การมี Sex ของผู้หญิง ทำไมถูกทำให้มองเป็นเรื่องใจง่ายคะ? (สำหรับสยามประเทศ)

เป็นสิ่งที่เราสงสัย และข้องใจมากๆ

ทำไมการที่ผู้ชายได้ฟันผู้หญิงสักคน จึงถือเป็นความเก่งกาจ และจะยิ่งเก่งขึ้นไปอีกหากหญิงคนนั้นยังซิงอยู่...

และการปฏิบัติต่อผู้หญิงนั้นก็เปลี่ยนไปด้วย

เช่น หากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เคยผ่านการมีอะไรกับใครมาก่อน ก็จะมองว่า ควรค่าน่าทะนุถนอม ให้เกียรติเหลือเกิน
      ตรงกันข้าม สำหรับผู้หญิงที่เคยผ่านการมีอะไรกับใครมาแล้ว จะถูกมองอย่างอคติ (ง่ายบ้าง ไม่รักนวลสงวนตัวบ้าง) บางคนหนักมาก ถึงขนาดใช้ชีวิตร่วมหอลงโลงกันไป เวลาทะเลาะกัน ผู้ชายก็ขุดมาด่าว่า "อย่างเธอนี่ ผ่านมากี่คนแล้ว ฉันเอาเธอมาทำภรรยาก็ดีเท่าไหร่แล้ว" (เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน สามารถจินตนาการเป็นภาษาพ่อขุนรามฯ ได้)

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้หญิงจะซิงมาก่อน หรือ ไม่ซิงมาก่อน สุดท้าย เมื่อได้ตกเป็นของผู้ชายแล้ว ก็ดูเหมือน การดูแลเอาใจใส่ก็ลดลงไปด้วย มิหนำซ้ำยิ่งอยู่ด้วยกันนาน และสนิทสนมกันมากเท่าไหร่ ยิ่งมีการระบายอารมณ์ใส่คู่รักของตนเอง/แคร์กันน้อยลง มากขึ้นเท่านั้น

บางทีเราก็คิดนะว่า ควรจะเปลี่ยนทัศนคติใหม่ให้กับผู้ชายไทย(บางคน) แล้วได้ไหม?
มันทำให้เราคิดถึงประโยคในหนังเรื่องหนึ่งที่ว่า
"การที่ผู้หญิงเสียพรมจรรย์ไม่ใช่เพราะเธอใจง่าย แต่มันหมายถึง เธอเคยรักใครสักคน"

เราจึงไม่สามารถเหมารวมได้ว่าผู้หญิงที่มีอะไรกับแฟน เข้าทำนอง "ชิงสุกก่อนห่าม" คือ ผู้หญิงใจง่ายทุกคน
มันไม่ยุติธรรมเลย พอยิ่งได้ฟังความเห็นจาก คนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายเรา เรากลับรู้สึกแย่มาก เราคิดว่ามันกลายเป็นความผิดพลาดของชีวิต เราทำให้พ่อแม่เสียใจ เรารู้สึก....บาป... รู้สึกว่า วงค์ตระกูลขายขี้หน้าเพราะ "เรา" แต่เราอยากบอกคนรุ่นพ่อแม่ปู่ย่าตายายนะว่าสิ่งที่คุณปลูกฝังเรา มันเหมือนดาบสองคม...

"ลูกผู้หญิงจะรู้สึกมีคุณค่าอย่างสูงสุดก็ต่อเมื่อ ได้เสียตัวให้กับผู้ชายอย่างถูกต้องตามประเพณี โดยมีค่าสินสอดเป็นเครื่องการันตีคุณภาพความเป็นแม่พันธุ์" ลูกผู้ชายเองก็ถูกฝังหัวมาไม่ต่างกันว่า "ผู้หญิงที่มีค่าคือ ผู้หญิงที่ครองตัวเพื่อให้เราแหกเยื่อบางๆ ตามประเพณีเท่านั้น"
พอบทผู้ชายจะไปขอผู้หญิง(ที่ไม่ซิง) พ่อแม่ฝ่ายชายก็มองได้ว่า เอาลูกสาวมาใส่ตะกร้าล้างน้ำขาย แล้วผู้ชาย(บางส่วน) ก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยเมื่อคุยเรื่องค่าสินสอดกับพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาว พ่อแม่เจ้าสาวเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจอยู่ไม่น้อย...ความภาคภูมิใจในเจ้าสาวก็ลดลง

แนวคิดแบบนี้ มันทำให้ผู้หญิงที่เดินเป๋ออกจากนอกเส้นทางจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจประชดชีวิตด้วยการ ทำตัวฟรีไปเลย ส่วนหนึ่งเพราะไม่คาดหวังการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เพราะรู้ว่ายังไงผู้ชายก็ตัดสินตนจากเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว..

เราเอง ติดอยู่ระหว่างสองโลก โลกหนึ่งบอกว่า "คุณค่าของเธอหมดลง เมื่อเธอมีอะไรกับใครก่อนแต่งงาน ดังนั้นอย่าได้คิดฝันการมีคู่ครองที่ดีอีกเลย" อีกโลกหนึ่งกระซิบกับเราว่า "เธอมีคุณค่าในตัวเธอเอง ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว อย่าผูกติดกับความต้องการสังคมมากเกินไป"

ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับครอบครัว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ประเด็นเรื่องการคบแฟนของเราจะถูกยกขึ้นมาเพื่อบีบให้เรายอมจำนนเสมอ และเราเสียใจมาก ที่คนในครอบครัวซ้ำเติมเรา เพราะจากประสบการณ์เราเจอแต่คนไม่ดี  และเป็นอะไรที่เราไม่อยากจดจำเลย

ผู้ชายไทยเอง ถึงปากจะบอกว่าไม่แคร์ว่าเราผ่านใครมา... แต่เราเชื่อว่า (แทบ) ทุกคนมีความรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า "ผู้หญิงคนนี้ ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่อง" (ขอยกตัวอย่างอดีตแฟนเราที่เพิ่งเลิกกันไปนะคะ) เราสังเกตุได้จากวิธีการที่เค้าปฏิบัติกับเราทั้งยามใช้ชีวิตประจำวัน ตลอดจนถึงเรื่องบนเตียง... ตอนเค้ามีอะไรกับเรา มันเหมือนเค้าเอากับนางเอก AV มากกว่าคนรักที่ห่วงใยความรู้สึกของอีกฝ่าย แม้ขนาดตอนที่เราหลับอยู่ เขานึกอยากจะมีอะไรกับเรา ก็เอาแบบนั้นดื้อๆ โดยไม่สนใจว่าเราจะอยากมีอะไรกับเค้ามั้ย... เราเหนื่อย หรือ เราหลับอยู่...

เรารู้สึกเหนื่อยใจ...กับการไปที่ไหนแล้วคนตั้งคำถามว่า "เธอสวย ดี เก่ง ขนาดนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมผู้ชายถึงทำไม่ดีกับเธอ" (อิงคำพูดคนอื่นเพื่อให้เห็นภาพค่ะ)
หลากหลายคำตอบประดับประเดเข้ามาในจิตใจ จนเราแทบจะจมกองน้ำตาตาย...กับการพยายามเป็นคนดีเพื่อคนที่รัก

บางทีเราก็ท้อ และไม่คิดว่าจะเจอคนที่จริงใจ และมองข้ามเรื่องแบบนี้ไปได้จริงๆ (แบบที่ไม่ยกเอามาด่ากันตอนทะเลาะกันแบบที่เราทะเลาะกับที่บ้าน)

แค่คิดว่าเราต้องอยู่กับความรู้สึกผิดจากการเดินเป๋ออกนอกเส้นทางที่บรรพบุรุษขีดไว้เป็นประเพณีนิยม เราก็แทบไม่เห็นความหวังจะได้เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบในความรู้สึกของผู้ชาย(บางคน)เลยจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่