คำตอบคือ ไม่ทราบ
เพราะไม่มีใครทราบอนาคตที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
แต่ก็มีมุมมองที่น่าสนใจหลายอย่าง เกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของสโมสรเราในครั้งนี้
ประการแรก
มาตรฐานไทยลีคของเรา ยังสู้ จีน ญี่ป่น เกาหลีใต้ไม่ได้
เพราะ 3 ทีมของเราที่ส่งไปคือ แช้มป์ รองแช้มป์ และ ที่4 ซึ่งอุดมด้วยนักเตะทีมชาติไทย
มันไม่น่าใช่อุบัติเหตุ เหมือนที่ประธานสโมสรท่านหนึ่งได้กล่าวไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
เพราะทั้ง 3 สโมสรรวมกัน ไม่อาจทำประตูได้แม้แต่ประตูเดียว
คงไม่ต้องมีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวใดๆที่ฟังขึ้นอีกแล้ว มีเพียงการยอมรับความจริง แล้วแก้ไขอย่างจริงจัง
แต่กับการเล่นในนามทีมชาติ แตกต่างกับการเล่นในนามสโมสรอย่างมาก
เพราะทีมชาติ มาจากนักเตะสายเลือดเดียวกันล้วนๆ ไม่พึ่งนักเตะต่างชาติ( ซึ่งมีความสามารถโดยเฉลี่ยสูงกว่า)
แถม คุณภาพนักเตะต่างชาติของลีคอื่นในเอเชีย ก็ดีกว่าไทยกลายเท่า ตามกำลังเงินทุน
ดังนั้น ในรอบ 12 ทีม ซึ่งแบ่งเป็น 2 สาย สายละ 6 ทีม เมื่อตัด โถ1และ2 ออก โถ3 4 5 6 อาจไม่แตกต่างกันมาก
ผลการแข่งขันแบบแพ้หมดรูปทุกเกมส์ โอกาสเกิดขึ้นคงน้อยกว่าน้อย
แต่เพื่อความไม่ประมาท โค้ชซิโก้ คงต้องย้ำเตือนถึงความร้ายกาจในระดับเอชีย ให้นักเตะทีมชาติไทยตระหนัก
หมั่นฝึกซ้อม มีสมาธิ และทำเพื่อทีมให้ดีที่สุด โดยย้ำไปที่การแพ้ของสโมสรของเราทั้ง 3 ที่นักเตะได้เผชิญมา
ประการที่สอง
ในวันที่ 24 มีค 59 นี้ จะเป็นแมทช์สุดท้ายในรอบสองของการคัดเลือก
ซึ่งจะเป็นแมทช์ชี้ชะตาที่ดี ว่าเราจะสามารถผ่านแรงกดดันจากปัญหารอบด้านได้หรือไม่
โดยเฉพาะ ปัญหาเรื่องการเตรียมความพร้อมในการแข่งขัน ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านของสมาคม
เพราะถ้าเราเอาชนะอีรัคได้ในแมทช์นี้ ก็เป็นการพิสูจน์เบี้องต้นว่า ความหวังยังคงมีเสมอสำหรับทีมชาติไทย
และหลังการแข่งในนัดนี้ จะเป็นการวัดความสามัคคีของแฟนบอลไทยด้วย
ไทยลีค อาจเป็นลีคที่สู้ลีค จีน ญี่ป่น เกาหลีใต้ไม่ได้ในวันนี้
แต่เราต้องแสดงให้เห็นอย่างที่สุดว่า นักบอลไทยเรา สู้นักบอลจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และทีมชั้นนำในเอเชียได้
3 สโมสรใหญ่ของไทย แพ้หมดรูปในระดับเอเชีย คำถามยอดฮิตตอนนี้คือ แล้วทีมชาติไทยล่ะ จะแพ้หมดรูปด้วยหรือไม่ ?
เพราะไม่มีใครทราบอนาคตที่จะเกิดขึ้นในปีนี้
แต่ก็มีมุมมองที่น่าสนใจหลายอย่าง เกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของสโมสรเราในครั้งนี้
ประการแรก
มาตรฐานไทยลีคของเรา ยังสู้ จีน ญี่ป่น เกาหลีใต้ไม่ได้
เพราะ 3 ทีมของเราที่ส่งไปคือ แช้มป์ รองแช้มป์ และ ที่4 ซึ่งอุดมด้วยนักเตะทีมชาติไทย
มันไม่น่าใช่อุบัติเหตุ เหมือนที่ประธานสโมสรท่านหนึ่งได้กล่าวไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน
เพราะทั้ง 3 สโมสรรวมกัน ไม่อาจทำประตูได้แม้แต่ประตูเดียว
คงไม่ต้องมีข้ออ้าง ข้อแก้ตัวใดๆที่ฟังขึ้นอีกแล้ว มีเพียงการยอมรับความจริง แล้วแก้ไขอย่างจริงจัง
แต่กับการเล่นในนามทีมชาติ แตกต่างกับการเล่นในนามสโมสรอย่างมาก
เพราะทีมชาติ มาจากนักเตะสายเลือดเดียวกันล้วนๆ ไม่พึ่งนักเตะต่างชาติ( ซึ่งมีความสามารถโดยเฉลี่ยสูงกว่า)
แถม คุณภาพนักเตะต่างชาติของลีคอื่นในเอเชีย ก็ดีกว่าไทยกลายเท่า ตามกำลังเงินทุน
ดังนั้น ในรอบ 12 ทีม ซึ่งแบ่งเป็น 2 สาย สายละ 6 ทีม เมื่อตัด โถ1และ2 ออก โถ3 4 5 6 อาจไม่แตกต่างกันมาก
ผลการแข่งขันแบบแพ้หมดรูปทุกเกมส์ โอกาสเกิดขึ้นคงน้อยกว่าน้อย
แต่เพื่อความไม่ประมาท โค้ชซิโก้ คงต้องย้ำเตือนถึงความร้ายกาจในระดับเอชีย ให้นักเตะทีมชาติไทยตระหนัก
หมั่นฝึกซ้อม มีสมาธิ และทำเพื่อทีมให้ดีที่สุด โดยย้ำไปที่การแพ้ของสโมสรของเราทั้ง 3 ที่นักเตะได้เผชิญมา
ประการที่สอง
ในวันที่ 24 มีค 59 นี้ จะเป็นแมทช์สุดท้ายในรอบสองของการคัดเลือก
ซึ่งจะเป็นแมทช์ชี้ชะตาที่ดี ว่าเราจะสามารถผ่านแรงกดดันจากปัญหารอบด้านได้หรือไม่
โดยเฉพาะ ปัญหาเรื่องการเตรียมความพร้อมในการแข่งขัน ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านของสมาคม
เพราะถ้าเราเอาชนะอีรัคได้ในแมทช์นี้ ก็เป็นการพิสูจน์เบี้องต้นว่า ความหวังยังคงมีเสมอสำหรับทีมชาติไทย
และหลังการแข่งในนัดนี้ จะเป็นการวัดความสามัคคีของแฟนบอลไทยด้วย
ไทยลีค อาจเป็นลีคที่สู้ลีค จีน ญี่ป่น เกาหลีใต้ไม่ได้ในวันนี้
แต่เราต้องแสดงให้เห็นอย่างที่สุดว่า นักบอลไทยเรา สู้นักบอลจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และทีมชั้นนำในเอเชียได้