*** ศึกษาธรรมตามกาล... การชุมนุมของพระภิกษุไม่ได้มีความหมายในแง่ลบเสมอไป ***

เครดิต
FB  ปิยสีโลภิกขุ - พระภูวดล ปิยสีโล

https://www.facebook.com/piyasilo.bhikkhu/timeline
-----

การชุมนุมของพระภิกษุไม่ได้มีความหมายในแง่ลบเสมอไป
ในครั้งพุทธกาล มีพระภิกษุจำนวน 1,250 รูปมาชุมนุมกัน
คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวงสาดแสงสว่างไปทั่วเวฬุวัน
แม้ดวงจันทร์ยามค่ำคืนจะงดงามเพียงใด
ก็ไม่งามสงบเท่าพระอรหันต์ที่มาชุมนุมกันอย่างสันติในเวลานั้น
ท่ามกลางความเงียบอันงดงาม
พระพุทธองค์ทรงประทานโอวาทให้พระทุกรูปได้ยินกันโดยทั่วถึง
ทรงสรุปหลักการดำเนินชีวิตที่ดีงามตามแนวทางพระพุทธศาสนา 3 ข้อ
คือ การละบาป บำเพ็ญบุญกุศล และชำระจิตให้พ้นจากอำนาจของกิเลส
จากนั้นทรงขยายความให้เห็นวิถีชีวิตอันประเสริฐของพระภิกษุ
ผู้ตกแต่งชีวิตให้งามด้วยความพากเพียรฝึกฝนตน
กล่าวคือ มีความอดทนอดกลั้นในยามเผชิญกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ
มุ่งเอาพระนิพพานเป็นเป้าหมายหลักของการปฏิบัติ
ไม่เบียดเบียนทำร้ายผู้อื่นให้เกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ
และไม่สร้างความลำบากให้กับผู้ใด
ท้ายสุด พระพุทธองค์ทรงให้ข้อปฏิบัติ 6 ข้อ
เป็นคู่มือในการเผยแพร่ธรรมะเพื่อยังประโยชน์ต่อชนทั้งหลาย
ข้อปฏิบัติดังกล่าวประกอบด้วย
การไม่กล่าวร้าย
การไม่ทำร้าย
การสำรวมรักษาความประพฤติให้น่าเลื่อมใส
การรู้จักพอดีในการบริโภค
การแสวงหาความสันโดษ ไม่วุ่นวายหรือคลุกคลีกับหมู่คณะ
ความหมั่นเพียรในการพัฒนาจิตใจเสมอ
วันมาฆบูชาถือได้ว่าเป็นวันแห่งความกตัญญูในพระพุทธศาสนา
โดยมีพระอรหันต์ในครั้งพุทธกาลเป็นแบบอย่างของการมาชุมนุมกันอย่างสงบ
เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธเจ้าและรับฟังคำสอนที่เป็นอุดมการณ์ของชีวิตดีงาม
จากนั้นก็ใช้ชีวิตของตนเป็นเครื่องพิสูจน์คำสอน
ด้วยการปฏิบัติตามพระพุทธโอวาทอย่างจริงใจและจริงจัง
ในฐานะชาวพุทธ เราจึงควรถามตัวเองว่าจะแสดงความกตัญญูต่อคุณพระรัตนตรัยได้อย่างไรบ้าง
การพิจารณาความหมายอันลึกซึ้งของโอวาทปาฏิโมกข์
เพื่อน้อมนำมาปฏิบัติในชีวิตด้วยความพากเพียรไม่ย่อท้อ
ย่อมถือเป็นการตอบแทนพระคุณอย่างสูงสุด
ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในคำสอนของพระพุทธองค์
และด้วยความชื่นชมวิถีชีวิตอันงดงามของพระอริยเจ้าทั้งหลาย
เราจะไม่ปล่อยให้การกระทำในระดับบุคคล
มาบั่นทอนความเชื่อมั่นในการปฏิบัติตามคำสอนเป็นอันขาด
ผู้เข้าถึงธรรมและผู้พยายามปฏิบัติตนให้เข้าถึงธรรมนั้น
ยังโลกนี้ให้สงบงาม ดังแสงจันทร์ในคืนเดือนเพ็ญ
สร้างความปีติชื่นใจให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างไม่มีประมาณ
นี้แลคือความน่าอัศจรรย์ของธรรมะ

------------

โอวาทปาฏิโมกขคาถา
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสะลัสสูปะสัมปะทา
การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
ธรรม ๓ อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
ขันติ คือความอดกลั้นเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง
นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา
ผู้รู้ทั้งหลายกล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี
ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต
ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต
การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย
ปาติโมกเข จะ สังวะโร
การสำรวมในปาติโมกข์
มัตตัญญุตา จะ ภัตตัส๎มิง
ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค
ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง
การนอนการนั่งในที่อันสงัด
อะธิจิตเต จะ อาโยโค
ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง
เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
ธรรม ๖ อย่างนี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่