จากที่มีทุกอย่าง เพราะความรักมันเลยพังทุกอย่างในชีวิต

สวัสดีค่ะหนูจะมาเล่าประสบการณ์ชีวิต มันเป็นประสบการณ์ชีวิตจากหนูโดยตรง อาจจะพิมพ์ผิดบ้างนะคะ หนูใช้คำสั่งเสียง google พิมพ์ ต้องขอโทษด้วยนะคะ

   จากคนที่มีทุกอย่างมีชีวิตที่ดีทุกอย่าง มีหน้าที่การงานที่ดี มีชีวิตอิสระอยากทำอะไรก็ได้ทำไปใหนก็ได้ไป ยกเว้นความรัก พอเรารับคนคนนึงเข้าใจชีวิตมันกลับทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปหมดทุกอย่างเลย
เรารู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตทาง facebook เราเริ่มทักทายกันเราทำความรู้จักกันเริ่มคุยกันมาเรื่อย แต่ตอนนั้นยังไม่คิดว่าจะได้คบกันจริงๆ เขาเข้าใจเราทุกอย่างนู๋เป็นสาวประเภท2เขาเข้าใจในสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ทุกอย่าง เราคุยกันถูกคอมาก เราคุยกันไปสักพักนึง แต่จำไม่ได้แล้วว่าใครของใครเป็นแฟนก่อนพอรู้อีกทีก็คบกันแล้ว

   สวนเข้าเป็นทหารเกณฑ์หน้าตาเขาดีในระดับหนึ่ง ส่วนตัวหนูเป็นพนักงานบริษัท เราเจอกันบ่อยทุกอาทิตย์เค้า เขาลากลับบ้านทุกอาทิตย์ ตอนนั้นความรักเริ่มไปได้สวยเราวางแผนอนาคตหลายอย่าง. เราวางแผนไว้ว่าหลังจากเขาออกมาจากทหาร. จะให้แม่เขาขึ้นมาในกรุงเทพ มาเปิดร้านอาหารเช่าบ้านทาวน์เฮ้าส์อยู่เป็นครอบครัว ตอนที่คบกันเขาก็ให้เกียรติหนูมากนะเขาแนะนำหนูให้รู้จักแม่เขาน้องเขาแต่ก็ยังไม่สนิทเท่าไหร
่ เราก็เข้าใจกันดีแล้วเราก็คบกันมาเรื่อย 1 เดือน 2 เดือน 3 เดือน 4 เดือน เราไม่เคยทะเลาะกันเลย. เราคุยโทรศัพท์กันทุกวัน หวยวันละหลายครั้งตอนนอนเรายังไม่ว่างสายออกจากกันเลย เราทำแบบนี้ทุกครั้งทุกวันเป็นเวลา 5 6 7 เดือน เราเข้าใจเขา มาก เราเข้าใจเขาว่าเขาอยู่ในค่ายทหารเขากดดันเขาโดน-ดัน เราก็ไม่โทรหาแม่เข้าบ้าง ทำความสนิทเอาไว้
หนูเริ่มไว้ใจเขาเชื่อใจเขาทุกอย่าง

ช่วงหนึ่งครอบครัวเขามีปัญหาแม่เขาต้องการใช้เงินก้อน ส่วนตัวเขาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครให้ใครช่วยเราเข้าใจเขาเขาไม่มีอะไรได้มากกว่าเขาเองได้ เราก็ให้เขายืมไป 15000 บาทเขาก็บอกเราว่าเขาจะใช้คืนสิ้นเดือน พระถึงสิ้นเดือนเขาก็บอกว่าเขายังไม่มีให้ เราก็ชอบใครเขาก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร ผ่านไปเดือน 2 เดือน เขายังไม่มีให้เรา เราก็ไม่คิดอะไรมากเราก็คิดแค่ว่าเขามีเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้คืน
  เราก็คุยกับแฟนเรา เราก็คบกันมาเรื่อยๆ
แฟนเราเขาอยากให้แม่เขาขึ้นมาอยู่ในกรุงเทพมาเปิดร้านอาหาร เราบอกเขานะว่าเขาไม่มี แล้วจะเปิดร้านยังไงเขาก็บอกเรา ว่าเขาจะยืมตัง. อย่าเข้าจะใช้คืนให้ เราก็ยังไม่ตอบตกลงอะไรมากมายเขาก็หาพื้นที่ที่เซ้งร้าน เขาก็มองหาร้านเซ้ง. เขาก็เจอร้านเซ้งที่เขาต้องการ
เราก็เลยตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน เรายอมเซ้งร้าน ติดต่อแม่เขาให้เขาแม่เขาขึ้นมาในกรุงเทพ เราจัดการครอบครัวเขาทุกอย่างเลยแม้กระทั่งที่อยู่ที่พัก ถ้าลงทุนเปิดร้านขายของ
ไม่อยากจะบอกตัวเลขเลขว่ามันมากน้อยแค่ไหน7หมื่นได้. ที่หนูตัดสินใจช่วยเหลือเขา ความเชื่อไงว่าเขาจะดู แล้วหนูได้ เขาก็บอกว่าเขาจะดูแลหนูก็จะไม่ทิ้งหนู เขาจะคอยช่วยใช้หนี้ที่เข้ามา
พ่อแม่เริ่มขายของเราก็ทำงานประจำที่เดิมของหนูก็มีเวลาเวียนมาหาแม่ที่ร้านบ้างส่วนตัวเขาเขายังอยู่ในค่ายทหาร แม่เค้าขายของไปเรื่อย แต่สิ่งที่เจอ แม่เก็บเงินไม่ได้ ขายได้ขายของได้หนูก็ไม่รู้ว่าเงินไปอยู่ไหนหมดเขาก็บอกว่ามันวนเวียนอยู่ในร้านนี้เหละ หนูก็เข้าใจว่ามันคงเป็นเดือน 2 เดือนแรก แต่ละเดือนแม่ก็เป็นแบบนี้ทุกเดือน เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดหนูก็ยังรับผิดชอบให้แม่เหมือนเดิม ค่าเช่าห้องค่าเช่าร้าน แล้วหนูยังต้องรับผิดชอบตัวนู๋อีก ไม่จ่ายค่าเช่าห้องหนู ค่าบัตรเครดิต.ผ่อนtv ผ่อนรถ ตู้เย็นโทรศัพท์ สินเชื่อเงินสดอื่นๆอีกหลายอย่าง
ก่อนหน้านี้หนูมีเงินให้แม่หนูเองให้เข้าทุกเดือนให้เขาเดือนละหมื่น- หมื่นห้า ทุกเดือน พอมีเรื่องเข้ามา งานนู๋ที่ทำก็เริ่มทำงานไม่เต็มร้อย ขาดงานบ้างไปสายบ้าง ช่วงนั้นทำงานเเย่มาก แต่พอมีเรื่องนี้เข้ามาค่าใช้จ่ายที่เราต้องรับผิดชอบคนเดียวหนูเริ่มรับผิดชอบไม่ไหวหนูมีรายได้รับเยอะก็จริงแต่รายจ่ายมันเยอะมากกว่า แต่ก็มานั่งหลังหักรายจ่ายทั้งหมดเหลือใช้แค่เดือนละ 5-6พัน เริ่มไม่ไหว จนหัวหน้าเข้าให้ออกจากงานเพราะนู๋ได้ใบเตือนครั้งที่2เเล้ว หนูตัดสินใจปล่อยทุกอย่างบัตรไม่จ่ายงวดรถไม่ผ่อน ปล่อยหมดเลย หนูเลยบอกแฟนว่า ออกจากค่ายทหารได้ไหมออกมาข้างนอกออกมาช่วยแม่หนูไม่กล้าพูดตรงๆว่าหนูรับภาระทั้งหมดเองคนเดียว หนูอยากให้เขารับผิดชอบบ้าง เขาหนีออกมา. หนูบอกเขาว่าลองไห้คนที่มียศตำแหน่งช่วยเขาก็บอกว่าไม่มีใครอยากช่วยเขาเลยตัดสินใจหนี พอดีออกมาได้สำเร็จก็ไม่อยู่ที่ร้านให้ช่วยแม่เขาคอยคุมเรื่องการเงินของเเม่  แต่ก็ยังเหมือนเดิมทุกเดือนหน้าก็ยังไม่สามารถเก็บเงินได้ พอมารู้อีกที แม่ไปกู้เงินนอกระบบ แฟนหนูเขาก็คอยเตือนบอกแม่เขาไม่อยากเป็นกู้  แม่เขาก็ขอยืมตังคนข้างร้านบ้าง ไปเซ็นร้านของชำบ้าง พอร้านค้าเข้ามาบอกว่าแม่ยืมตังไปตัวหนูเองต้องเป็นคนเอาเงินไปจ่าย ไม่ค่อยใช้ที่ให้เขา จนเริ่มไม่ไหวหนูเลยบอกเขาว่าแม่เซ้งร้านไปดีไหม ตัวเค้าเองเขาก็รู้ว่าแม่เขาทำเเบบนี้ เขาให้บอกแม่เขาตลอด.
    ช่วงนั้นหนูก็ไม่รู้ว่าแฟนหนูคิดอะไรอยู่ เขาบอกกับ
หนูว่า เขาอยากมีชีวิตที่ดี เขาอยากเรียนให้จบ เขาเรียกว่าทหารเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้วตอนนี้เรียนต่อก็ไม่ได้ทำงานดีๆเขาก็ไม่ได้ ยังมาลำบากด้วยกันอีก ช่วงนั้นเราเริ่มทะเลาะกันจุดสังเกตว่าเขาเริ่มมีคนอื่นเข้ามาในชีวิต จากคนที่ไม่เคยจับโทรศัพท์มือถือเลย เขาเริ่มหายไปสักชั่วโมงสองชั่วโมง เข้าไปคุยโทรศัพท์ จากคนที่มี 1 เฟส เขากอบสมัคร facebook เพิ่ม แม่เขาก็เริ่มสงสัย ไม่ใช่แค่ตัวนู๋คนเดียว เราเริ่มทะเลาะกันหนักมาก เรื่องคุยโทรศัพท์หนูก็ยังสงสัยนะว่าถ้าเป็นเพื่อน คุยโทรศัพท์ด้วยกันต่อหน้า พวกเราไม่เห็นจะเป็นไรเลย แต่เขามีความลับลับลับล่อล่อ หนูพยามถามเขาเข้นเขาจนเราทะเลาะกันหนักหนักขึ้นเรื่อยเรื่อย. แม่เขาก็พยายามถามว่าเป็นอะไร หนูเริ่มสงสัยหนูไปทักแชทผู้หญิงคนนึงใน facebook เขาทักมาว่าเป็นอะไรกับคนนี้ผู้หญิงคนนี้เริ่มร้อนตัวโทรมาว่าแฟนหนูใหญ่เลยว่าไปโกหกเขาอะไรเขาประมาณนี้ เขาบอกกับฉันว่าเขาคุยกับผู้หญิงคนนี้เพื่อที่ให้เขาช่วย เรื่องทหารที่เขาหนีออกมา เขาบอกว่าผู้หญิงคนนี้มีหน้ามีตาทางสังคมรู้จักคนไทยในค่ายเยอะเราพอจะช่วยได้ ก็เลยถามเขาไปว่าให้เขาช่วยทำไมต้องคุยกันทุกวันเขาก็บอกว่าคุยกันแบบเพื่อนเที่ยวคุยกันแบบเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนเป็นมากกว่าเพื่อน ผู้หญิงคนนั้นรับปากว่าจะช่วยเขาแต่หนูไม่เชื่อหรอก เขาบอกว่าพอได้สิ่งที่เขาต้องการเขาจะเลิกติดต่อกับผู้หญิงคนนี้  เเต่จิงๆเเล้วผู้หญิงคนนั้นน่าจะไม่ร็ว่าหนี้ทหาร  เราพยายามเชื่อในสิ่งที่เขาพูดให้ทำยังไงล่ะคะคนอยู่ด้วยกันเห็นแฟนตัวเองไปคุยหยอกไปคุยกับคนอื่น หายเป็นชั่วโมง 2 ชั่วโมงไม่ได้ไปไกลหรอกค่ะโทรศัพท์โทรศัพท์มือถือ นู๋เริ่มไม่ไว้ใจเขามากขึ้น บอกแม่เขาให้แม่เข้าไห้พูดให้ เขาก็ไม่เบื่อที่จะคุยก็ดีดันว่าจะคุยต่อ เราก็ทะเลาะกันมากขึ้นมากขึ้น เขาก็มาค่อยปอบหนูไม่อยากให้น้องคิดมาก. ตั้งคำถามกับตัวเองบ่อยๆครั้ง ทำไมต้องเอาคนคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตด้วย นู๋ก็คิดแล้วนะว่าเขาคงชอบกันเหละไม่งั้นเขาไม่คุยด้วยกันนานๆๆบ่อยๆ เท่าที่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีหน้ามีตาทางสังคมมีหน้าที่การงานที่ดี
มีลูก

  ถ้าวันหนึ่ง เซ้งร้านค้าได้ แม่เขาก็ตัดสินใจกลับต่างจังหวัด เงินทุกบาทหนูไม่เอาสักบาทเลย ส่วนตัวเองก็ตกงาน. เรายังมีปัญหาชีวิตเข้ามาอีก " เรื่ยงพวกนี้ตัวแม่ของหนูเองเขาก็รู้ว่าหนูทำอะไรบ้างก็บอกแม่หนูตลอดแม่หนูก็ไม่เคยขัดหนูเพราะว่ามันเป็นสิทธิ์ของหนูหนูตัดสินใจเองทุกอย่าง แม่ของใครบอกว่าให้ถอยออกมา แต่เราก็ไม่เชื่อแม่ "
      แม่เขาตามต่างจังหวัดเขาก็เริ่มเป็นหนักขึ่นเรื่อยๆๆ คุยติดต่อกับคนนั้นตลอดเลยทั้งทั้งที่มีหนูอยู่นอนด้วย จากที่เคยนอนกอดกัน เเต่ตอนนี้หันหลังให้กันทุกคืนวันเหมือนคนกําลังหมดใจหมดรัก ทะเลาะกันเรื่อยเรื่อย เขาบอกหนูว่าให้ห่างกันคนละก้าวให้แต่ละคนกลับไปทบทวนกลับไปคิด เขาบอกว่าหนูทำมากเกินไปคอยไปโทรหาคนโน้นคนนี้คนที่เขาคุย วันนั้นโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่คุยกับหนู เพราะเขารู้ว่าเราโทรไป ข่าวปกป้องผู้หญิงคนนั้นเขาทำร้ายหนู หนูตัดสินใจขนข้าวของ ออกไปจากห้องหลายครั้ง เเต่นู๋ก็ไปไหนไม่ได้เพราะไม่มีที่ไป. เขาก็บอกว่างั้นก็ไม่ต้องเป็นแฟนเป็นเพื่อนกันนี่แหละ ถามเขาว่าทำไมเป็นแฟนไม่ได้มันยากนะที่จะเป็นเพื่อน มันยากมากๆเพราะหนูเคยลองทำแล้วแต่มันทำไม่ได้เลยมันฝืนความรู้สึกบ้างเลย เราก็ฝืนใจนะว่าเป็นเพื่อนก็ได้  แต่ก็อดร้องไห้ไม่ได้ที่เห็นเขาไปคุยโทรศัพท์หวานกับคนอื่น จากที่เคยเป็นเพื่อนไลน์กัน เป็นเพื่อนใน facebook ขึ้นสถานะด้วยกัน แต่วันนี้ เขาปิดกันหนูทุกอย่างเลย.    วันนี้จะอยู่กับเขา ต่างคนต่างอยู่ แต่อยู่ในห้องด้วยกัน หนูไม่สามารถก้าวก่ายอะไรเขาได้เลย มันรู้สึกอึดอัดมากๆ แต่ต้องทำพยายามทำให้ได้ เพราะว่าตอนนี้ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาแล้ว นู๋พยายามถามเขานะว่า กลับมาเป็นแฟนกันเหมือนเดิมไม่ได้หรอ เขาก็บอกว่า เป็นเพื่อนกันนะดีแล้ว ไม่อยากทำให้หนูเสียใจ หนูค่อยถามเขาบ่อยมาก เพราะอะไรถึงไม่เป็นเหมือนเดิม หนูทำเหมือนคนบ้า ถามซ้ำซ้ำ
พอมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เขาบอกกันว่า ไม่อยากทำให้เสียใจ เพราะว่าตอนนี้ เขากำลังคุยกับผู้หญิงคนนึง อยากลองคุยดู อยากลองคบ กับผู้หญิงแท้ เขาบอกว่า ใครอยากมีครอบครัว มีลูก อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่น หนูได้ยินแบบนี้หนูร้องไห้ทำอะไรไม่ถูกเลย ได้แต่คิด คิดว่า ที่ผ่านมามันคืออะไร เรารู้จักกันทำไม แต่ก่อนเขาเคยบอกกับแม่เขาว่า เขารักหนู อยากคบกับเราแบบจริงจังนู๋ ได้แต่ตั้งคำถามแบบนี้ซ้ำซ้ำกับตัวเอง.  ก่อนหน้านี้ที่ยังรั้งเข้าไวเพราะ หนูเชื่อว่าสิ่งที่เราทำ มันจะช่วยทำให้เขาคิดได้มีสติขึ้นมาได้ แต่ที่เขาพูดมาแบบนั้น หนูไม่หวังแล้ว หนู๋ปล่อยเเล้วไปเขา ให้ไปเจอคนที่ดีกว่า. อันดับแรก ที่หนูคิดได้ หนู๋เริ่มรักตัวเองขึ้นมาทันทีเลย. นู๋คืดเสมอว่าชิวิตหนู๋พังๆๆๆๆๆทุกอย่างเลย จากที่เคยมีวันนี้ไม่มีอะไรเลย
    เค้าทำกับนู๋เเบบนี้ นู๋คิดได้เเค่อย่าง้ดียวค่ะ
#หลอกนู๋
ตอนนี้หนูก็ทำได้เเค่ปล่อยให้เวลามันช่วยให้หนูดีขึ่น



ตอนนี้นู๋ก็มีข่าวดีเหมือนกัน ที่ทำงานเดิมโทรมาให้นู๋กลับไปทำงาน ตอนนี้เเค่รอคำตอบว่าเริ่มงานได้วันไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่