- บ้านนี้ตื่นคนแรก คือยาย ตี 3 ครึ่ง ทำกับข้าว/ รดน้ำต้นไม้ / ใส่บาตร (6.00 - 8.00 น. อึ่ม!)
- ตา ตี 4 อายุ 60 แล้วแต่ยังไม่เกษียร เจ้าของบริษัทให้ไปดูแลลูกน้องให้
- ภรรยา, ผม วันปกติ ตื่นมาจัดการเตรียมตัวเด็กๆไปโรงเรียน วันเสาร์ ปลายเดือนภรรยาไปทำงาน, 1 เดือน หยุดได้ 1 เสาร์ (วันอาทิตย์หยุดปกติ)
- มีอีก 2 คนนอนอยู่ในห้องคือ น้องพ่อตา, กับน้องเมีย
วันนี้โรงเรียนหยุด แต่ผมกับภรรยากำลังจะไปทำงาน ตื่นตี 4 เจ้าลูกคนโตก็ตื่นตามมา งอ-แง บ่นเหงา (ต้องอยู่บ้านกับยาย แล้วก็น้อง) ผมก็เร่งรัดให้อาบน้ำล้างหน้าเผื่ออาการ งอ-แง ง่วงขี้ตาจะลดลง ก็ผ่านไปด้วยดี แล้วเขาก็ขอกินข้าวเหนียว-หมูปิ้ง แลกเปลียนกับความเหงา ตอนตี 5:20 เราก็บอกว่าเขายังปิ้งไม่เสร็จ แต่ก็ออกไปรอแม่ค้ายืนปิ้ง (เหตุเกิดช่วงนี้) พอกลับมาภรรยาออกอาการหงุดหงิด ถามบ่นเซ้าซี้ว่าเราเป็นสาเหตุให้ลูกตื่น...อ้าวเฮ้ย ลูกตื่นมาเราอยู่ด้วยตลอดไม่มีปัญหาอะไรกับใครนี่นา แล้วมาเซ้าซี้อะไรตอนนี้ แล้วลูกกลับขึ้นไปนอน ซักพักได้ความว่า ลูกออกไปรอผมนอกบ้าน(แต่อยู่ในรั้วบ้าน) แล้วภรรยาไปตามเข้ามา แล้วพ่อตาบ่นใส่ "ตื่นมาทำไม วุ่นวายแต่เช้า" แล้วไม้สุดท้ายคือภรรยามาทะเลาะกับผม
ผมไม่รู้นะใครจะมองว่าเรื่องหยุมหยิม น้ำผึ่งหยดเดียว แต่ผมเห็นว่ามันเผด็จการมากไป ในครอบครัวพูดกันแบบนี้มันกดดันกัน (ก็นั่นอีกแหละ เดี๋ยวก็ว่าผมตามใจ เด็ก 7 ขวบแล้ว) เด็กโตแล้ว มีอะไรก็พูดกันดีๆก็ได้ แต่นี่หลานผิดต้องเป็นผิด ลูกสาวเขา(ภรรยาผม) ก็ไม่พูด ไม่เกลี้ยกล่อม แล้วไงละ ถ้าเงียบไปเลยคงไม่เป็นไร แต่นี่ มาลงกับเด็ก (ลูกโดนไล่ไปนอนต่อ) มาลงกับผม มาถามหาคนทำให้ตื่น ทั้งๆที่ตื่นมาต้ังนานแล้ว
ผมก็ใจร้อน ไม่ไหวจะทน หลายครั้งหลายหนแล้ว ที่นี้กลายเป็นว่าพอผมให้หลัง ก็มาอาละวาดเอากับลูกผมแทน พอผมเริ่มไม่พอใจ (ก็เริ่มทะเลาะกันทั้งๆที่พ่อตาแกยังอยู่นั่นแหละ) พ่อตาแกตีเฉย ออกไปทำงานเลย เหลือแต่ผมกับภรรยา ง้องแง้งกันเอง
สุดท้ายอยากรู้ว่าวัฒนธรรมปลาใหญ่กินปลาเล็กในครอบครัวแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามันควรจบไปได้แล้ว ผมเห็นเป็นเรื่องรุนแรงสืบทอดจากพ่อตา-แม่ยาย ลงมาที่ภรรยาผม ผมคิดมากไปหรือเปล่า
ปล. มีแผนย้ายบ้านอีก(ไม่)นาน
เบื่อจัง เป็นเขยคนจีน พ่อตา แม่ยายเจ้าอารมณ์
- ตา ตี 4 อายุ 60 แล้วแต่ยังไม่เกษียร เจ้าของบริษัทให้ไปดูแลลูกน้องให้
- ภรรยา, ผม วันปกติ ตื่นมาจัดการเตรียมตัวเด็กๆไปโรงเรียน วันเสาร์ ปลายเดือนภรรยาไปทำงาน, 1 เดือน หยุดได้ 1 เสาร์ (วันอาทิตย์หยุดปกติ)
- มีอีก 2 คนนอนอยู่ในห้องคือ น้องพ่อตา, กับน้องเมีย
วันนี้โรงเรียนหยุด แต่ผมกับภรรยากำลังจะไปทำงาน ตื่นตี 4 เจ้าลูกคนโตก็ตื่นตามมา งอ-แง บ่นเหงา (ต้องอยู่บ้านกับยาย แล้วก็น้อง) ผมก็เร่งรัดให้อาบน้ำล้างหน้าเผื่ออาการ งอ-แง ง่วงขี้ตาจะลดลง ก็ผ่านไปด้วยดี แล้วเขาก็ขอกินข้าวเหนียว-หมูปิ้ง แลกเปลียนกับความเหงา ตอนตี 5:20 เราก็บอกว่าเขายังปิ้งไม่เสร็จ แต่ก็ออกไปรอแม่ค้ายืนปิ้ง (เหตุเกิดช่วงนี้) พอกลับมาภรรยาออกอาการหงุดหงิด ถามบ่นเซ้าซี้ว่าเราเป็นสาเหตุให้ลูกตื่น...อ้าวเฮ้ย ลูกตื่นมาเราอยู่ด้วยตลอดไม่มีปัญหาอะไรกับใครนี่นา แล้วมาเซ้าซี้อะไรตอนนี้ แล้วลูกกลับขึ้นไปนอน ซักพักได้ความว่า ลูกออกไปรอผมนอกบ้าน(แต่อยู่ในรั้วบ้าน) แล้วภรรยาไปตามเข้ามา แล้วพ่อตาบ่นใส่ "ตื่นมาทำไม วุ่นวายแต่เช้า" แล้วไม้สุดท้ายคือภรรยามาทะเลาะกับผม
ผมไม่รู้นะใครจะมองว่าเรื่องหยุมหยิม น้ำผึ่งหยดเดียว แต่ผมเห็นว่ามันเผด็จการมากไป ในครอบครัวพูดกันแบบนี้มันกดดันกัน (ก็นั่นอีกแหละ เดี๋ยวก็ว่าผมตามใจ เด็ก 7 ขวบแล้ว) เด็กโตแล้ว มีอะไรก็พูดกันดีๆก็ได้ แต่นี่หลานผิดต้องเป็นผิด ลูกสาวเขา(ภรรยาผม) ก็ไม่พูด ไม่เกลี้ยกล่อม แล้วไงละ ถ้าเงียบไปเลยคงไม่เป็นไร แต่นี่ มาลงกับเด็ก (ลูกโดนไล่ไปนอนต่อ) มาลงกับผม มาถามหาคนทำให้ตื่น ทั้งๆที่ตื่นมาต้ังนานแล้ว
ผมก็ใจร้อน ไม่ไหวจะทน หลายครั้งหลายหนแล้ว ที่นี้กลายเป็นว่าพอผมให้หลัง ก็มาอาละวาดเอากับลูกผมแทน พอผมเริ่มไม่พอใจ (ก็เริ่มทะเลาะกันทั้งๆที่พ่อตาแกยังอยู่นั่นแหละ) พ่อตาแกตีเฉย ออกไปทำงานเลย เหลือแต่ผมกับภรรยา ง้องแง้งกันเอง
สุดท้ายอยากรู้ว่าวัฒนธรรมปลาใหญ่กินปลาเล็กในครอบครัวแบบนี้ ผมมั่นใจว่ามันควรจบไปได้แล้ว ผมเห็นเป็นเรื่องรุนแรงสืบทอดจากพ่อตา-แม่ยาย ลงมาที่ภรรยาผม ผมคิดมากไปหรือเปล่า
ปล. มีแผนย้ายบ้านอีก(ไม่)นาน