เราสมัคร id ใหม่เพื่อตั้งกระทู้บอกเล่าถึงความขี้สงสารและความเห็นอกเห็นใจของบรรดาแม่ๆด้วยกันเอง
เรื่องนี้เพิ่งเกิดมาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆค่ะแม่ๆที่เล่นเฟสอาจจะคุ้นตากันบ้าง
เริ่มจากมีการแชร์รูปเข้ามาในเพจขายสินค้าแม่และเด็กเพจหนึ่งว่ามีแม่ค้าคนหนึ่งลำบากมากสามีทำงานคนเดียวลูกเป็นโรคหัวใจบ้านกำลังจะถูกยึดเนื่องจากเอาบ้านไปขายฝากเพื่อนำเงินมารักษาลูกสาว
พอเห็นโพสต์แบบนี้เข้าด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อแม่เหมือนกันย่อมนึกสภาพออกว่าแม่ค้าคนนั้นและครอบครัวจะลำบากแค่ไหน
ก็มีคนช่วยสั่งของมากขึ้นบางคนก็บริจาคเงินเพราะตอนนั้นแม่ค้าท่านนี้ได้บอกกับทุกคนว่าลูกของเขาได้ผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ผ่านต้องผ่าอีกรอบและต้องใช้เงินผ่าถึงสองแสนบาทเนื่องจากใช้บัตรทองไม่ได้
คุณแม่ท่านนี้ได้โพสต์รูปลูกสาวพร้อมโชว์แผลผ่าตัดซึ่งคนที่เคนทำงานในโรงพยาบาลหรือคนที่เคยผ่าตัดจะรู้ว่าการปิดผ้ากลอสแบบนี้ไม่ถูกเทคนิคก็เริ่มมีคนจับสังเกตุมากขึ้นเช่น
ทำไมไม่ใช้บัตรทอง
ทำไมเมื่อนำเลข HN ของน้องไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลแล้วไม่พบประวัติการผ่าตัด
เรื่องบ้านที่บอกว่าถูกคนที่รับขายฝากยึดทำไมเมื่อไปถามคนรับเขาบอกไม่ได้ยึดและเงินจำนวนสองแสนบาทที่คุณแม่แจ้งว่านำไปผ่าตัดลูกนั้นไม่ใช่เงินที่เพิ่งกู้แต่เป็นเงินที่กู้สะสมมาตั้งแต่ปี 56 คนที่รับขายฝากก็ไม่ได้ยึดบ้านทำไมคุณแม่ท่านั้นต้องเอาเรื่องถูกไล่ที่มาอ้างเพื่อให้ทุกคนสงสาร มีเขียนบิลค่าปูน ทราย อิฐ บล็อค เพื่อต่อเพิงจนมีคุณพ่อท่านหนึ่งเสนอตัวเป็นคนออกเงินจำนวนนั้นเพื่อให้หนูน้อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ที่สำคัญเมื่อมีคนสั่งของและโอนเงินให้คุณแม่ท่านนี้กลับไม่ส่งตรงเวลา ไม่ใช่ทุกคนนไม่ให้โอากาสแต่เธอเลือกที่จะไม่ชี้แจงและบล็อคลูกค้าที่ทวงถาม
จนเมื่อถูกถามและถูกคาดคั้นหนักเข้าแม่ค้าท่านนี้ก็มีการโพสต์ในเฟสประมาณว่าไม่ไหวแล้วอยากตายใครอยากได้ลูกนางก็มารับเอาไปเลยนางเลี้ยงไม่ไหวแล้วเครียดจนถึงต้องกินยานอนหลับเพื่อหวังฆ่าตัวตายและเอายานอนหลับให้ลูกกินเพื่อให้ลูกน้อยตายตามไปด้วย
จากนั้นประมาณสิบนาทีเธอก็ได้โพสต์คลิปลูกน้อยที่นอนหายใจเร็วผิดจังหวะพร้อมข้อความว่าช่วยด้วยผิดไปแล้วสำนึกผิดแล้ว
ใครก็ได้ช่วยลูกเธอด้วย
ท่ามกลางความเป็นห่วงของทุกคนที่เห็นโพสต์ ณ ตอนนั้นก็มีคนแจ้งกู้ชีพกู้ภัยให้ไปที่บ้านคุณแม่ท่านนี้เพื่อช่วยเธอและหนูน้อยแต่ภาพที่กู้ภัยได้บันทึกวีดีโอไว้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่เธอบอกกับทุกคนคือเธออยู่ในบ้านไปใช่เพิง
เคราะห์ดีที่กูภัยมาถึงเร็วจึงนำตัวเธอและลูกส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยและมีศูนย์มาช่วยเหลือโดนการมอบเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้และจะมารับทุกครั้งที่หมอนัด
ใช้ความทุกข์ของตัวเองเพื่อเป็นเครื่องมือบนความสงสารของคนอื่น
เรื่องนี้เพิ่งเกิดมาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆค่ะแม่ๆที่เล่นเฟสอาจจะคุ้นตากันบ้าง
เริ่มจากมีการแชร์รูปเข้ามาในเพจขายสินค้าแม่และเด็กเพจหนึ่งว่ามีแม่ค้าคนหนึ่งลำบากมากสามีทำงานคนเดียวลูกเป็นโรคหัวใจบ้านกำลังจะถูกยึดเนื่องจากเอาบ้านไปขายฝากเพื่อนำเงินมารักษาลูกสาว
พอเห็นโพสต์แบบนี้เข้าด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อแม่เหมือนกันย่อมนึกสภาพออกว่าแม่ค้าคนนั้นและครอบครัวจะลำบากแค่ไหน
ก็มีคนช่วยสั่งของมากขึ้นบางคนก็บริจาคเงินเพราะตอนนั้นแม่ค้าท่านนี้ได้บอกกับทุกคนว่าลูกของเขาได้ผ่าตัดมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ผ่านต้องผ่าอีกรอบและต้องใช้เงินผ่าถึงสองแสนบาทเนื่องจากใช้บัตรทองไม่ได้
คุณแม่ท่านนี้ได้โพสต์รูปลูกสาวพร้อมโชว์แผลผ่าตัดซึ่งคนที่เคนทำงานในโรงพยาบาลหรือคนที่เคยผ่าตัดจะรู้ว่าการปิดผ้ากลอสแบบนี้ไม่ถูกเทคนิคก็เริ่มมีคนจับสังเกตุมากขึ้นเช่น
ทำไมไม่ใช้บัตรทอง
ทำไมเมื่อนำเลข HN ของน้องไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลแล้วไม่พบประวัติการผ่าตัด
เรื่องบ้านที่บอกว่าถูกคนที่รับขายฝากยึดทำไมเมื่อไปถามคนรับเขาบอกไม่ได้ยึดและเงินจำนวนสองแสนบาทที่คุณแม่แจ้งว่านำไปผ่าตัดลูกนั้นไม่ใช่เงินที่เพิ่งกู้แต่เป็นเงินที่กู้สะสมมาตั้งแต่ปี 56 คนที่รับขายฝากก็ไม่ได้ยึดบ้านทำไมคุณแม่ท่านั้นต้องเอาเรื่องถูกไล่ที่มาอ้างเพื่อให้ทุกคนสงสาร มีเขียนบิลค่าปูน ทราย อิฐ บล็อค เพื่อต่อเพิงจนมีคุณพ่อท่านหนึ่งเสนอตัวเป็นคนออกเงินจำนวนนั้นเพื่อให้หนูน้อยได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ที่สำคัญเมื่อมีคนสั่งของและโอนเงินให้คุณแม่ท่านนี้กลับไม่ส่งตรงเวลา ไม่ใช่ทุกคนนไม่ให้โอากาสแต่เธอเลือกที่จะไม่ชี้แจงและบล็อคลูกค้าที่ทวงถาม
จนเมื่อถูกถามและถูกคาดคั้นหนักเข้าแม่ค้าท่านนี้ก็มีการโพสต์ในเฟสประมาณว่าไม่ไหวแล้วอยากตายใครอยากได้ลูกนางก็มารับเอาไปเลยนางเลี้ยงไม่ไหวแล้วเครียดจนถึงต้องกินยานอนหลับเพื่อหวังฆ่าตัวตายและเอายานอนหลับให้ลูกกินเพื่อให้ลูกน้อยตายตามไปด้วย
จากนั้นประมาณสิบนาทีเธอก็ได้โพสต์คลิปลูกน้อยที่นอนหายใจเร็วผิดจังหวะพร้อมข้อความว่าช่วยด้วยผิดไปแล้วสำนึกผิดแล้ว
ใครก็ได้ช่วยลูกเธอด้วย
ท่ามกลางความเป็นห่วงของทุกคนที่เห็นโพสต์ ณ ตอนนั้นก็มีคนแจ้งกู้ชีพกู้ภัยให้ไปที่บ้านคุณแม่ท่านนี้เพื่อช่วยเธอและหนูน้อยแต่ภาพที่กู้ภัยได้บันทึกวีดีโอไว้ช่างแตกต่างจากสิ่งที่เธอบอกกับทุกคนคือเธออยู่ในบ้านไปใช่เพิง
เคราะห์ดีที่กูภัยมาถึงเร็วจึงนำตัวเธอและลูกส่งโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัยและมีศูนย์มาช่วยเหลือโดนการมอบเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้และจะมารับทุกครั้งที่หมอนัด