ก่อนอื่นต้องเอ่ยก่อนว่า เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ไม่ได้สนับสนุนให้เด็กวัยรุ่นทำตาม หรือ เอาเป็นเยี่ยงอย่าง แค่อยากเล่าเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจเด็กรุ่นใหม่ ที่คิดจะมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เพราะผลสรุปของชีวิตไม่ได้ง่ายเหมือนเรื่องบนเตียง
ตอนนี้อายุ 25 ปี แล้ว และอยากจะเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนม.ต้น วัยกำลังเรียน กำลังโต ก็ตั้งใจเรียน เป็นเด็กเรียบร้อย เงียบๆ ไม่ค่อยพูด ในสายตาเพื่อนๆก็จะมองเราเป็นเด็กแก่นๆ ช่วงม.3 ก็ได้มีแฟนและเกิดพลาด และท้อง ตอนนั้นเครียดมาก ไม่รู้จักบอกพ่อและแม่ยังไง ก็เลือกที่จะปิด มาจนถึงท้องได้ 6 เดือน จึงตัดสิ้นใจให้แม่ฝ่ายชายโทรไปบอก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเรา ฝ่ายชายก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ตอนนั้นแม่เราเคลียดมาก แต่ก็ไม่มีคำด่าหรือว่ากล่าวให้เราเสียใจ เพราะท่านคงรู้ว่าเราเคลียดมาก มีแต่คำปลอบใจ
เราคิดมากจนไม่เป็นอันเรียน เพราะเรากำลังจะจบม.3 อีก 1 เดือน ข้างหน้า แม่ถามเราว่าจะเรียนต่อมั้ย???? เราตอบว่าเราจะเรียนต่อ เพราะมันอีกนิดเดียวแล้ว อีก 1 เดือนท้องก็คงได้ 7 เดือนพอดี (ท้องสาวไม่มีใครรู้ เพราะเป็นคนอวบอยู่แล้ว) และแล้วเราก็จบ ช่วงปิดเทอมใหญ่ก็คลอดพอดี
พอมีลูกก็ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง คิดถึงอนาคตมากขึ้น ว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิต เราคิดว่าจะเอาลูกให้แม่แฟนเลี้ยง และจะเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดิมเพื่อจะเอาวุฒิ ม. 6 มาสมัครงาน
แต่ชะตาก็พลิกพันอีกครั้ง พลาดท้อง อีกคนที่ 2 เรียกว่าหัวปีท้ายปีได้เลย ทำให้เราเรียนไม่จบม.4 เพราะท้อง 2 จะใหญ่กว่าเดิมแถมยังแพ้ท้องหนักมาก เลยตัดสินใจออก แต่ไม่นิ่งนอนใจ……..เราคิดว่าเราอยากเรียน เลยให้แม่พาไปสมัคร กศน. เรียนวันอาทิตย์ วันเดียว วันธรรมดาก็ได้เลี้ยงลูกได้ด้วย ….. หอบท้องไปเรียน จนคลอด
แต่ชะตาพลิกอีก คลอดลูกคนที่ 2 ได้ไม่กี่อาทิตย์ ก้ต้องเลิกลากับสามี เพราะทนกับความเจ้าชู้ และไม่เอาไหน ไม่ไหว และสิ่งที่ตัดสินใจให้เลิกคือ แม่ของสามีไม่ยอมเลี้ยงลูกคนที่ 2 ให้อีกแล้ว เพราะเราขอเค้าให้เลี้ยง เพราะเราอยากเรียนต่อ เพื่ออนาคต แต่กลับโดนปฎิเสธ เราเลยหอบลูกกลับบ้านเรา เราไม่สามารถเอาลูกคนโตกลับมาได้ เลยให้แม่แฟนเลี้ยงไป และขาดการติดต่อไปเลย
จากที่เรากลับบ้านเราแล้ว …เราก็เลี้ยงลูกเราจนได้ 4 เดือน และก็คิดถึงอนาคตอีก เราคิดวางแผนว่า ถ้าเราเรียนต่อ ป.ตรี ใช้วุฒิ กศน .เทียบเท่าม.6 เราคิดว่า อีก 4 ปี กว่าจะจบ ลูกคงเข้าเรียนพอดี แต่ด้วยความที่อาย ที่ต้องใช้วุฒิ กศน ไปสมัครงาน เราเลยขอแม่ ไปเรียนต่อ ปวส. ภาควันอาทิตย์ เราตั้งใจเรียนมาก และมันก็หนักมาก ที่จะต้องเรียนและเลี้ยงลูกไปด้วย
เราเรียนสาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ เราต้องทำโปรเจค จบด้วย ซึ่งเวลานั้นลูกก็กำลังซน และปวส.ต้องฝึกงาน แต่โชคดีที่มีเพื่อนเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วให้เพื่อนเซ็นใบฝึกงานให้โดยที่เราไม่ได้ไปทำ (แต่ก็ไปบ้างนะ) เพราะต้องเลี้ยงลูก เพราะเราอยู่กับแม่กับน้องสาวแค่ 3 คน แม่เราทำงาน น้องเราก็เรียน จึงไม่มีใครดูลูกเราได้ กว่าจะจบ ปวส. ได้ เรียกได้ว่า เลือดหยดกันเลยทีเดียว แต่ก็จบมาได้ด้วย เกรด 3.5
ช่วงที่ผ่านมาเราต้องทนกับคำดูถูกจากคนรอบข้าง ว่าเด็กใจแตก เรียนไม่จบ มีลูกก่อนวัยอันสมควร เราโดนแบบนี้มาตลอด เพราะเราอยู่คอนโด สายตาคนในนั้นมองเราแย่มาก ตกเย็นก็จับเข่าคุยกันเรื่องเรา พอเราเดินผ่านก็มองจากหัวจรดเท้า สายตาย่ำยีจิตใจเรามาก
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้นะ เราเอาสายตาและคำดูถูก ของคนเหล่านั้นมาเป็นแรงพลักดันตัวเอง ให้อยู่จุดที่คนไม่สามารถดูถูกเราได้ และเราก็ทำได้ พอเราจบ ลูกก็สามารถเข้าเนริ์สเซอรี่ได้แล้ว เราก็คิดว่า เราต้องหางานทำ เพื่อหาเงินเลี้ยงลูก เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งเงินหรือต้องลำบากพ่อแม่
เราตัดสินใจสมัครงาน และเราก็ได้งานที่ดีมาก เป็นบริษัทเอกชนแถวแจ้งวัฒนะ และเราตัดสินใจออกรถมอไซค์ 1คัน เพื่อที่จะเอาไว้รับส่งลูกไปโรงเรียนตอนเช้า วันเปิดเรียนลูก กับวันเริ่มงาน เราตรงกันพอดี ตื่นเต้นมาก ลูกเข้าเรียนเนริ์สเซอรี่วันแรก เราทำงานวันแรก ทุกอย่างดูเหมาะเจาะไปหมด อาจจะเป็นเพราะโชค
เราทำงานเลี้ยงลูกมาตลอด เช้าไปส่งลูก – เย็นไปรับลูกเอง เราทำแบบนี้ จนคนที่เคยดูถูกยอมรับเรา มาพูดชมเรา บอกว่าเราเลี้ยงลูกได้ดีมาก และก็เป็นแม่ ทำหน้าที่แม่ได้ดีกว่าผ้ใหญ่บางคนซะอีก ตอนนี้งานเราอยู่ตัวแล้ว เพราะทำงานมา 3-4 ปีแล้ว ตอนนี้จะเรียน ป.ตรีให้จบ เพื่ออนาคตตัวเอง และอนาคตที่ดีของลูก กับแม่
เคยสัญญาไว้ว่า ถ้าลูกยังไม่โต แม่ยังไม่สบาย เราจะไม่ท้อเด็ดขาด ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม ไม่ว่าหนักแค่ไหน เราจะแก้ปัญหา จากวิกฤต ให้เป็นโอกาสของเรา
ปล. เราโชคดีที่เราไม่เคยคิดเอาลูกออก เราขอบคุณแม่ที่ให้คำปรึกษาที่ดีมาตลอด และขอบคุณตัวเองที่มีความคิดที่ดี ถึงแม้จะเคยผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่สายที่จะทำมันให้ดี ในวันข้างหน้า
เราอยากเป็นกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่วัยใส หลายคนที่กำลังสู้ปัญหาหรือกำลังสู้กับชะตะชีวิต และภาระอันหนักหนา ไม่มีแม้แต่คนที่เป็นสามียืนข้างๆ และอยากจะเตือนน้องๆที่คิดจะทำร้ายอนาคตของตัวเองว่า ชีวิตมันไม่ได้ง่าย เพราะฉะนั้นตั้งใจเรียนดีกว่า แต่สำหรับคนที่พลาดไปแล้ว ก็ต้องทำวันข้างหน้าให้ดี สู้ๆๆนะคะ
ใครเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ ผ่านชีวิตที่หนักหนามาเหมือนกันมั้ยคะ ผ่านกันมาแบบไหนบ้าง ?????
คุณแม่วัยใส ลูก2 กับภาระและคำดูถูกมากมาย เอาคำดูถูกมาเป็นแรงพลักดัน จนมีวันนี้
ตอนนี้อายุ 25 ปี แล้ว และอยากจะเล่าเรื่องชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่ตอนม.ต้น วัยกำลังเรียน กำลังโต ก็ตั้งใจเรียน เป็นเด็กเรียบร้อย เงียบๆ ไม่ค่อยพูด ในสายตาเพื่อนๆก็จะมองเราเป็นเด็กแก่นๆ ช่วงม.3 ก็ได้มีแฟนและเกิดพลาด และท้อง ตอนนั้นเครียดมาก ไม่รู้จักบอกพ่อและแม่ยังไง ก็เลือกที่จะปิด มาจนถึงท้องได้ 6 เดือน จึงตัดสิ้นใจให้แม่ฝ่ายชายโทรไปบอก เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อครอบครัวของเรา ฝ่ายชายก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ตอนนั้นแม่เราเคลียดมาก แต่ก็ไม่มีคำด่าหรือว่ากล่าวให้เราเสียใจ เพราะท่านคงรู้ว่าเราเคลียดมาก มีแต่คำปลอบใจ
เราคิดมากจนไม่เป็นอันเรียน เพราะเรากำลังจะจบม.3 อีก 1 เดือน ข้างหน้า แม่ถามเราว่าจะเรียนต่อมั้ย???? เราตอบว่าเราจะเรียนต่อ เพราะมันอีกนิดเดียวแล้ว อีก 1 เดือนท้องก็คงได้ 7 เดือนพอดี (ท้องสาวไม่มีใครรู้ เพราะเป็นคนอวบอยู่แล้ว) และแล้วเราก็จบ ช่วงปิดเทอมใหญ่ก็คลอดพอดี
พอมีลูกก็ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่าง คิดถึงอนาคตมากขึ้น ว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิต เราคิดว่าจะเอาลูกให้แม่แฟนเลี้ยง และจะเรียนต่อ ม.4 ที่โรงเรียนเดิมเพื่อจะเอาวุฒิ ม. 6 มาสมัครงาน
แต่ชะตาก็พลิกพันอีกครั้ง พลาดท้อง อีกคนที่ 2 เรียกว่าหัวปีท้ายปีได้เลย ทำให้เราเรียนไม่จบม.4 เพราะท้อง 2 จะใหญ่กว่าเดิมแถมยังแพ้ท้องหนักมาก เลยตัดสินใจออก แต่ไม่นิ่งนอนใจ……..เราคิดว่าเราอยากเรียน เลยให้แม่พาไปสมัคร กศน. เรียนวันอาทิตย์ วันเดียว วันธรรมดาก็ได้เลี้ยงลูกได้ด้วย ….. หอบท้องไปเรียน จนคลอด
แต่ชะตาพลิกอีก คลอดลูกคนที่ 2 ได้ไม่กี่อาทิตย์ ก้ต้องเลิกลากับสามี เพราะทนกับความเจ้าชู้ และไม่เอาไหน ไม่ไหว และสิ่งที่ตัดสินใจให้เลิกคือ แม่ของสามีไม่ยอมเลี้ยงลูกคนที่ 2 ให้อีกแล้ว เพราะเราขอเค้าให้เลี้ยง เพราะเราอยากเรียนต่อ เพื่ออนาคต แต่กลับโดนปฎิเสธ เราเลยหอบลูกกลับบ้านเรา เราไม่สามารถเอาลูกคนโตกลับมาได้ เลยให้แม่แฟนเลี้ยงไป และขาดการติดต่อไปเลย
จากที่เรากลับบ้านเราแล้ว …เราก็เลี้ยงลูกเราจนได้ 4 เดือน และก็คิดถึงอนาคตอีก เราคิดวางแผนว่า ถ้าเราเรียนต่อ ป.ตรี ใช้วุฒิ กศน .เทียบเท่าม.6 เราคิดว่า อีก 4 ปี กว่าจะจบ ลูกคงเข้าเรียนพอดี แต่ด้วยความที่อาย ที่ต้องใช้วุฒิ กศน ไปสมัครงาน เราเลยขอแม่ ไปเรียนต่อ ปวส. ภาควันอาทิตย์ เราตั้งใจเรียนมาก และมันก็หนักมาก ที่จะต้องเรียนและเลี้ยงลูกไปด้วย
เราเรียนสาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ เราต้องทำโปรเจค จบด้วย ซึ่งเวลานั้นลูกก็กำลังซน และปวส.ต้องฝึกงาน แต่โชคดีที่มีเพื่อนเป็นเจ้าของธุรกิจแล้วให้เพื่อนเซ็นใบฝึกงานให้โดยที่เราไม่ได้ไปทำ (แต่ก็ไปบ้างนะ) เพราะต้องเลี้ยงลูก เพราะเราอยู่กับแม่กับน้องสาวแค่ 3 คน แม่เราทำงาน น้องเราก็เรียน จึงไม่มีใครดูลูกเราได้ กว่าจะจบ ปวส. ได้ เรียกได้ว่า เลือดหยดกันเลยทีเดียว แต่ก็จบมาได้ด้วย เกรด 3.5
ช่วงที่ผ่านมาเราต้องทนกับคำดูถูกจากคนรอบข้าง ว่าเด็กใจแตก เรียนไม่จบ มีลูกก่อนวัยอันสมควร เราโดนแบบนี้มาตลอด เพราะเราอยู่คอนโด สายตาคนในนั้นมองเราแย่มาก ตกเย็นก็จับเข่าคุยกันเรื่องเรา พอเราเดินผ่านก็มองจากหัวจรดเท้า สายตาย่ำยีจิตใจเรามาก
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เราท้อแท้นะ เราเอาสายตาและคำดูถูก ของคนเหล่านั้นมาเป็นแรงพลักดันตัวเอง ให้อยู่จุดที่คนไม่สามารถดูถูกเราได้ และเราก็ทำได้ พอเราจบ ลูกก็สามารถเข้าเนริ์สเซอรี่ได้แล้ว เราก็คิดว่า เราต้องหางานทำ เพื่อหาเงินเลี้ยงลูก เพื่อที่จะไม่ต้องพึ่งเงินหรือต้องลำบากพ่อแม่
เราตัดสินใจสมัครงาน และเราก็ได้งานที่ดีมาก เป็นบริษัทเอกชนแถวแจ้งวัฒนะ และเราตัดสินใจออกรถมอไซค์ 1คัน เพื่อที่จะเอาไว้รับส่งลูกไปโรงเรียนตอนเช้า วันเปิดเรียนลูก กับวันเริ่มงาน เราตรงกันพอดี ตื่นเต้นมาก ลูกเข้าเรียนเนริ์สเซอรี่วันแรก เราทำงานวันแรก ทุกอย่างดูเหมาะเจาะไปหมด อาจจะเป็นเพราะโชค
เราทำงานเลี้ยงลูกมาตลอด เช้าไปส่งลูก – เย็นไปรับลูกเอง เราทำแบบนี้ จนคนที่เคยดูถูกยอมรับเรา มาพูดชมเรา บอกว่าเราเลี้ยงลูกได้ดีมาก และก็เป็นแม่ ทำหน้าที่แม่ได้ดีกว่าผ้ใหญ่บางคนซะอีก ตอนนี้งานเราอยู่ตัวแล้ว เพราะทำงานมา 3-4 ปีแล้ว ตอนนี้จะเรียน ป.ตรีให้จบ เพื่ออนาคตตัวเอง และอนาคตที่ดีของลูก กับแม่
เคยสัญญาไว้ว่า ถ้าลูกยังไม่โต แม่ยังไม่สบาย เราจะไม่ท้อเด็ดขาด ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ตาม ไม่ว่าหนักแค่ไหน เราจะแก้ปัญหา จากวิกฤต ให้เป็นโอกาสของเรา
ปล. เราโชคดีที่เราไม่เคยคิดเอาลูกออก เราขอบคุณแม่ที่ให้คำปรึกษาที่ดีมาตลอด และขอบคุณตัวเองที่มีความคิดที่ดี ถึงแม้จะเคยผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็ไม่สายที่จะทำมันให้ดี ในวันข้างหน้า
เราอยากเป็นกำลังใจให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่วัยใส หลายคนที่กำลังสู้ปัญหาหรือกำลังสู้กับชะตะชีวิต และภาระอันหนักหนา ไม่มีแม้แต่คนที่เป็นสามียืนข้างๆ และอยากจะเตือนน้องๆที่คิดจะทำร้ายอนาคตของตัวเองว่า ชีวิตมันไม่ได้ง่าย เพราะฉะนั้นตั้งใจเรียนดีกว่า แต่สำหรับคนที่พลาดไปแล้ว ก็ต้องทำวันข้างหน้าให้ดี สู้ๆๆนะคะ
ใครเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยค่ะ ผ่านชีวิตที่หนักหนามาเหมือนกันมั้ยคะ ผ่านกันมาแบบไหนบ้าง ?????