อยากจะแบ่งปันเรื่องราวดีๆ ของน้องชาวสิงคโปร์คนหนึ่งที่รู้จักกันมาตั้งแต่เค้ามาฝึกงานที่เมืองไทย จนตอนนี้กลายเป็นหนุ่มแบงก์อนาคตไกลมีฝันใหญ่เก็บเงินซื้อคอนโด 2 ห้องนอนให้ได้ก่อนอายุ 40 !!! ขอยกนิ้วกดไลค์ให้เลยเพราะว่าที่สิงคโปร์คอนโดขนาดนี้ราคาตั้ง 50 ล้านแพงกว่าเมืองไทยเป็นสิบเท่าตัว

จุดพลิกชีวิตของน้องชาคริต (นามสมมุตินะคะ น้องเค้าเลือกเองเพราะเคยมาฝึกงานเมืองไทย^^) เริ่มตอนที่เค้า 9 ขวบ เพราะความเป็นเด็กไม่รู้อะไรเห็นเศษเหรียญที่ญาติวางทิ้งไว้เลยหยิบไปซื้อขนมบ่อยๆ จนวันนึงถูกคุณพ่อจับได้ พ่อเลยสอนว่า “การหยิบเงินคนอื่นไปเนี่ยถือว่าเป็นการขโมยนะ ถ้าลูกอยากมีเงิน ลูกต้องรู้จักที่จะเก็บเงินเอง” ชาคริตตกใจเพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำถือเป็นการขโมยของ จากจุดเล็กๆ นี้เองทำให้เริ่มเรียนรู้ว่าเขาจะต้องรู้จักที่จะหยอดกระปุกเองไม่ใช่ไปเอาเงินจากกระปุกของคนอื่น และก็ไม่ใช่แบบมือขอพ่อแม่
ด้วยความที่ชาคริตไม่ค่าขนมไม่มาก บางครั้งเค้าเลยได้แต่มองเพื่อนที่มีค่าขนมเยอะกินขนมอร่อย พอเค้าอายุได้ 13 ปี ชาคริตก็ปิ๊งไอเดียสปีดอัพเงินในกระปุกโดยการเอาขนมใส่เป้ไปขายให้เพื่อนที่โรงเรียน ปรากฏว่าขายดีได้เงินมาอาทิตย์ละ 5,000 บาท อุ๊ต๊ะ กดเครื่องคิดเลขรัวๆ เดือนนึงได้ตั้ง 2 หมื่น!!! ตอนแรกคิดว่าฟังผิด รีบถามว่าขายขนมหรือขายอะไรจ๊ะทำไมได้เงินเยอะ แล้วก็ถึงบางอ้อคือ น้องเค้าฉลาดมากพูดให้หรูหราภาษามาเก็ตติ้งคือรู้จักศึกษาและเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ถ้าพูดภาษาบ้านๆ ก็คือว่ารู้ว่าบรรดาเพื่อนๆหิวบ่อยแต่ขี้เกียจเดินลงบันไดไปซื้อขนมที่ร้านป้าชั้น 1 ขนมของชาคริตเลยขายดีเป็นเทน้ำเทท่าและยังขายได้ราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย

แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทำไปได้เทอมนึงก็เริ่มโดนครูจับได้ สุดท้ายเลยต้องเลิกไป ยังไงก็ตามถือว่านั่นเป็นจุดเร่ิมต้นการฝึกฝนเรื่องการขายและการทำธุรกิจเลยทีเดียว
และแล้วชีวิตชาคริตก็พลิกผันอีกครั้ง จากการหาเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้แบบเด็กๆ เค้าก็เริ่มมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ตอนอายุ 16 เค้าขอให้พ่อช่วยซื้อแลปท๊อปให้ พ่อแม่เค้าไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยแต่เพราะความรักลูกเลยตัดใจซื้อแลปท๊อปให้ราคา 5 หมื่นกว่าบาท สมัยก่อนแลปท๊อปแพงมากนะคะไม่ได้ถูกเหมือนสมัยนี้ ชาคริตเลยตั้งเป้าว่าจะใช้คอมพ์เพื่อหาเงินมาคืนให้พ่อ เค้าจึงเริ่มเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์จริงจังและหัดซ่อมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 17 หลายปีก่อนซ่อมคอมพ์เนี่ยเงินดีน้า เวลาว่างยังไปเป็นติวเตอร์อีก หยอดกระปุกแค่ปีเดียวชาคริตก็คืนค่าคอมพ์ให้พ่อได้ทั้งหมด
แต่ก็พอเค้าทำไปไม่นานก็รู้ว่าเค้าไม่ชอบนั่งจมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมหน้าจอตลอดเวลา ช่วงนั้นเองเค้าก็ต้องเลือกสาขาเรียนเลยเลือกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ
ตั้งแต่ตอนเรียนจบชาคริตมีเป้าหมายที่จะมีบ้านเป็นของตนเองเลยเก็บเงินด้วยการหักเงินเดือนออกมาครึ่งนึงแล้วเอาไปออมและลงทุนในหุ้น กองทุน รวมทั้งซื้อประกัน เค้าจะคอยศึกษาอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจและหนังสือเรื่องลงทุนตลอดเวลา เพื่อที่จะหาโอกาสในการลงทุนที่ปลอดภัย ตอนนี้ชาคริตอายุแค่ 27 ก็มีเงินเก็บสะสมไว้ 2-3 ล้าน เค้าคำนวนแล้วว่าถ้าเค้าขยันหยอดกระปุกและลงทุนเพื่อให้เงินทบต้นไปเรื่อยแบบนี้เค้าจะมีเงินซื้อบ้านและผ่อนคอนโด 50 ล้านได้หมดภายในอายุ 40!
หวังว่าเรื่องนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเริ่มการสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นฝันเล็กหรือฝันใหญ่ ถ้าเราตั้งเป้าแล้วลงมือทำ คอยศึกษาและมุ่งมั่นทำฝันให้สำเร็จ เชื่อว่าฝันนั้นจะเป็นจริงได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
ทิ้งท้ายการเล่าถึงความฝันและความตั้งใจของจขกทนะคะ ปีนี้จขกทตั้งเป้าหมายที่จะเขียนและแชร์เรื่องราวของคนรอบข้างที่สามารถเก็บเงิน ลงทุน โดยจะเขียนทุกเดือนเดือนละ 2 เรื่อง ไม่ใช่ว่าอยากดังเป็นบล็อกเกอร์ตามแฟชั่นนะคะ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาไปช่วยทำงานในมูลนิธิที่เค้าบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล และให้ทุนการศึกษากับเด็กยากไร้ เอ๊ะแล้วเกี่ยวกันยังไง ^^ เพราะการที่เห็นหลายคนต้องนอนรอคิวหมอตามรพ.รัฐตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เด็กหลายคนสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแต่ขาดโอกาสเรียนเพราะไม่มีค่าเทอม เลยกลับมาตั้งคำถามว่า ต้องมีคนมาบริจาคแค่ไหนถึงจะพอกับความต้องการ ยิ่งฟังข่าวที่ว่าเมืองไทยมีคนเป็นหนี้เยอะมาก เลยยิ่งถามตัวเองใหญ่ว่าทำไมคนถึงไม่มีเงิน ในที่สุดก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า เพราะคนไทยไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเงิน การลงทุน หลายคนกลัว และหลายคนถูกหลอก ......คราวนี้เลยถามตัวเองต่อว่าแล้วจะช่วยยังไงได้บ้าง สุดท้ายก็เห็นว่าตัวเองโชคดีที่มีคนรอบข้างรู้วิธีการลงทุน เก็บเงิน จนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเอาเรื่องราวเหล่านี้มาแบ่งปัน เขียนในภาษาที่ง่ายๆ อ่านสนุกก็น่าจะเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย เลยเป็นที่มาของการแบ่งปันเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะ เก็บออมเงิน ถ้าใครคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น คุณเองก็ช่วยคนอื่นได้ด้วยการแชร์นะค้า ^__^ ขอบคุณค่ะ
จุดพลิกชีวิตจากขโมยรุ่นจิ๋วสู่หนุ่มแบงก์สู้ฝันเก็บเงินซื้อคอนโด 50 ล้าน
จุดพลิกชีวิตของน้องชาคริต (นามสมมุตินะคะ น้องเค้าเลือกเองเพราะเคยมาฝึกงานเมืองไทย^^) เริ่มตอนที่เค้า 9 ขวบ เพราะความเป็นเด็กไม่รู้อะไรเห็นเศษเหรียญที่ญาติวางทิ้งไว้เลยหยิบไปซื้อขนมบ่อยๆ จนวันนึงถูกคุณพ่อจับได้ พ่อเลยสอนว่า “การหยิบเงินคนอื่นไปเนี่ยถือว่าเป็นการขโมยนะ ถ้าลูกอยากมีเงิน ลูกต้องรู้จักที่จะเก็บเงินเอง” ชาคริตตกใจเพราะไม่เคยคิดว่าสิ่งที่ทำถือเป็นการขโมยของ จากจุดเล็กๆ นี้เองทำให้เริ่มเรียนรู้ว่าเขาจะต้องรู้จักที่จะหยอดกระปุกเองไม่ใช่ไปเอาเงินจากกระปุกของคนอื่น และก็ไม่ใช่แบบมือขอพ่อแม่
ด้วยความที่ชาคริตไม่ค่าขนมไม่มาก บางครั้งเค้าเลยได้แต่มองเพื่อนที่มีค่าขนมเยอะกินขนมอร่อย พอเค้าอายุได้ 13 ปี ชาคริตก็ปิ๊งไอเดียสปีดอัพเงินในกระปุกโดยการเอาขนมใส่เป้ไปขายให้เพื่อนที่โรงเรียน ปรากฏว่าขายดีได้เงินมาอาทิตย์ละ 5,000 บาท อุ๊ต๊ะ กดเครื่องคิดเลขรัวๆ เดือนนึงได้ตั้ง 2 หมื่น!!! ตอนแรกคิดว่าฟังผิด รีบถามว่าขายขนมหรือขายอะไรจ๊ะทำไมได้เงินเยอะ แล้วก็ถึงบางอ้อคือ น้องเค้าฉลาดมากพูดให้หรูหราภาษามาเก็ตติ้งคือรู้จักศึกษาและเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ถ้าพูดภาษาบ้านๆ ก็คือว่ารู้ว่าบรรดาเพื่อนๆหิวบ่อยแต่ขี้เกียจเดินลงบันไดไปซื้อขนมที่ร้านป้าชั้น 1 ขนมของชาคริตเลยขายดีเป็นเทน้ำเทท่าและยังขายได้ราคาสูงกว่าปกติอีกด้วย
แต่หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทำไปได้เทอมนึงก็เริ่มโดนครูจับได้ สุดท้ายเลยต้องเลิกไป ยังไงก็ตามถือว่านั่นเป็นจุดเร่ิมต้นการฝึกฝนเรื่องการขายและการทำธุรกิจเลยทีเดียว
และแล้วชีวิตชาคริตก็พลิกผันอีกครั้ง จากการหาเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้แบบเด็กๆ เค้าก็เริ่มมีเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ตอนอายุ 16 เค้าขอให้พ่อช่วยซื้อแลปท๊อปให้ พ่อแม่เค้าไม่ได้เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยแต่เพราะความรักลูกเลยตัดใจซื้อแลปท๊อปให้ราคา 5 หมื่นกว่าบาท สมัยก่อนแลปท๊อปแพงมากนะคะไม่ได้ถูกเหมือนสมัยนี้ ชาคริตเลยตั้งเป้าว่าจะใช้คอมพ์เพื่อหาเงินมาคืนให้พ่อ เค้าจึงเริ่มเรียนรู้เรื่องคอมพิวเตอร์จริงจังและหัดซ่อมคอมพิวเตอร์ตั้งแต่อายุ 17 หลายปีก่อนซ่อมคอมพ์เนี่ยเงินดีน้า เวลาว่างยังไปเป็นติวเตอร์อีก หยอดกระปุกแค่ปีเดียวชาคริตก็คืนค่าคอมพ์ให้พ่อได้ทั้งหมด
แต่ก็พอเค้าทำไปไม่นานก็รู้ว่าเค้าไม่ชอบนั่งจมอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมหน้าจอตลอดเวลา ช่วงนั้นเองเค้าก็ต้องเลือกสาขาเรียนเลยเลือกเรียนสาขาบริหารธุรกิจ
ตั้งแต่ตอนเรียนจบชาคริตมีเป้าหมายที่จะมีบ้านเป็นของตนเองเลยเก็บเงินด้วยการหักเงินเดือนออกมาครึ่งนึงแล้วเอาไปออมและลงทุนในหุ้น กองทุน รวมทั้งซื้อประกัน เค้าจะคอยศึกษาอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจและหนังสือเรื่องลงทุนตลอดเวลา เพื่อที่จะหาโอกาสในการลงทุนที่ปลอดภัย ตอนนี้ชาคริตอายุแค่ 27 ก็มีเงินเก็บสะสมไว้ 2-3 ล้าน เค้าคำนวนแล้วว่าถ้าเค้าขยันหยอดกระปุกและลงทุนเพื่อให้เงินทบต้นไปเรื่อยแบบนี้เค้าจะมีเงินซื้อบ้านและผ่อนคอนโด 50 ล้านได้หมดภายในอายุ 40!
หวังว่าเรื่องนี้คงเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนเริ่มการสร้างฝันของตัวเองให้เป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นฝันเล็กหรือฝันใหญ่ ถ้าเราตั้งเป้าแล้วลงมือทำ คอยศึกษาและมุ่งมั่นทำฝันให้สำเร็จ เชื่อว่าฝันนั้นจะเป็นจริงได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ
ทิ้งท้ายการเล่าถึงความฝันและความตั้งใจของจขกทนะคะ ปีนี้จขกทตั้งเป้าหมายที่จะเขียนและแชร์เรื่องราวของคนรอบข้างที่สามารถเก็บเงิน ลงทุน โดยจะเขียนทุกเดือนเดือนละ 2 เรื่อง ไม่ใช่ว่าอยากดังเป็นบล็อกเกอร์ตามแฟชั่นนะคะ แต่เป็นเพราะว่าที่ผ่านมาไปช่วยทำงานในมูลนิธิที่เค้าบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล และให้ทุนการศึกษากับเด็กยากไร้ เอ๊ะแล้วเกี่ยวกันยังไง ^^ เพราะการที่เห็นหลายคนต้องนอนรอคิวหมอตามรพ.รัฐตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เด็กหลายคนสอบติดมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดังแต่ขาดโอกาสเรียนเพราะไม่มีค่าเทอม เลยกลับมาตั้งคำถามว่า ต้องมีคนมาบริจาคแค่ไหนถึงจะพอกับความต้องการ ยิ่งฟังข่าวที่ว่าเมืองไทยมีคนเป็นหนี้เยอะมาก เลยยิ่งถามตัวเองใหญ่ว่าทำไมคนถึงไม่มีเงิน ในที่สุดก็ได้คำตอบกับตัวเองว่า เพราะคนไทยไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเงิน การลงทุน หลายคนกลัว และหลายคนถูกหลอก ......คราวนี้เลยถามตัวเองต่อว่าแล้วจะช่วยยังไงได้บ้าง สุดท้ายก็เห็นว่าตัวเองโชคดีที่มีคนรอบข้างรู้วิธีการลงทุน เก็บเงิน จนมีชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าเอาเรื่องราวเหล่านี้มาแบ่งปัน เขียนในภาษาที่ง่ายๆ อ่านสนุกก็น่าจะเป็นประโยชน์ให้คนอื่นได้บ้างไม่มากก็น้อย เลยเป็นที่มาของการแบ่งปันเรื่องราวของคนที่ประสบความสำเร็จในการสร้างฐานะ เก็บออมเงิน ถ้าใครคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น คุณเองก็ช่วยคนอื่นได้ด้วยการแชร์นะค้า ^__^ ขอบคุณค่ะ