด้านล่างในเวลา 11:10 น.
เดินลงมาถึงก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนแรกคิดไว้ว่าลงมาถึงจะเล่นน้ำตกแต่สรุปไม่ไ่ด้เล่นเพราะน้ำเย็นมากกกกกก
และแล้วก็ได้เวลามื้อกลางวัน (รอมานาน) เป็นมื้อที่อร่อยสุดๆ (อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยและหิวมาก)
จากนั้นเราก็เดินทางกลับกรุงเทพฯกันค่ะ
เป็นอันจบทริปขาถึก พิชิตยอดภูสอยดาวอย่างสมบูรณ์แบบ
สุดท้ายนี้หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกๆท่านที่อยากขึ้นไปพิชิตยอดภูสอยดาว 2,102 เมตร ซักครั้งในชีวิต
จริงๆ " มันไม่ได้ยาก แต่มันก็ไม่ได้ง่าย " อยากให้ไปลองดูค่ะ สนุกและประทับใจไม่ลืมแน่นอน
ปล.อย่าทิ้งขยะไว้ในป่านะคะ
ปล.2 อย่าลืมเก็บขยะลงมาทิ้งข้างล่างด้วยนะคะ
ช่วยกันรักษาธรรมชาติไว้ เราจะได้มีป่าไว้ค้นหาความสนุกและความสุขกันต่อไปจ้าาา
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น