[CR] “Black Valentine” ทริปหักดิบหัวใจหนุ่มโสด

สวัสดีครับเพื่อนๆชาวพันทิป วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องราว Black Valentine ที่ผ่านมาของตัวผมเอง ผมขอออกตัวก่อนนะครับว่านี่เป็นการเขียนครั้งแรกของผม ปกติแล้วผมชอบเดินทางท่องเที่ยวและก็ถ่ายภาพอยู่แล้ว ผมเองเป็นคนพูดและเขียนไม่ค่อยเก่ง สำนวนผมอาจจะดูแปลกๆไปสักนิดนะครับ งั้นผมขอเริ่มเลยแล้วกัน

ย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อน ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ผมมีคนที่ผมรักที่สุด เราสองคนวางแผนจะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกันในวันวาเลนไทน์ แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้วครับ เธอบอกว่า เธอเจอคนที่ดีกว่าผม เหตุผลโคตรเบสิคเลย T^T ผมพยายามจะลืมเรื่องราวที่ผ่านมา 7 ปี คงเป็นตัวเลขอาถรรพ์ที่ใครต่อใครเค้าพูดกัน พอเจอเข้ากับตัวเองถึงได้เข้าใจ



วาเลนไทน์นี้ผมเลยมีแผนจะไปอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตั้งใจไว้ว่าจะทิ้งโลกโซเชียลไม่อยากรับรู้เรื่องราวหวานๆของคู่อื่นๆเท่าไร ขอไปพักใจสักวันสองวัน ที่นี่เราตั้งใจเอาไว้ว่าเราจะไปด้วยกัน แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้มาด้วยกันก็เถอะ แต่มันก็เป็นความตั้งใจสุดท้ายของเรา ปกติผมและเธอจะชอบขับรถไปเที่ยวกันบ่อยๆ ผมเป็นคนขับ เธอเป็นคนนั่งเป็นเพื่อน และ Camry Esport คันนี้ก็เป็นรถคู่ใจของเราสองคน เธอชอบคันนี้เพราะมีหลังคามูนรูฟที่สามารถเปิดขึ้นเพื่อนอนดูดาวในตอนกลางคืนได้  แต่ตอนนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ผมไม่คุ้นเคยกับเบาะข้างๆที่มันว่างเปล่าจริงๆ (ฟังดูเน่าแต่แม่มเรื่องจริงครับ เขียนๆไปแล้วจะร้อง)

ผมออกจากบ้านตั้งแต่เช้า ต้องบอกเลยว่าคืนก่อนออกเดินทางผมนอนไม่ค่อยหลับสักเท่าไร กาแฟสักแก้วคงทำให้วันที่น่าหดหู่พอจะสดใสขึ้นมาได้บ้าง ระหว่างที่รอกาแฟ ผมยังไม่ได้คิดวางแผนล่วงหน้าเลยว่าวันนี้จะไปไหน ทำอะไรบ้าง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเสิร์ชจากกูเกิลเจอ “ถ้ำเขาหลวง” ที่นี่ดูน่าสนใจ อยากลองแวะเข้าไปสักการะพระพุทธรูปให้เป็นสิริมงคลสำหรับวันดีดีแบบนี้ครับ

จากถนนพระรามที่2 เลี้ยวซ้ายที่แยกวังมะนาว จังหวัดราชบุรี มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองเพชรบุรี ตรงไปจนถึงแยกศาลหลักเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังที่หมายปลายทางของเราคือ ถ้ำเขาหลวง ผมจอดรถแล้วต่อรถสหกรณ์ของชาวบ้านเพื่อขึ้นสู่ปากทางเข้าถ้ำ



ตรงปากทางเข้าถ้ำเขาหลวงมีลิงออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวตลอดเส้นทางเดินไปจนถึงปากถ้ำส่วนตัวถ้ำจะต้องเดินลงบันไดที่มีความชันเล็กน้อยครับ



เมื่อเดินเข้ามาภายในถ้ำอากาศเริ่มเย็นลง ผมเดินเข้าไปสักการะพระพุทธรูปองค์ใหญ่ชาวบ้านที่นี่เรียกว่า หลวงพ่อโต เป็นหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบุรีมาอย่างยาวนาน ผมบอกหลวงพ่อว่าขอให้เธอได้พบเจอกับคนดีๆ ส่วนตัวผมแค่ขอให้ผมโชคดี



ผมเดินมานั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งแถวๆผนังถ้ำ มองแสงที่ส่องลงมากระทบกับเจดีย์ เสียงจากไกด์นำเที่ยวบอกว่าบางฤดูแสงอาทิตย์จะส่องลงมาตรงกลางถ้ำ หน้าพระพุทธรูปใหญ่ และเวลาที่เหมาะต่อการรอดูแสงคือช่วงประมาณ 9 โมงไปจนถึงบ่ายสองแล้วแต่ฤดูกาล ผมรู้สึกได้ถึงอากาศที่เริ่มเย็นลง นั่งมองแสงที่ส่องลงมาก็เพลินตาดี บรรยากาศเงียบสงบ คงเป็นช่วงที่คนยังไม่พลุกพล่านนัก บางครั้งก็ทำให้เหม่อจนคิดถึงเธออีก