เริ่มจากทีปีที่แล้วงานเยอะตั้งแต่กลางปี ยาวมาจนถึงวันสุดท้ายที่จะเดินทาง เลยไม่ได้ซ้อมอย่างต่อเนื่องเลย จาการประเมินถึงสองครั้งที่เคยไปมาคิดว่าไม่ไหวแน่ ๆ ตอนแรกเลยตัดสินใจไม่ไป .......จนมาถึง อาทิตย์สุดท้ายก่อนเดินทาง เรื่องราวหลายอย่างผุดเข้ามาในหัวตลอดเวลา สรุปคร่าว ๆ คือ ถ้าไม่ได้ไปคงมานั่งเสียใจ เสียดาย ที่ทำไมไม่ไป เลยตัดสินใจ ว่ายังไงก็ไป ถึงจะทรมานยังไงคงมไม่ถึงตาย ดีกว่ามานั่งเสียดาย เสียใจ ..................
............................
ออกเดินทางคืนวันศุกร์ มาถึงวันเสาร์ในสภาพ สโล้สเล้มาก เอาน่ะคืนนี้ยังได้นอนอีกคืนคงพอฟื้นได้มั่ง
ถึงเวลานอน สรุปนอนไม่หลับ หึหึ
..............................
เช้าวันงาน ตื่นสี่กว่า ปล่อยตัวกันเจ็ดโมง แต่ต้องเดินทางจากที่พักที่สันป่าตองอีกเลยต้องตื่นเช้าไปหน่อย
ปีนี้ เอาเสือภูเขาขึ้น จากที่เอาเสือหมอบขึ้นมาแล้วสองปี เลยอยากเอาลูกอีกลำขึ้นไปจุดนั้นมั่ง แต่มันไม่ง่ายเลย (เสียงในใจบอก)
ที่จุดสตาร์ท เพื่อนนักปั่นเยอะมากมากันมืดฟ้ามัวดิน น่าจะเกือบหกพันคน ตื่นเต้นเล็กน้อย ถ่ายรูปกันนิดหน่อย ก็ถึงเวลาปล่อยตัว
...........................
ออกตัวปั่นไปได้ด้วยดี ปั่นตามรอบขา ไปเรื่อย ๆ ไม่อัดมาก คิดเอาไว้อย่างเดียว ต้องอยู่ให้ได้นานที่สุด ...........ปั่นมาได้เรื่อย ๆ ผ่านเนินคัดตัวไม่ลำบากนัก ยังไม่ออกอาการ ไต่มาเรื่อย ๆ จนประมาณซักยี่สิบกว่ากิโล ตะริวเริ่มมาตามนัด ปีนี้มาเร็วกว่าที่เคยมาก หนังชีวิตเริ่มเกิด ......ก็ฝืนบดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่ทำการ พอเลยเช๊คพ๊อยท์มา นิดนึงตะคริวก้อกินจนล๊อคต้องจอดยืนเคารพธงชาติ เอาแล้ว เอาไงดีทีนี้ ยังเหลืออีกตั้ง 16 กิโล เป็น 16 กิโลที่หฤโหดของจริงด้วย ยานวดก้อทำหาย ตายแน่ ๆ ................... แต่ก็ตัดสินใจเอาวะ เป็นไงเป็นกัน ปั่นไม่ได้ ยังเข็นได้ ไป ไป ไปต่อ
หนังชีวิต เข็นมั่ง พักมั่ง ปั่นมั่ง ไปพร้อม กับเพื่อนร่วมชะตากรรม ที่พร้อมใจกันมาทรมานด้วยกัน โดยไม่มีใครบังคับ ไปเรื่อย ไปเรื่อย ไปเรื่อย
จนมาถึงกิ่วแม่ป่าน พวกพี่ ๆ เพื่อน ที่มาด้วยกัน ก็ลงมารอกันแล้ว เอาล่ะซิ เอาไงดี ไม่อยากให้ทุกคนต้องรอเกรงใจ เหลืออีก ห้ากิโล น่าจะเป็นชั่วโมง ......บางคนก็บอกพอเถอะ บางคนก็บอกไปเถอะ เอาให้จบ มาทั้งที .............เอาก็เอา ขอทำให้จบภาระกิจนะครับ
จากกิ่วแม่ปาน ขึ้นปั่นมาอีกรอบ กะเรียกว่าทุบหม้อข้าวแล้ว ตะคริวจะล๊อคยังไงกะไม่ลงรถแล้ว ให้ไปร่วงที่เส้นชัยทีเดียวเลยสุดท้ายแล้วไม่ต้องเก็บแรงไว้เข็นอีกแล้ว ................. แต่ ก็ไม่ถึงพอถึงป้ายหอดูดาว ตะคริวกินทั้งสองขาทั้งขาเลยกินจนไม่สามารถกดบันไดได้ จำใจต้องจอดคร่อมรถทน
ให้ตะคริวมันบิดไปเรื่อย ๆ มีเพื่อนนักปั่นใจดีผ่านมากรุณาฉีดสเปรย์ ยูนิเรนช่วยชีวิตให้ ไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้ามอง จำหน้า พี่สองคันนั้นไม่ได้เลย
ถ้าพี่สองคนบังเอิญได้อ่าน ต้องขอบคุณมากครับ และต้องขอโทษด้วยถ้าบังเอิญไปเจอกันแล้วผมไม่ทักทาย มันหน้ามืดตามัวจริง ๆ ตอนนั้นขอโทษจริง ๆ ครับ ................. ผ่านจุดนั้นมาได้ก้อเข็น ครับเข็นยาว จนมาถึงเนินสุดท้าย พอตะคริวเริ่มคลายก้กลับมาปั่น จนมาถึงเส้นชัยจุดหมาย ..........เหมือน ยกดอยอินทนนออกจากอก ได้เจอคนทีรออยู่ ความเหนื่อยทรมานเหมือนโดนปลิดทิ้ง
ต้องขอบคุณ กำลังใจที่รอคอยให้อยู่ตลอดทาง เป็นเหมือนจุดหมาย ที่ทำให้ผ่านไปได้ทีละเปลาะ ๆ จนสำเร็จ
แม้เวลามันจะออกมาแย่กว่าเดิมมากมาย แต่ความรู้สึกก็เต็มจริง ๆ ขอบคุณจริง ๆ ครับ ปีหน้า สัญญาจะซ้อมให้เยอะกว่านี้ครับ เราจะไปด้วยกันอีกครับ
ดราม่าอินทนนท์#9 ฉบับคนอ่อนซ้อม
............................
ออกเดินทางคืนวันศุกร์ มาถึงวันเสาร์ในสภาพ สโล้สเล้มาก เอาน่ะคืนนี้ยังได้นอนอีกคืนคงพอฟื้นได้มั่ง
ถึงเวลานอน สรุปนอนไม่หลับ หึหึ
..............................
เช้าวันงาน ตื่นสี่กว่า ปล่อยตัวกันเจ็ดโมง แต่ต้องเดินทางจากที่พักที่สันป่าตองอีกเลยต้องตื่นเช้าไปหน่อย
ปีนี้ เอาเสือภูเขาขึ้น จากที่เอาเสือหมอบขึ้นมาแล้วสองปี เลยอยากเอาลูกอีกลำขึ้นไปจุดนั้นมั่ง แต่มันไม่ง่ายเลย (เสียงในใจบอก)
ที่จุดสตาร์ท เพื่อนนักปั่นเยอะมากมากันมืดฟ้ามัวดิน น่าจะเกือบหกพันคน ตื่นเต้นเล็กน้อย ถ่ายรูปกันนิดหน่อย ก็ถึงเวลาปล่อยตัว
...........................
ออกตัวปั่นไปได้ด้วยดี ปั่นตามรอบขา ไปเรื่อย ๆ ไม่อัดมาก คิดเอาไว้อย่างเดียว ต้องอยู่ให้ได้นานที่สุด ...........ปั่นมาได้เรื่อย ๆ ผ่านเนินคัดตัวไม่ลำบากนัก ยังไม่ออกอาการ ไต่มาเรื่อย ๆ จนประมาณซักยี่สิบกว่ากิโล ตะริวเริ่มมาตามนัด ปีนี้มาเร็วกว่าที่เคยมาก หนังชีวิตเริ่มเกิด ......ก็ฝืนบดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงที่ทำการ พอเลยเช๊คพ๊อยท์มา นิดนึงตะคริวก้อกินจนล๊อคต้องจอดยืนเคารพธงชาติ เอาแล้ว เอาไงดีทีนี้ ยังเหลืออีกตั้ง 16 กิโล เป็น 16 กิโลที่หฤโหดของจริงด้วย ยานวดก้อทำหาย ตายแน่ ๆ ................... แต่ก็ตัดสินใจเอาวะ เป็นไงเป็นกัน ปั่นไม่ได้ ยังเข็นได้ ไป ไป ไปต่อ
หนังชีวิต เข็นมั่ง พักมั่ง ปั่นมั่ง ไปพร้อม กับเพื่อนร่วมชะตากรรม ที่พร้อมใจกันมาทรมานด้วยกัน โดยไม่มีใครบังคับ ไปเรื่อย ไปเรื่อย ไปเรื่อย
จนมาถึงกิ่วแม่ป่าน พวกพี่ ๆ เพื่อน ที่มาด้วยกัน ก็ลงมารอกันแล้ว เอาล่ะซิ เอาไงดี ไม่อยากให้ทุกคนต้องรอเกรงใจ เหลืออีก ห้ากิโล น่าจะเป็นชั่วโมง ......บางคนก็บอกพอเถอะ บางคนก็บอกไปเถอะ เอาให้จบ มาทั้งที .............เอาก็เอา ขอทำให้จบภาระกิจนะครับ
จากกิ่วแม่ปาน ขึ้นปั่นมาอีกรอบ กะเรียกว่าทุบหม้อข้าวแล้ว ตะคริวจะล๊อคยังไงกะไม่ลงรถแล้ว ให้ไปร่วงที่เส้นชัยทีเดียวเลยสุดท้ายแล้วไม่ต้องเก็บแรงไว้เข็นอีกแล้ว ................. แต่ ก็ไม่ถึงพอถึงป้ายหอดูดาว ตะคริวกินทั้งสองขาทั้งขาเลยกินจนไม่สามารถกดบันไดได้ จำใจต้องจอดคร่อมรถทน
ให้ตะคริวมันบิดไปเรื่อย ๆ มีเพื่อนนักปั่นใจดีผ่านมากรุณาฉีดสเปรย์ ยูนิเรนช่วยชีวิตให้ ไม่มีแรงแม้แต่จะเงยหน้ามอง จำหน้า พี่สองคันนั้นไม่ได้เลย
ถ้าพี่สองคนบังเอิญได้อ่าน ต้องขอบคุณมากครับ และต้องขอโทษด้วยถ้าบังเอิญไปเจอกันแล้วผมไม่ทักทาย มันหน้ามืดตามัวจริง ๆ ตอนนั้นขอโทษจริง ๆ ครับ ................. ผ่านจุดนั้นมาได้ก้อเข็น ครับเข็นยาว จนมาถึงเนินสุดท้าย พอตะคริวเริ่มคลายก้กลับมาปั่น จนมาถึงเส้นชัยจุดหมาย ..........เหมือน ยกดอยอินทนนออกจากอก ได้เจอคนทีรออยู่ ความเหนื่อยทรมานเหมือนโดนปลิดทิ้ง
ต้องขอบคุณ กำลังใจที่รอคอยให้อยู่ตลอดทาง เป็นเหมือนจุดหมาย ที่ทำให้ผ่านไปได้ทีละเปลาะ ๆ จนสำเร็จ
แม้เวลามันจะออกมาแย่กว่าเดิมมากมาย แต่ความรู้สึกก็เต็มจริง ๆ ขอบคุณจริง ๆ ครับ ปีหน้า สัญญาจะซ้อมให้เยอะกว่านี้ครับ เราจะไปด้วยกันอีกครับ