สวรรค์บนดิน "ภูกระดึง"
เรื่องราวเกิดจากผมอ่านข่าวตามฟีดเฟสบุ๊คว่าอากาศหนาวจะมาเยือนเมืองไทย ประจวบเหมาะกับเพื่อนสนิทมิตรสหายหยุดงานติดกัน 4 วัน
เลยมีไอเดียจากผมฝ่ายเดียวว่า เราต้องใช้อากาศหนาวให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน!
เท่านั้นแหละครับก็แชทไลน์ไปหาเพื่อนทันที ร่างกายต้องการอากาศบริสุทธิ์ ขุนเขา และสายหมอก
เพื่อนจึงเสนอความคิดว่าอยากไปภูทอกและเชียงคาน ผมจึงสวนไปทันควัน ว่าที่เพื่อนมันพูดมานั้น มัน คือ ที่ ไหน?
เพื่อน : จ.เลยไงไอ้ควายยยยยย!
เมื่อสิ้นเสียงเพื่อนด่าทอจึงเสนอความคิดว่า .."ไหนๆก็ไปจ.เลยแล้ว แวะไปภูกระดึงด้วยเลย เพราะเคยฟังเพลง ลมพัดตึ้ง
ถ้ำภูกระดึงเขตเมืองเลย ได้ยินมานานแล้วแต่ไม่เคยไปสักที"
แต่เสียงเพือนหรือจะมาสู้เสียงผม สรุปเราไปภูกระดึงกัน เพื่อนบอกว่า ไปภูกระดึงกันมันเดินทาง 7-8 ชม.
ดังนั้น พอมันเลิกงานปุ๊ป สองทุ่มครึ่ง
ต้องรีบกลับมาและเดินทางกันในคืนนั้นเลย!
ผมเช็ครอบรถทัวร์ว่ามีรอบสุดท้ายกี่ทุ่ม พอเห็นว่ามีรอบ 22.30ก็เก็บกระเป๋าไปกันเลย
เรามาถึงหมอชิตขึ้นมาชั้น3 เดินหาซื้อตั๋วที่ไปภูกระดึงกัน พอเจอก็ซื้อเลย สนราคาตั๋วที่นั่งละ 347 บาท รอบ 22.30
**ลงผานกเค้านะครับ**
**แต่แนะนำนะครับมันมีหลายบริษัททัวร์ ให้หารถทัวร์ที่เป็นสองชั้น เพราะที่นั่งจะสบายและใหญ่กว่ามากกกกกกก ราคาต่างกันสิบยี่สิบเอง
มารู้เพราะขากลับ ได้นั่งสองชั้นสบายมาก
แต่อย่างว่าครับขาไปไม่มีข้อมูลใดๆ เจออะไรก็คว้าไว้ก่อนเลยได้นั่งชั้นเดียวที่คับแคบมากนอนไม่สบายตัวเลย

มีตั๋วแล้วก็เดินทางกันเลย อ้อรถออกเวลาตรงมากนะครับ 22.30 ออกเลย ฟิ้ววววววว
ออกจาก กทม.22.30
ถึงผานกเค้า 7.30 โดยประมาณ
จุดที่เราลงคือร้านเจ๊กิมครับ
ลงมาจะเจอกับนักท่องเที่ยวไม่รู้ว่าพึ่งมาหรือกลับ ที่ร้านใจดีมากครับให้ใช้น้ำแปรงฟันอะไรได้ฟรี แต่ห้องน้ำอย่างกับหนังสงครามเลยครับ ถ้าทนไหวก็เก็บไว้ไปเข้าที่ตีนเขาครับ
ผานกเค้า
ร้านเจ๊กิม กินข้าวเช้าครับ


จากนั้นเราต้องเหมารถสองแถวสีแดงไปภูต่ออีกนะครับ เที่ยวละ 300 บาท
10 คนรถออก จะเหลือคนละ 30 บาท
แต่ตอนผมไปมีผมกับเพื่อนสองคนและเจอคนมาเติมอีก 2 คน รวมกันได้ 4 คน เอ้า! ออกก็ออก!
หารกันเสียคนละ 75 บาท GO!!!!
แปปเดียวครับประมาณ 15 นาทีก็ถึงอุทยานแล้ว
อย่างว่ามาตัวเปล่าๆไม่ได้จองที่พักอะไรกันเลย
ต้องมาลุ้นจองตรงนี้กันครับ แต่ถ้าเป็นช่วงไฮซีซันจองล่วงหน้ามาก่อนดีนะครับ
**ถ้าเป็นบ้านต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ วอล์กอินมาไม่มีบ้านเหลือแน่นอนครับ
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=11
ภูกระดึง สิ่งอำนวยความสะดวก
1. มีบ้านพักบริการทั้งหมด 21 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 170 คน มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านเรือนแถว ข้อมูลรายละเอียดที่พักอย่างละเอียดและจองออนไลน์ได้ที่เวบไซด์อุทยานแห่งชาติ
2. มีบริการเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่า แต่นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อจองเต็นท์กับทางอุทยานฯในวันที่มาถึง ณ บริเวณที่ทำการอุทยานศรีฐาน ด้านล่างก่อนที่จะขึ้นภู เท่านั้น
ขนาดของเต็นท์ที่มีบริการ ( ราคาที่แจ้งไว้เฉพาะเต็นท์ไม่รวมเครื่องนอน )
- เต็นท์โดมขนาด 3 คน ราคา 225 บาท / คืน
- เต็นท์โดมใหญ่ขนาด 6 คน ราคา 450 บาท / คืน
- เต็นท์เคบิ้นขนาด 6 คน ราคา 450 บาท / คืน
เครื่องนอนที่มีบริการให้เช่า
- ถุงนอน ราคาถุงละ 30 บาท / คืน
- แผ่นรองนอน ราคาแผ่นละ 20 บาท / คืน
- หมอน ราคาใบละ 10 บาท / คืน
กรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์ขึ้นไปกางเอง ก็จะเสียค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท / คน / คืน
3. บนยอดภูกระดึงจัดบริการลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 5,000 คน เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวในเทศกาลและวันหยุดยาว
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
นักศึกษา แสดงบัตรประจำตัวนักศึกษา เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแสดงบัตรประชาชน ฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม
พอจัดการเรื่องที่หลับที่นอนเรียบร้อยก็เตรียมขึ้นเขากันได้เลยครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่ Strong ก็ต้องมาจ้างลูกหาบเอาครับ คิดน้ำหนัก กก.ละ 30 บาท
กำหนดการเปิด-ปิด อุทยาน
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. - 31 พ.ค. ของทุกปี
ปิดอุทยานให้ธรรมชาติฟื้นฟู ห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวตั้งแต่ 1 มิ.ย. - 30 ก.ย. ของทุกปี
ป่าปิด น้ำตกขุนพอง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย เป็นต้นไป
กำหนดเวลาเวลา เปิด-ปิด ให้ขึ้นภูในแต่ละวัน
ด่านอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. - 14.00 น.
ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูตั้งแต่เวลา 14.00 น. ไปเนื่องจากเกรงว่าจะมืดก่อนที่จะเดินถึงจุดหมาย
ขึ้นเขากันเถอะครับ ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร
เลือดสูบฉีดแล้ววววววววว ลุยยยยยยยยยยยยยย
แต่สำหรับผมมั่นใจในขาตัวเองครับ แบกเป้ขึ้นเขาเอง
พี่ไม่ได้มาเล่นๆ Strong Strong Strong!!
บรรยากาศระหว่างทางครับ
อาวุธขึ้นเขาแต่ละคนก็ต่างๆกันไปครับ อย่างท่านนี้ก็มีอาวุธที่ผมเรียกเพียงคนเดียว ว่าไม้เล่นสกี ใช้ในการเดินเขา
งบน้อยก็หาไม้ข้างๆทางที่มีคนทิ้งไว้ใช้ได้ไม่ต่างกันครับ
เดินมาสักพักจะเจอด่านเสียเงินด่านแรกครับ เป็นร้านค้า พักดื่มน้ำปัสวะกันได้ที่นี่เลยครับ
จะมีร้านค้าแบบนี้ให้เราได้พักเหนื่อยทั้งหมด 5 จุดครับ แต่ละจุดจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่ผมลืมชื่อละ5555++
แตงโมแดง หวานฉ่ำมาก ราคา 10 บาทครับ
บริเวณรอบๆจะเป็นวิวครับ แต่ละจุดวิวก็จะต่างๆกันไป
อยากบอกทุกคนที่ขึ้นภูกระดึงว่าสู้ๆนะครับ
เพราะทุกคนที่ขึ้นภูจะเหน็ดเหนื่อยมากๆ และคำพูดที่เรามักาจะได้ยินจากเพื่อนคือ "กูมาครั้งเดียวจะไม่มาอีกแล้วสัส"
แต่ขอให้อดทนเดินขึ้นมาข้างบนเถอะครับเพราะถึงหลังแปปุ๊ป ต้องเดินต่ออีก 3 กิโลกว่าจะถึงที่พัก 55555555555555555++++++++
เอาเป็นว่าอดทนนะครับ ขนาดอาม่า คนพิการ เด็กน้อย คนเหล่านี้ยังขึ้นมากันได้เลย เราครบ32 แถมยังหนุ่มสาวมาได้แน่ๆครับ
ประมาณเที่ยงๆผมก็ถึงหลังแปแล้วครับ
ตอนแรกคิดว่าถึงหลังแปแล้วถึงที่พักเลย ป่าวครับ!
ต้องเดินต่อไปอีก 3 กิโลครึ่ง แต่ทางราบครับ สบายขึ้น ระหว่างเดินก็ชมนกชมไม้ ชมบรรยากาศที่เราไม่สามารถหาได้จาก กทม ครับ
เดินมาจนมาเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก จนเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ
จะเห็นเต้นท์เยอะมากๆครับหลายพันทีเดียว
เดินเข้าไปแล้วถามเรื่องเต้นนอน เอาใบเสร็จที่เราได้มาจากข้างล่างแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูครับ จากนั้นก็เลือกที่นอนเอาตามอธยาศัยครับ
เจอน้องกวางตัวใหญ่มากนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ครับ ดูคุ้นเคยกับมนุษย์ดี
ตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็นแล้วครับเพื่อนพึ่งเดินมาถึงพอดี เลยชวนกันไปชมดูพระอาทิตย์ตกดินกัน
แต่ให้เดินคงไม่ไหวเลยเช่าจักรยานครับ พี่สาวในร้านจักรยานแนะนำว่าถ้าไปชมพระอาทิตย์ตกดินตอนนี้มีทันแค่ผ่าเดียวเพราะต้องปั่นไปอีก 2 กิโลครึ่ง คือ ผาหมากดูกครับ ราคาเช่าจักรยานไปผาหมากดูจำไม่ได้แล้วครับ แต่ราคาเหมาทั้งวัน 350 ครับ ถ้าล้อใหญ่ๆก็แพงขึ้นไปอีก
ปั่นจักรยานจะเร็วกว่าเดินครับ แต่บางช่วงดินเป็นทรายละเอียด บางช่วงก็ชันมาก ปั่นยากมากๆต้องจูงเอาครับ ต้องอย่าประมาทนะครับ
มาถึงผาหมากดูกแล้ว มีคนมานั่งรอชนพระอาทิตย์ตกก่อนหน้าผมประมาณนึงแล้วครับ ยิ่งเย็นๆคนยิ่งเยอะครับ
พระจันทร์ขึ้นแล้วครับ
[CR] รีวิว ภูกระดึง 3 วัน 2 คืน
สวรรค์บนดิน "ภูกระดึง"
เรื่องราวเกิดจากผมอ่านข่าวตามฟีดเฟสบุ๊คว่าอากาศหนาวจะมาเยือนเมืองไทย ประจวบเหมาะกับเพื่อนสนิทมิตรสหายหยุดงานติดกัน 4 วัน
เลยมีไอเดียจากผมฝ่ายเดียวว่า เราต้องใช้อากาศหนาวให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยการไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน!
เท่านั้นแหละครับก็แชทไลน์ไปหาเพื่อนทันที ร่างกายต้องการอากาศบริสุทธิ์ ขุนเขา และสายหมอก
เพื่อนจึงเสนอความคิดว่าอยากไปภูทอกและเชียงคาน ผมจึงสวนไปทันควัน ว่าที่เพื่อนมันพูดมานั้น มัน คือ ที่ ไหน?
เพื่อน : จ.เลยไงไอ้ควายยยยยย!
เมื่อสิ้นเสียงเพื่อนด่าทอจึงเสนอความคิดว่า .."ไหนๆก็ไปจ.เลยแล้ว แวะไปภูกระดึงด้วยเลย เพราะเคยฟังเพลง ลมพัดตึ้ง
ถ้ำภูกระดึงเขตเมืองเลย ได้ยินมานานแล้วแต่ไม่เคยไปสักที"
แต่เสียงเพือนหรือจะมาสู้เสียงผม สรุปเราไปภูกระดึงกัน เพื่อนบอกว่า ไปภูกระดึงกันมันเดินทาง 7-8 ชม.
ดังนั้น พอมันเลิกงานปุ๊ป สองทุ่มครึ่ง
ต้องรีบกลับมาและเดินทางกันในคืนนั้นเลย!
ผมเช็ครอบรถทัวร์ว่ามีรอบสุดท้ายกี่ทุ่ม พอเห็นว่ามีรอบ 22.30ก็เก็บกระเป๋าไปกันเลย
เรามาถึงหมอชิตขึ้นมาชั้น3 เดินหาซื้อตั๋วที่ไปภูกระดึงกัน พอเจอก็ซื้อเลย สนราคาตั๋วที่นั่งละ 347 บาท รอบ 22.30
**ลงผานกเค้านะครับ**
**แต่แนะนำนะครับมันมีหลายบริษัททัวร์ ให้หารถทัวร์ที่เป็นสองชั้น เพราะที่นั่งจะสบายและใหญ่กว่ามากกกกกกก ราคาต่างกันสิบยี่สิบเอง
มารู้เพราะขากลับ ได้นั่งสองชั้นสบายมาก
แต่อย่างว่าครับขาไปไม่มีข้อมูลใดๆ เจออะไรก็คว้าไว้ก่อนเลยได้นั่งชั้นเดียวที่คับแคบมากนอนไม่สบายตัวเลย
มีตั๋วแล้วก็เดินทางกันเลย อ้อรถออกเวลาตรงมากนะครับ 22.30 ออกเลย ฟิ้ววววววว
ออกจาก กทม.22.30
ถึงผานกเค้า 7.30 โดยประมาณ
จุดที่เราลงคือร้านเจ๊กิมครับ
ลงมาจะเจอกับนักท่องเที่ยวไม่รู้ว่าพึ่งมาหรือกลับ ที่ร้านใจดีมากครับให้ใช้น้ำแปรงฟันอะไรได้ฟรี แต่ห้องน้ำอย่างกับหนังสงครามเลยครับ ถ้าทนไหวก็เก็บไว้ไปเข้าที่ตีนเขาครับ
ผานกเค้า
ร้านเจ๊กิม กินข้าวเช้าครับ
จากนั้นเราต้องเหมารถสองแถวสีแดงไปภูต่ออีกนะครับ เที่ยวละ 300 บาท
10 คนรถออก จะเหลือคนละ 30 บาท
แต่ตอนผมไปมีผมกับเพื่อนสองคนและเจอคนมาเติมอีก 2 คน รวมกันได้ 4 คน เอ้า! ออกก็ออก!
หารกันเสียคนละ 75 บาท GO!!!!
แปปเดียวครับประมาณ 15 นาทีก็ถึงอุทยานแล้ว
อย่างว่ามาตัวเปล่าๆไม่ได้จองที่พักอะไรกันเลย
ต้องมาลุ้นจองตรงนี้กันครับ แต่ถ้าเป็นช่วงไฮซีซันจองล่วงหน้ามาก่อนดีนะครับ
**ถ้าเป็นบ้านต้องจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ วอล์กอินมาไม่มีบ้านเหลือแน่นอนครับ
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=11
ภูกระดึง สิ่งอำนวยความสะดวก
1. มีบ้านพักบริการทั้งหมด 21 หลัง รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 170 คน มีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านเรือนแถว ข้อมูลรายละเอียดที่พักอย่างละเอียดและจองออนไลน์ได้ที่เวบไซด์อุทยานแห่งชาติ
2. มีบริการเต็นท์พร้อมเครื่องนอนให้เช่า แต่นักท่องเที่ยวจะต้องติดต่อจองเต็นท์กับทางอุทยานฯในวันที่มาถึง ณ บริเวณที่ทำการอุทยานศรีฐาน ด้านล่างก่อนที่จะขึ้นภู เท่านั้น
ขนาดของเต็นท์ที่มีบริการ ( ราคาที่แจ้งไว้เฉพาะเต็นท์ไม่รวมเครื่องนอน )
- เต็นท์โดมขนาด 3 คน ราคา 225 บาท / คืน
- เต็นท์โดมใหญ่ขนาด 6 คน ราคา 450 บาท / คืน
- เต็นท์เคบิ้นขนาด 6 คน ราคา 450 บาท / คืน
เครื่องนอนที่มีบริการให้เช่า
- ถุงนอน ราคาถุงละ 30 บาท / คืน
- แผ่นรองนอน ราคาแผ่นละ 20 บาท / คืน
- หมอน ราคาใบละ 10 บาท / คืน
กรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์ขึ้นไปกางเอง ก็จะเสียค่าธรรมเนียมกางเต็นท์ 30 บาท / คน / คืน
3. บนยอดภูกระดึงจัดบริการลานกางเต็นท์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 5,000 คน เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวในเทศกาลและวันหยุดยาว
ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน
นักท่องเที่ยวชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท
นักศึกษา แสดงบัตรประจำตัวนักศึกษา เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
ผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปแสดงบัตรประชาชน ฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียม
พอจัดการเรื่องที่หลับที่นอนเรียบร้อยก็เตรียมขึ้นเขากันได้เลยครับ
แต่สำหรับคนที่ไม่ Strong ก็ต้องมาจ้างลูกหาบเอาครับ คิดน้ำหนัก กก.ละ 30 บาท
กำหนดการเปิด-ปิด อุทยาน
อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวได้ตั้งแต่ 1 ต.ค. - 31 พ.ค. ของทุกปี
ปิดอุทยานให้ธรรมชาติฟื้นฟู ห้ามนักท่องเที่ยวขึ้นไปเที่ยวตั้งแต่ 1 มิ.ย. - 30 ก.ย. ของทุกปี
ป่าปิด น้ำตกขุนพอง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย เป็นต้นไป
กำหนดเวลาเวลา เปิด-ปิด ให้ขึ้นภูในแต่ละวัน
ด่านอุทยานเปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูได้ตั้งแต่เวลา 07.00 น. - 14.00 น.
ปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นภูตั้งแต่เวลา 14.00 น. ไปเนื่องจากเกรงว่าจะมืดก่อนที่จะเดินถึงจุดหมาย
ขึ้นเขากันเถอะครับ ระยะทาง 5.5 กิโลเมตร
เลือดสูบฉีดแล้ววววววววว ลุยยยยยยยยยยยยยย
แต่สำหรับผมมั่นใจในขาตัวเองครับ แบกเป้ขึ้นเขาเอง
พี่ไม่ได้มาเล่นๆ Strong Strong Strong!!
บรรยากาศระหว่างทางครับ
อาวุธขึ้นเขาแต่ละคนก็ต่างๆกันไปครับ อย่างท่านนี้ก็มีอาวุธที่ผมเรียกเพียงคนเดียว ว่าไม้เล่นสกี ใช้ในการเดินเขา
งบน้อยก็หาไม้ข้างๆทางที่มีคนทิ้งไว้ใช้ได้ไม่ต่างกันครับ
เดินมาสักพักจะเจอด่านเสียเงินด่านแรกครับ เป็นร้านค้า พักดื่มน้ำปัสวะกันได้ที่นี่เลยครับ
จะมีร้านค้าแบบนี้ให้เราได้พักเหนื่อยทั้งหมด 5 จุดครับ แต่ละจุดจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่ผมลืมชื่อละ5555++
แตงโมแดง หวานฉ่ำมาก ราคา 10 บาทครับ
บริเวณรอบๆจะเป็นวิวครับ แต่ละจุดวิวก็จะต่างๆกันไป
อยากบอกทุกคนที่ขึ้นภูกระดึงว่าสู้ๆนะครับ
เพราะทุกคนที่ขึ้นภูจะเหน็ดเหนื่อยมากๆ และคำพูดที่เรามักาจะได้ยินจากเพื่อนคือ "กูมาครั้งเดียวจะไม่มาอีกแล้วสัส"
แต่ขอให้อดทนเดินขึ้นมาข้างบนเถอะครับเพราะถึงหลังแปปุ๊ป ต้องเดินต่ออีก 3 กิโลกว่าจะถึงที่พัก 55555555555555555++++++++
เอาเป็นว่าอดทนนะครับ ขนาดอาม่า คนพิการ เด็กน้อย คนเหล่านี้ยังขึ้นมากันได้เลย เราครบ32 แถมยังหนุ่มสาวมาได้แน่ๆครับ
ประมาณเที่ยงๆผมก็ถึงหลังแปแล้วครับ
ตอนแรกคิดว่าถึงหลังแปแล้วถึงที่พักเลย ป่าวครับ!
ต้องเดินต่อไปอีก 3 กิโลครึ่ง แต่ทางราบครับ สบายขึ้น ระหว่างเดินก็ชมนกชมไม้ ชมบรรยากาศที่เราไม่สามารถหาได้จาก กทม ครับ
เดินมาจนมาเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก จนเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยวครับ
จะเห็นเต้นท์เยอะมากๆครับหลายพันทีเดียว
เดินเข้าไปแล้วถามเรื่องเต้นนอน เอาใบเสร็จที่เราได้มาจากข้างล่างแสดงให้เจ้าหน้าที่ดูครับ จากนั้นก็เลือกที่นอนเอาตามอธยาศัยครับ
เจอน้องกวางตัวใหญ่มากนั่งพักผ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ครับ ดูคุ้นเคยกับมนุษย์ดี
ตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็นแล้วครับเพื่อนพึ่งเดินมาถึงพอดี เลยชวนกันไปชมดูพระอาทิตย์ตกดินกัน
แต่ให้เดินคงไม่ไหวเลยเช่าจักรยานครับ พี่สาวในร้านจักรยานแนะนำว่าถ้าไปชมพระอาทิตย์ตกดินตอนนี้มีทันแค่ผ่าเดียวเพราะต้องปั่นไปอีก 2 กิโลครึ่ง คือ ผาหมากดูกครับ ราคาเช่าจักรยานไปผาหมากดูจำไม่ได้แล้วครับ แต่ราคาเหมาทั้งวัน 350 ครับ ถ้าล้อใหญ่ๆก็แพงขึ้นไปอีก
ปั่นจักรยานจะเร็วกว่าเดินครับ แต่บางช่วงดินเป็นทรายละเอียด บางช่วงก็ชันมาก ปั่นยากมากๆต้องจูงเอาครับ ต้องอย่าประมาทนะครับ
มาถึงผาหมากดูกแล้ว มีคนมานั่งรอชนพระอาทิตย์ตกก่อนหน้าผมประมาณนึงแล้วครับ ยิ่งเย็นๆคนยิ่งเยอะครับ
พระจันทร์ขึ้นแล้วครับ