เพราะคำว่า “อาสาสมัครกู้ภัย” ชีวิตผมจึงเปลี่ยน
ผมเข้าใจว่าเพราะความจนและความฝัน.....จึงพาให้หลายชีวิตออกเดินทาง
ผมก็เช่นกันเดินทางจากบ้านนอกเข้าเมืองกรุงตามล่าความฝันเสื่อฝืนหมอนใบ
เมื่อครั้งที่ยั่งต่อสู้และดินรนอยู่ในเมืองหลวง
เข้าเรื่องกันเลยครับช่วงที่ผมทำงานโรงพิมพ์ เป็นช่างพิมพ์มือ2 อยู่แถวสาธุประดิษฐ์เงินเดือนก็ไม่ได้มากอะไรหลอกครับเดือนนึงก็เจ็ดพันกว่าบาท แต่ถ้าอยู่ตัวคนเดียวค่าห้องค่ากับข้าวเหลือเก็บสบาย แต่ไม่หลอกครับช่วงนั้นผมกำลังเก็บเงินเพื่อจะรอเจ้าตัวเล็กลืมตาออกมาดูโลก ช่วงนั้นแฟนท้องเลยต้องออกจากงานอยู่ห้อง หารายได้พิเศษช่วยกันจากพับถุงกระดาษจากเพื่อนบ้านข้างห้องหามาให้พอได้เพิ่มกันไม่มากก็น้อย หักจากค่าใช้จ่ายทั้งค่าห้องค่ากับข่าวและเก็บไว้ให้ตัวเล็ก พากันอดบ้างอิ่มบ้าง บางเดือนช่วงสิ้นเดือนเหลือตัง 5 บาท เงินเดือนก็ดันมาออกไม่ตรงผมกับแฟนต้องกินมาม่าซองเดียวอยู่ 3 คราบ โดยแบ่งไว้เป็น3ส่วน เช้า กลางวัน เย็น ช่วงนั้นถือว่าลำบากมากแต่เราก็ไม่ได้คิดว่าลำบากเลยแต่มันทำให้เรามีความสุขมากกว่า ไม่เคยบ่น แม้จะมีน้อยกินน้อย อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ช่างมัน พอมี พอกิน พอใช้ เราก็ยิ้มและให้กำลังใจกันเสมอ ถึงแม้ในใจผมจะน้ำตาตกในผมก็ไม่เคยแสดงให้แฟนผมรู้ว่าผมสงสารที่พาเธอมาลำบาก จนแฟนผมกลับต่างจังหวัดเพื่อไปคลอดเจ้าตัวเล็กเราเก็บตั้งได้ก้อนนึงได้หมื่นกว่าบาทพอกับค่าใช้จ่ายตอนเจ้าตัวเล็กลืมตามามองโลก ถึงแม้มันจะไม่เยอะสำหรับครอบครัวหลายๆครอบครัวแต่มันเยอะสำหรับเรา ช่วงที่แฟนผมคลอดเจ้าตัวเล็กแฟนโทรมาบอกว่าได้ลูกสาวผมดีใจมากผมรีบลางานกับหัวหน้าและแต่งกระเป่ากลับต่างจังหวัดไปหาแฟนและเจ้าตัวเล็ก แต่ช่วงนั้นช่วงต้นเดือนเงินเดือนหลายๆโรงงานคงจะออกและรับกันไปหมดแล้วแต่โรงงานผมไม่เลยยังไม่ออกเลยวันนั้นผมมีตังค่ารถกลับต่างจังหวัด400บาทโดยอาศัยรถเมย์ฟรีจากถนนพระราม3ไปหมอชิตแล้วซื้อตั๋วจากหมอชิตไปต่างจังหวัดด้วยราคา 375 บาท ผมเหลือตังติดกระเป๋ากลับบ้าน25 บาทแต่ดีหน่อยผมกรอกน้ำใส่ขวดมาจากโรงงานไว้กินระหว่างทางเผื่อหิว จนไปเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กผมดีใจมากและสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงินสร้างครอบครัวสร้างอนาคตให้แฟนและเจ้าตัวและเล็ก ผมอยู่กับแฟนและเจ้าตัวเล็ก2วันแล้วก็เข้ากรุงเทพมาทำงานช่วงระว่างนั้นแต่ล่ะเดือนผมก็ไปเยี่ยมแฟนและลูกตลอดโดยใช้รถเมย์ฟรีเหมือนเดิมที่เคยทำ จนอยู่มาวันนึงผมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านกลับลูกกับแฟนที่ต่างจังหวัดเพราะความคิดถึงอยากอยู่ด้วย ตั้งใจที่จะสร้างหลักสร้างฐานให้ตัวเองและครอบครัว แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรเพราะผมก็จบแค่ ปวช.และงานก็หายากมากเดินหางานจนรูปถ่ายหมดไปหลายโหลก็ไม่ได้สักที แต่โชคเข้าข้างผมได้ทำงานที่ร้านอะไหล่แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดทำหน้าที่ขับมอไซร์ส่งของไปตามอู่ที่สั่งของจะแดดจะฝนก็ต้องไปส่ง แม้เงินเดือนจะไม่มากหกพันกว่าบาทแต่มันก้พอเยียวยาครอบครัวผมได้ ช่วงนี้ผมและครอบครัวลำบากยิ่งกว่าอยู่กรุงเทพเนื่องด้วยทั้งเงินเดือนน้อยแต่ค่าครองชีพแพงไหนจะค่าอะไรต่ออะไรของเจ้าตัวเล็กอีกมากมายแต่ผมก็ยิ้มสู้และผมกินข้าวเช้าจากบ้านกับแฟนไปทำงานตอนเที่ยงไม่กินเพราะเก็บเงินไว้กินมื้อเย็นกับลุกกับเมียที่บ้าน และช่วงนั้นด้วยความที่ผมเคยเป็นอาสากุ้ภัยเมื่อตอนสมัยเลยเลยอยากจะทำอีกโดยหาเวลาว่างที่หยุดงานและผมจะหยุดงานทุกๆวันอาทิตย์ คืนวันเสาร์และวันอาทิตย์ช่วงกลางวันผมจะพาลูกและเมียผมไปนั่งรอช่วยเหลือสังคมที่มูลนิธิแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดช่วงนั้นมีการเปิดอบรม EMT-B หรือพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ 110 ชั่วโมง ค่าลงทะเบียน6500บาท ด้วยความที่ผมคิดว่าการอบรมครั้งนี้มันอาจเปลี่ยนแปลงตัวผมกับครอบครัวและอะไรหลายๆอย่างผมเลยปรึกษาแฟนตัดสินใจหายืมเงินก้อนนี้เพื่อนำมาเป็นค่าลงทะเบียนผมตั้งใจไว้มากกับการอบรมครั้งนี้ช่วงที่อบรมโชคดีหน่อยเป็นการอบรมเสาร์-อาทิตย์ ผมเลยขอลางานกับเฒ่าแก่ได้ทุกวันเสาร์จนผมอบรมเสร็จ หลังจากที่ผมอบรมเสร็จได้ไม่นานก็มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวจังหวังเปิดรับสมัครสอบเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เข้ามาประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมเลยรีบมาสมัครสอบช่วงระหว่างที่สอบและรอผลสอบก็อยู่เกือบครึ่งปีได้ระหว่างนั้นผมก็ทำงานที่เดิมใช้ชีวิตเหมือนเดิมอดบ้างอิ่มบ้างเป็นบางวัน(แต่ส่วนมากจะอด)เพราะเจ้าตัวเล็กก็โตขึ้นเลื่อยๆ จนถึงวันนั้นวันที่ผมรอคอยคือวันที่ประกาศผลสอบผู้ได้เข้าทำงานหนึ่งในนั้นเป็นชื่อผมติดอันดับที่3ใน6คนผมดีใจมากจนน้ำตาไหลออกมา หลังจากนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปมากจากเคยนั่งกินข้าข้างถนนแต่งตัวมอซอถูกดูถูกทุกวัน แต่อยู่มาวันนึงเหมือนฝันจากแต่งตัวมอซอผมได้ใส่ชุดขาว(ชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน)เข้าปฏิบัติการประจำที่โรงพยาบาล ชีวิตผมก็ดีขึ้นเลื่อยๆจากอดมื้อกินมื้อก็มีกินมีเก็บ อยู่มาได้6เดือนพอมีเงินเก็บบ้างเลยซื้อมอไซร์สักคันขี่ไปทำงานทุกวันนี้ครอบครัวผมถือว่าไม่ขาดอะไรเลยทั้งเงินทองความสุขและความรักผมมีครบเพราะผมมีกำลังใจดีๆทำให้ผมมีแรงที่จะสู้และทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานอาสาอยู่เหมือนเดิมที่ผมว่างและพบเห็นคนเจ็บคนป่วยที่ไหนผมจะจอดช่วยเสมอเพราะผมคิดว่างานอาสาสร้างชีวิตใหม่ให้ผมและครอบครัวทุกวันนี้เจ้าตัวเล็กผมก็เป็นอาสากู้ภัยเหมือนกันกับผมและเป้นอาสากู้ภัยที่มีอายุน้อยที่สุดในมูลนิธิตอนนี้แฟนผมก็มีธุระกิจเล็กๆเป็นของตัวเองและผมก็ยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพของโรงพยาบาลนี้เหมือนเดิมและออกไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ชุมชนบ้าง สุดท้ายผมจะไม่ทิ้งคำๆนี้คำว่า “อาสากู้ภัย”
ขอบคุณสำหรับทุกๆโอกาศและทุกๆประสบการณ็ทั้งผู้บาดเจ็บและผู้วาชนทั้งหลายที่ทำให้ผมมีวคามรู้และมีวันนี้ได้
เพราะคำว่า “อาสาสมัครกู้ภัย” ชีวิตผมจึงเปลี่ยน
ผมเข้าใจว่าเพราะความจนและความฝัน.....จึงพาให้หลายชีวิตออกเดินทาง
ผมก็เช่นกันเดินทางจากบ้านนอกเข้าเมืองกรุงตามล่าความฝันเสื่อฝืนหมอนใบ
เมื่อครั้งที่ยั่งต่อสู้และดินรนอยู่ในเมืองหลวง
เข้าเรื่องกันเลยครับช่วงที่ผมทำงานโรงพิมพ์ เป็นช่างพิมพ์มือ2 อยู่แถวสาธุประดิษฐ์เงินเดือนก็ไม่ได้มากอะไรหลอกครับเดือนนึงก็เจ็ดพันกว่าบาท แต่ถ้าอยู่ตัวคนเดียวค่าห้องค่ากับข้าวเหลือเก็บสบาย แต่ไม่หลอกครับช่วงนั้นผมกำลังเก็บเงินเพื่อจะรอเจ้าตัวเล็กลืมตาออกมาดูโลก ช่วงนั้นแฟนท้องเลยต้องออกจากงานอยู่ห้อง หารายได้พิเศษช่วยกันจากพับถุงกระดาษจากเพื่อนบ้านข้างห้องหามาให้พอได้เพิ่มกันไม่มากก็น้อย หักจากค่าใช้จ่ายทั้งค่าห้องค่ากับข่าวและเก็บไว้ให้ตัวเล็ก พากันอดบ้างอิ่มบ้าง บางเดือนช่วงสิ้นเดือนเหลือตัง 5 บาท เงินเดือนก็ดันมาออกไม่ตรงผมกับแฟนต้องกินมาม่าซองเดียวอยู่ 3 คราบ โดยแบ่งไว้เป็น3ส่วน เช้า กลางวัน เย็น ช่วงนั้นถือว่าลำบากมากแต่เราก็ไม่ได้คิดว่าลำบากเลยแต่มันทำให้เรามีความสุขมากกว่า ไม่เคยบ่น แม้จะมีน้อยกินน้อย อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง ช่างมัน พอมี พอกิน พอใช้ เราก็ยิ้มและให้กำลังใจกันเสมอ ถึงแม้ในใจผมจะน้ำตาตกในผมก็ไม่เคยแสดงให้แฟนผมรู้ว่าผมสงสารที่พาเธอมาลำบาก จนแฟนผมกลับต่างจังหวัดเพื่อไปคลอดเจ้าตัวเล็กเราเก็บตั้งได้ก้อนนึงได้หมื่นกว่าบาทพอกับค่าใช้จ่ายตอนเจ้าตัวเล็กลืมตามามองโลก ถึงแม้มันจะไม่เยอะสำหรับครอบครัวหลายๆครอบครัวแต่มันเยอะสำหรับเรา ช่วงที่แฟนผมคลอดเจ้าตัวเล็กแฟนโทรมาบอกว่าได้ลูกสาวผมดีใจมากผมรีบลางานกับหัวหน้าและแต่งกระเป่ากลับต่างจังหวัดไปหาแฟนและเจ้าตัวเล็ก แต่ช่วงนั้นช่วงต้นเดือนเงินเดือนหลายๆโรงงานคงจะออกและรับกันไปหมดแล้วแต่โรงงานผมไม่เลยยังไม่ออกเลยวันนั้นผมมีตังค่ารถกลับต่างจังหวัด400บาทโดยอาศัยรถเมย์ฟรีจากถนนพระราม3ไปหมอชิตแล้วซื้อตั๋วจากหมอชิตไปต่างจังหวัดด้วยราคา 375 บาท ผมเหลือตังติดกระเป๋ากลับบ้าน25 บาทแต่ดีหน่อยผมกรอกน้ำใส่ขวดมาจากโรงงานไว้กินระหว่างทางเผื่อหิว จนไปเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กผมดีใจมากและสัญญากับตัวเองว่าจะตั้งใจทำงานเก็บเงินสร้างครอบครัวสร้างอนาคตให้แฟนและเจ้าตัวและเล็ก ผมอยู่กับแฟนและเจ้าตัวเล็ก2วันแล้วก็เข้ากรุงเทพมาทำงานช่วงระว่างนั้นแต่ล่ะเดือนผมก็ไปเยี่ยมแฟนและลูกตลอดโดยใช้รถเมย์ฟรีเหมือนเดิมที่เคยทำ จนอยู่มาวันนึงผมตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่บ้านกลับลูกกับแฟนที่ต่างจังหวัดเพราะความคิดถึงอยากอยู่ด้วย ตั้งใจที่จะสร้างหลักสร้างฐานให้ตัวเองและครอบครัว แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรเพราะผมก็จบแค่ ปวช.และงานก็หายากมากเดินหางานจนรูปถ่ายหมดไปหลายโหลก็ไม่ได้สักที แต่โชคเข้าข้างผมได้ทำงานที่ร้านอะไหล่แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดทำหน้าที่ขับมอไซร์ส่งของไปตามอู่ที่สั่งของจะแดดจะฝนก็ต้องไปส่ง แม้เงินเดือนจะไม่มากหกพันกว่าบาทแต่มันก้พอเยียวยาครอบครัวผมได้ ช่วงนี้ผมและครอบครัวลำบากยิ่งกว่าอยู่กรุงเทพเนื่องด้วยทั้งเงินเดือนน้อยแต่ค่าครองชีพแพงไหนจะค่าอะไรต่ออะไรของเจ้าตัวเล็กอีกมากมายแต่ผมก็ยิ้มสู้และผมกินข้าวเช้าจากบ้านกับแฟนไปทำงานตอนเที่ยงไม่กินเพราะเก็บเงินไว้กินมื้อเย็นกับลุกกับเมียที่บ้าน และช่วงนั้นด้วยความที่ผมเคยเป็นอาสากุ้ภัยเมื่อตอนสมัยเลยเลยอยากจะทำอีกโดยหาเวลาว่างที่หยุดงานและผมจะหยุดงานทุกๆวันอาทิตย์ คืนวันเสาร์และวันอาทิตย์ช่วงกลางวันผมจะพาลูกและเมียผมไปนั่งรอช่วยเหลือสังคมที่มูลนิธิแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดช่วงนั้นมีการเปิดอบรม EMT-B หรือพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ 110 ชั่วโมง ค่าลงทะเบียน6500บาท ด้วยความที่ผมคิดว่าการอบรมครั้งนี้มันอาจเปลี่ยนแปลงตัวผมกับครอบครัวและอะไรหลายๆอย่างผมเลยปรึกษาแฟนตัดสินใจหายืมเงินก้อนนี้เพื่อนำมาเป็นค่าลงทะเบียนผมตั้งใจไว้มากกับการอบรมครั้งนี้ช่วงที่อบรมโชคดีหน่อยเป็นการอบรมเสาร์-อาทิตย์ ผมเลยขอลางานกับเฒ่าแก่ได้ทุกวันเสาร์จนผมอบรมเสร็จ หลังจากที่ผมอบรมเสร็จได้ไม่นานก็มีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในตัวจังหวังเปิดรับสมัครสอบเจ้าหน้าที่กู้ชีพ ตำแหน่งพนักงานฉุกเฉินการแพทย์ เข้ามาประจำที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผมเลยรีบมาสมัครสอบช่วงระหว่างที่สอบและรอผลสอบก็อยู่เกือบครึ่งปีได้ระหว่างนั้นผมก็ทำงานที่เดิมใช้ชีวิตเหมือนเดิมอดบ้างอิ่มบ้างเป็นบางวัน(แต่ส่วนมากจะอด)เพราะเจ้าตัวเล็กก็โตขึ้นเลื่อยๆ จนถึงวันนั้นวันที่ผมรอคอยคือวันที่ประกาศผลสอบผู้ได้เข้าทำงานหนึ่งในนั้นเป็นชื่อผมติดอันดับที่3ใน6คนผมดีใจมากจนน้ำตาไหลออกมา หลังจากนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไปมากจากเคยนั่งกินข้าข้างถนนแต่งตัวมอซอถูกดูถูกทุกวัน แต่อยู่มาวันนึงเหมือนฝันจากแต่งตัวมอซอผมได้ใส่ชุดขาว(ชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน)เข้าปฏิบัติการประจำที่โรงพยาบาล ชีวิตผมก็ดีขึ้นเลื่อยๆจากอดมื้อกินมื้อก็มีกินมีเก็บ อยู่มาได้6เดือนพอมีเงินเก็บบ้างเลยซื้อมอไซร์สักคันขี่ไปทำงานทุกวันนี้ครอบครัวผมถือว่าไม่ขาดอะไรเลยทั้งเงินทองความสุขและความรักผมมีครบเพราะผมมีกำลังใจดีๆทำให้ผมมีแรงที่จะสู้และทุกวันนี้ผมก็ยังทำงานอาสาอยู่เหมือนเดิมที่ผมว่างและพบเห็นคนเจ็บคนป่วยที่ไหนผมจะจอดช่วยเสมอเพราะผมคิดว่างานอาสาสร้างชีวิตใหม่ให้ผมและครอบครัวทุกวันนี้เจ้าตัวเล็กผมก็เป็นอาสากู้ภัยเหมือนกันกับผมและเป้นอาสากู้ภัยที่มีอายุน้อยที่สุดในมูลนิธิตอนนี้แฟนผมก็มีธุระกิจเล็กๆเป็นของตัวเองและผมก็ยังทำงานเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพของโรงพยาบาลนี้เหมือนเดิมและออกไปเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ชุมชนบ้าง สุดท้ายผมจะไม่ทิ้งคำๆนี้คำว่า “อาสากู้ภัย”
ขอบคุณสำหรับทุกๆโอกาศและทุกๆประสบการณ็ทั้งผู้บาดเจ็บและผู้วาชนทั้งหลายที่ทำให้ผมมีวคามรู้และมีวันนี้ได้