สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวไปพร้อมๆกับงานประจำ

แนะนำตัวก่อนล่ะกัน เราชื่อฟ้าค่ะ เป็นวิศวกรอยู่โรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง ทำงานมาได้ 3 ปีกับอีก 5 เดือนแล้วค่ะ เงินเดือนก็ 2 หมื่นนิดหน่อยทำงาน 7 วันช่วงฤดูหีบเดือนแรก ต่อมาทำ 6 วันเข้ากะกลางวัน-กลางคืน ส่วนฤดูซ่อมทำงาน 6 วัน หยุดวันอาทิตย์
คิดมาตลอดว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง กะไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆแล้วลาออกมาทำ แต่คิดไปคิดมาคงแก่ตายพอดีกว่าจะเก็บได้เยอะพอก็เลยปรึกษาพ่อกับแม่ดู ท่านก็บอกว่าทำงานเก็บเงินไปก่อนแล้วค่อยลาออกมาทำดีกว่า จะเอาเวลาที่ไหนมาทำธุรกิจ..เราก็เลยอธิบายว่า
อยากรีบทำก่อนที่พ่อแม่ญาติพี่น้องซึ่งทำงานราชการกันทั้งนั้นจะเกษียณกันไปซะก่อน จะได้มีลูกค้ารองรับ เอ่อ . . ลืมบอกไปเราจะทำธุรกิจป้ายไวนิลค่ะ พ่อกับแม่เลยยอมรับฟังพร้อมให้ยืมเงินทุนมาก้อนนึง(ต้องขอบพระคุณอย่างสูงนะคะคุณพ่อคุณแม่)
จากนั้นเราก็เริ่มเปิด google หาผู้ขายเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทได้มาหลายเจ้าอยู่ ติดต่อไปสอบถามพูดคุย จนได้ที่พอใจแล้วบวกกับโชคดีของเรามีงาน Expo เกี่ยวกับธุรกิจนี้พอดี จึงชวนแม่ขับรถเข้ากรุงเทพฯ ไปเดินเลือกดูเยอะแยะไปหมดเลือกไม่ถูก สุดท้ายก็จบที่เจ้าที่คุยกันไว้เราสนใจเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้าง 1.8 m. ค่าจอง 10,000 บาท จากนั้นก็กลับมาบ้านอย่างตื่นเต้นว่าเราจะมีร้านเป็นของตัวเองแล้วเหรอเนี่ย?? เพ้อฝันไปต่างๆนานา
ฤกษ์งานยามดีวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เราโทรนัดให้เอาเครื่องมาลงที่บ้านค่ะมีห้องโล่งๆหน้าบ้านอยู่ ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าเช่า(สบายไปอีก) นิมนต์หลวงตาวัดแถวบ้านมาเจิมป้ายร้านเพื่อเป็นศิริมงคล เครื่องมาลงบ่าย 2 โมงได้ ติดตั้ง ทดลองเครื่อง จ่ายเงินดาวน์ 100,000 บาททุกอย่างเสร็จสรรพ 2 ทุ่มพอดี . . พอช่างกลับไปแล้วเราก็ลองออกแบบป้ายร้านตัวเองลองสั่งพิมพ์อะไรไปเรื่อยจนคล่อง
จนพ่อกลับมา "มีงานใหญ่นะลูก พร้อมหรือยัง" แต่ก่อนหน้านี้มีลูกค้าติดต่อมาทาง facebook เราเจ้านึงแล้วดีใจมากงานแรกเลย 260 บาทพร้อมส่งถึงที่เพราะเป็นทางผ่านขับรถไปทำงานพอดี จากนั้นก็รับงานจากพ่องานแม่และคนรู้จักเรื่อยๆมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเราจะมีเวลาทำวันหยุดเราคือวันทร์ 1 วันและช่วงสัปดาห์ที่ออกกลางคืนไปแค่นั้น
นี่แหละค่ะประสบการณ์การเป็นทั้งมนุษย์เงินเดือนและมนุษย์เงินวันไปพร้อมๆ กันของเรา ยอมรับว่าเหนื่อยหน่อยแต่มีความสุขค่ะ เปิดมาได้เกือบเดือนแล้วพอใจกับรายได้ค่ะสมกับที่เหนื่อย ตอนนี้ก็รอรายรับเพื่อผ่อนเครื่อง 1 ปีก็หมด จากนั้นก็ใช้หนี้พ่อแม่ 1 แสนบาท . . ถ้า 2 อย่างนี้หมดก็โล่งแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการอ่านกระทู้เราจนจบ แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจไม่มีคำว่าสายค่ะ ถ้าเราตั้งใจจริง
ปล.ถ้าแท็กผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่คิดว่าเราแท็กหัวข้อที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว

และขอเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มทำธุริกิจด้วยค่ะ สู้ๆ!!
เมื่อตัดสินใจเป็นทั้งมนุษย์เงินเดือนและมนุษย์เงินวัน
แนะนำตัวก่อนล่ะกัน เราชื่อฟ้าค่ะ เป็นวิศวกรอยู่โรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง ทำงานมาได้ 3 ปีกับอีก 5 เดือนแล้วค่ะ เงินเดือนก็ 2 หมื่นนิดหน่อยทำงาน 7 วันช่วงฤดูหีบเดือนแรก ต่อมาทำ 6 วันเข้ากะกลางวัน-กลางคืน ส่วนฤดูซ่อมทำงาน 6 วัน หยุดวันอาทิตย์
คิดมาตลอดว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง กะไว้ว่าจะทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆแล้วลาออกมาทำ แต่คิดไปคิดมาคงแก่ตายพอดีกว่าจะเก็บได้เยอะพอก็เลยปรึกษาพ่อกับแม่ดู ท่านก็บอกว่าทำงานเก็บเงินไปก่อนแล้วค่อยลาออกมาทำดีกว่า จะเอาเวลาที่ไหนมาทำธุรกิจ..เราก็เลยอธิบายว่า
อยากรีบทำก่อนที่พ่อแม่ญาติพี่น้องซึ่งทำงานราชการกันทั้งนั้นจะเกษียณกันไปซะก่อน จะได้มีลูกค้ารองรับ เอ่อ . . ลืมบอกไปเราจะทำธุรกิจป้ายไวนิลค่ะ พ่อกับแม่เลยยอมรับฟังพร้อมให้ยืมเงินทุนมาก้อนนึง(ต้องขอบพระคุณอย่างสูงนะคะคุณพ่อคุณแม่)
จากนั้นเราก็เริ่มเปิด google หาผู้ขายเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทได้มาหลายเจ้าอยู่ ติดต่อไปสอบถามพูดคุย จนได้ที่พอใจแล้วบวกกับโชคดีของเรามีงาน Expo เกี่ยวกับธุรกิจนี้พอดี จึงชวนแม่ขับรถเข้ากรุงเทพฯ ไปเดินเลือกดูเยอะแยะไปหมดเลือกไม่ถูก สุดท้ายก็จบที่เจ้าที่คุยกันไว้เราสนใจเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทหน้ากว้าง 1.8 m. ค่าจอง 10,000 บาท จากนั้นก็กลับมาบ้านอย่างตื่นเต้นว่าเราจะมีร้านเป็นของตัวเองแล้วเหรอเนี่ย?? เพ้อฝันไปต่างๆนานา
ฤกษ์งานยามดีวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เราโทรนัดให้เอาเครื่องมาลงที่บ้านค่ะมีห้องโล่งๆหน้าบ้านอยู่ ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าเช่า(สบายไปอีก) นิมนต์หลวงตาวัดแถวบ้านมาเจิมป้ายร้านเพื่อเป็นศิริมงคล เครื่องมาลงบ่าย 2 โมงได้ ติดตั้ง ทดลองเครื่อง จ่ายเงินดาวน์ 100,000 บาททุกอย่างเสร็จสรรพ 2 ทุ่มพอดี . . พอช่างกลับไปแล้วเราก็ลองออกแบบป้ายร้านตัวเองลองสั่งพิมพ์อะไรไปเรื่อยจนคล่อง
จนพ่อกลับมา "มีงานใหญ่นะลูก พร้อมหรือยัง" แต่ก่อนหน้านี้มีลูกค้าติดต่อมาทาง facebook เราเจ้านึงแล้วดีใจมากงานแรกเลย 260 บาทพร้อมส่งถึงที่เพราะเป็นทางผ่านขับรถไปทำงานพอดี จากนั้นก็รับงานจากพ่องานแม่และคนรู้จักเรื่อยๆมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งเราจะมีเวลาทำวันหยุดเราคือวันทร์ 1 วันและช่วงสัปดาห์ที่ออกกลางคืนไปแค่นั้น
นี่แหละค่ะประสบการณ์การเป็นทั้งมนุษย์เงินเดือนและมนุษย์เงินวันไปพร้อมๆ กันของเรา ยอมรับว่าเหนื่อยหน่อยแต่มีความสุขค่ะ เปิดมาได้เกือบเดือนแล้วพอใจกับรายได้ค่ะสมกับที่เหนื่อย ตอนนี้ก็รอรายรับเพื่อผ่อนเครื่อง 1 ปีก็หมด จากนั้นก็ใช้หนี้พ่อแม่ 1 แสนบาท . . ถ้า 2 อย่างนี้หมดก็โล่งแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการอ่านกระทู้เราจนจบ แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจไม่มีคำว่าสายค่ะ ถ้าเราตั้งใจจริง
ปล.ถ้าแท็กผิดยังไงต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่คิดว่าเราแท็กหัวข้อที่ใกล้เคียงที่สุดแล้ว
และขอเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่คิดจะเริ่มทำธุริกิจด้วยค่ะ สู้ๆ!!