ประสบการณ์การออกแบบและก่อสร้างโรงแรม 30 ห้อง ด้วยเงินเก็บหลักแสน

คำเตือนก่อนอ่าน
- ตัวเนื้อหาและหัวข้อเรื่องอาจจะไม่สัมพันธ์กันมากนัก ข้อมูลหรือสาระอาจคาดหวังได้ไม่มากจากกระทู้นี้ เนื่องด้วยผู้ตัวผู้เขียนมีประสบการณ์น้อย แต่ไม่สามารถเปลี่ยนชื่อกระทู้ได้แล้ว เป็นการเขียนเรียบเรียงความทรงจำที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมากกว่า จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ตามหัวเรื่องคะ วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องการสร้างโรงแรมตามความเพ้อฝันของตัวเอง

แนะนำตัวก่อนนะ
เราเป็นเด็กโคราช เกิดและโตที่นี่ เป็นหลานย่าโม เรียนโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด แล้วก็ต่อมหาวิทยาลัยที่ ขอนแก่น  เป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน คุณพ่อคุณแม่รับราชการ ครอบครัวฐานะปานกลาง ไม่มีอะไรโดดเด่น

เรียนจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขา เครื่องกล หลายๆคนคงมองว่าถึก แกร่ง โหด แต่เราเป็นคนรักสวยรักงามนะ ชอบแต่งตัวแต่งหน้า ตามเรื่อง ตามราว ตอนเรียนก็ไม่ได้ตั้งใจเรืยนเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ได้ชอบอะไรมากมาย ที่เลือกเรียนวิดวะ ก็เลือกตามเพื่อนสนิทในตอนนั้น เรียนจบก็ไปฝึกงานที่ประเทศเยอรมัน กลับมาทำงานที่แรกที่โรงงานปูนที่สระบุรี แล้วก็เปลี่ยนไปทำ oil and gas engineering consultant ละก็เป็นแอร์ (พนักงานบนเครื่องบิน) ผ่านมาสอง สามสายการบิน (ถ้าใครอยากรู้เรื่องการสมัครแอร์ และทำอย่างไรให้ได้ตำแหน่ง วันหลังจะเล่าให้ฟัง วันนี้เอาเรื่องโรงแรมก่อนโน๊ะ) และแล้วก็ออกจากแอร์ กลับมาทำด้านวิดวะเหมือนเดิม อืมมม อ่านถึงตรงนี้แล้ว ไม่งงเนอะ  เป็นคนมีประสบการ์ณ หลายด้าน แห่...

ตอนที่เริ่มโครงการนี้ อันเนื่องมาจากว่า ลาออกจากการเป็นแอร์ มีเงินเก็บนิดหน่อยหลักแสน คนอื่นเค้าได้กันเป็นล้าน (เราเที่ยวเก่ง) ตอนลาออกตั้งใจว่าจะว่างงานซักปี เพราะเหนื่อยมาก ร่างกายผ่านอะไรมาเยอะ ถ้าคนที่เคยบิน หรือบินอยู่จะรู้ดี และก็มีความนึกฝันไปว่า อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อะไรซักอย่างไม่อยากเป็นลูกจ้างแล้วเพราะเหนื่อย

ด้วยความที่เป็นคนไปเที่ยวมาเยอะ หลายเมืองทั่วโลก ก็เลยมีความคิดว่าอยากจะทำโรงแรม หรือห้องเช่า เพราะคิดเอาเองว่าคงไม่ต้องดูแลอะไรมา ลูกค้าเข้าพักเก็บตัง จบ สบาย!!! ไม่มีใครเตือน ใครสอนว่าจริงจริงแล้วต้องเจอกะอะไรบ้าง เพราะตอนจะทำไม่ได้ปรึกษาใคร 555

ที่นี้พอว่างมาได้ซักเดือน ก็เลยเริ่มโปรเจคแบบ ไม่ได้ตั้งใจ หาแบบจากที่นู่นที่นี่ ว่าอยากได้ห้อง ตึกรูปแบบไหน สีอะไร พื้นที่เท่าไหร่ เอาโฉนดที่ดินออกมาดู ว่ามีขนาดเท่าไหร่ อ่อ ที่ดินตรงนี้เป็นมรดกจากคุณแม่ คุณแม่ได้มาจากคุณยาย ตอนนี้ก็ตกมาอยู่ในกำมือเรา โหะ โหะ ก็เลยได้ตั้งชื่อว่า Granny House โรงแรมตั้งอยู่ที่ มิตรถาพซอย 16 นครราชสีมา ใครผ่านมาแวะเข้าพักได้นะ คิดราคาพิเศษ

เราเริ่มจากศูนย์ ground zero / upstream / green field แล้วแต่จะเรียกนะ หลังจากหาข้อมูลมานิดๆหน่อยๆ ก็ได้ความว่า ถ้าจะสร้างตึกต้องขอใบอนุญาติก่อสร้างก่อน และในการขอใบอนุญาติก็ต้องยื่นแบบ (อันนี้เขียนแบบความจำจางๆ เพราะเราสร้างตึกนี้ได้สองปีกว่าละ ตอนขอใบอนุญาติก็สามปีที่แล้ว) ถ้าจะให้ง่ายต่อการอนุมัติ คนเขียนแบบก็คือเจ้าหน้าที่พนักงานที่นั่นแหละเป็นคนเขียน ขั้นตอนนี้รอประมาณเดือนมั้ง ก็ได้แบบออกมา เรียบง่ายไม่ซับซ้อน แบบที่ออกแบบ เราออกแบบให้มีความเรียบง่ายมากที่สุด minimalism แสงแดดส่องต้องส่องสว่าง เมื่อเข้าไปให้ห้องแล้วต้องรู้สึกโล่งโปร่งไม่อึดอัด อยากให้ภาพรวมของตัวตึกรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นเป็นกันเอง อยากให้มีสีขาว สีเขียว สีอิฐ และก้อเหล็กสีดำ (ไว้มาดูกันว่าออกมาได้อย่างใจรึป่าว) ส่วนตัวไม่ได้มีความรู้ด้านออกแบบสถาปัตยกรรมแม้แต่น้อย แต่เป็นคนชอบเรื่องพวกนี้ ชอบอ่านนิตยสาร เหมือนที่ผู้หญิงหลายคนชอบอ่านคลีโอ ชอบนั่งมองตึกแล้วก็จินตนาการเอาเองว่าถ้าตึกนี้เป็นของเรา เราจะทำอะไรกับมันบ้าง

เรามีงบจำกัด ถึงจำกัดมาก อย่างที่บอกมีเงินเก็บอยู่หลักแสน ทำโรงแรม 3 ชั้น 30 ห้อง งบจึงจำกัดด้วยประการละทั้งปวง โครงการนี้จะเกิดไม่ได้เลย หากปราศจากเจ้าหนี้ทั้งหลาย ทั้งธนาคารที่ปล่อยให้กู้ รถที่เอาไปรีไฟแนนซ์ ทองคำแท่งทั้งหมดที่มีอยู่ เงินทั้งหมดในบัญชีเงินฝาก บัตรเครดิตที่รูดจนเต็มวงเงิน หลังจากที่ได้แบบมา ก็เริ่มคุยกะธนาคารเรื่องการกู้เงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารได้แจ้งคร่าวๆ ว่าเราคงกู้ได้ประมาณนี้ กับการสร้างอาคาร 3 ชั้น 30 ห้อง การเขียนแผนธุรกิจขอกู้เงิน 8 ล้าน กับธนาคารแห่งนี้ เป็นอะไรที่ตลกมาก เพราะไม่เคยทำมาก่อน ไม่มีใครแนะนำว่าต้องทำงัย (เพราะไม่ได้ถามใคร) คิดเอง เออเองหมด ธนาคารก็บอกคร่าวๆ คร่าวจิงๆ ว่าเค้าอยากเห็นไรบ้าง ที่นี่มาถึงจุดนี้เริ่มลังเล จะทำดีไม่ทำดี เพราะจะต้องเป็นหนี้ หลายล้าน แต่ก้อเขียนส่งๆ ไปก่อน เผื่อฟลุค เวลาก็ผ่านไปอีกเดือนนึง ปรากฏว่า แผนธุรกิจอนุบาลนั้น ผ่านการอนุมัติ อย่างหน้าอัศจรรย์เหลือเกิน ตอนจะเข้าไปทำสัญญากับธนาคาร ตอนนั้นยังหาผู้รับเหมาไม่ได้เลย ไม่ได้เตรียมตัว ไม่ได้คิดว่าจะทำจิงจิง แต่ในที่สุดก็ได้มาจ้าวนึง ราคาตกลงกันได้ และเท่าที่เห็นผลงานก็พอใช้ได้ แต่อย่างว่า ไม่เคยมีประสบการ์ณด้านนี้แม้แต่น้อย ตบแต่งบ้านยังไม่เคยเลย ก็เลยคิดว่าจ้าวนี้ละโอเคแล้ว เราก็เซ็นสัญญากัน เรา ผรม และเจ้าหนี้ ความสัมพันธ์และเรื่องราวต่างๆ จิงเกิดขึ้น (ดราม่ากะ ผรม ก้อมีนะ แต่ไม่เล่าตรงนี้ละกัน ถือว่านอกเรื่อง)

เริ่มลงมีอ ถมที่ การถมที่เคยมีคนบอกว่า จริงๆ ควรถมไว้ก่อนเป็นปีๆ เพราะเผื่อดินทรุด แถมที่เราเป็นแอ่งน้ำอยู่ก่อน เนื่องด้วยญาติบ้านใกล้เรือนเคียงมาขุดไปถมที่ตัวเอง -_-“ (หมดคำพูด) ตั้งหน้าตั้งตาถมต่อไป ถมเสร็จก้อไม่มีเวลามานั่งรอแล้วอ่ะ ก้อลงเสาเข็มเลยสิ รออะไร ในระหว่างการเริ่มการก่อสร้างนี้ เราก็ได้เริ่มงานใหม่ละนะ ในกรุงเทพ ก้อเนื่องจาก เงินเก็บมันได้หมดไปตั้งแต่ตอกเสาเข็มแล้วอ่ะ เพราะฉะนั้นความตั้งใจที่จะอยู่บ้านเฉยๆ ซักปี จึงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ไม่งั้นจะไม่มีอะไรให้แDร๊ก ตอนนั้นต้องเดินทางไปกลับ กรุงเทพ-โคราช แทบทุกอาทิตย์



ในระหว่างเริ่มก่อสร้างฐานราก โครงสร้าง เสาเข็ม บลา บลา เราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่าไหร่ เพราะขั้นตอนเหล่านี้ ไม่ได้ใช้ศิลปอะไรมากมาย พูดง่ายๆเราไม่มีความรู้ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ได้แต่ปล่อยให้คนงานสัญชาติเพื่อนบ้านทำไป แต่ก็มีวิศวกรเข้ามาคุมงานอยู่ประมาณสอง สามอาทิตย์ครั้งได้มั้ง เรามานั่งคิดเรื่องการออกแบบตกแต่งกันคะ มีแบบห้องน้ำคร่าวๆ ว่าอยากได้เค้าเตอแบบไหน ลวดลายให้ห้องน้ำเป็นยังงัย เดินเลือก กระเบื้อง สุขภัณฑ์ ตอนนั้นนี่ จำราคาแทบจะขึ้นใจ เทียบราคาทุกร้าน ส่วนใหญ่ก้อได้ ดูโฮม โฮมโปร ร้านแถวบ้าน คละเคล้ากันไป ห้องน้ำที่ได้ ออกมาประมาณนี้



ส่วนในตัวห้องรายละเอียดน้อยหน่อย แค่เลือกขนาดประตูบานเลื่อนกระจกหลังห้อง ประตูไม้หน้าห้อง ส่วนเฟอนิเจอนี่มาเลือกทีหลัง เฟอนิเจอเฟ่ยนิดหน่อยถึงมาก เนื่องด้วยงบหมดแล้ว ไว้มีงบอีก จะเปลี่ยนเฟอร์ใหม่ออกแบบใหม่ อยากจะบอกว่าภูมิใจกับประตูบานเลื่อนกระจกอันนี้นะ เพราะมันทำให้ห้อง โปร่ง โล่ง มากๆเลย สมกับที่ตั้งใจไว้ ละก็ด้านหลัง ก็มีอารมของ เหล็กสีดำๆ มองออกไปเห็นสวนสีเขียวๆ พื้นกระเบื้องนี่ก้อออกตามล่า หามาเลือดตาแทบกระเด็น ที่หายากไม่ใช่อะไร จะได้ราคานี้แทบไม่มีแล้ว ร้านบอกล๊อตสุดท้าย ต่อไปไม่ขายแล้วราคานี้ โคมไฟ ก้อแบบอยากได้เก๋ๆ และไม่แพง รู้สึกว่าจะได้มาจากอิเกีย เราก้อว่ามันไม่เหมือนกะที่อื่นๆ ดีนะ แต่น้าบอกว่าไม่ practical หลอดไฟที่ติดต้องเป็น ฮาโลเจน ซึ่งร้อน หรือหลอดอีกแบบนึง ซึ่งแพงกว่ามาก งบไม่พออีกเช่นเคย ก็ใช้ๆ ไปก่อนละกันนะ  





ราวกั้น ราวบันได อยากได้เหล็กกล่อง สี่เหลี่ยม ตอนแรกผู้รับเหมาเอามาผิด เสียตังอีกหลายหมื่น แต่สุดท้ายก็ได้อันนี้มาก ตามที่ตั้งใจ
มาถึงด้านนอกกันบ้าง พื้นถนน เคยไปเห็นที่ไหนมาไม่รู้ เค้าใช้ตัวหนอนปู และปลูกหญ้าแทรม ทำให้ตัวโรงแรมดูเขียว ร่มรื่นมากๆเลย ส่วนสวนด้านนอก แล้วแต่ร้านจะจัดให้เลย มีงบให้เท่านี้ โดยรวมแล้วก็ออกมาพอใจ รั้วด้านนอก ก็คิดเอาเอง อยากได้ปูนเปลือยมีช่องๆ ให้ลมเข้า เก๋แบบโมเดิน แต่น้าเอาต้นเข็มมาลง ความโมเดินหายวับไปกับตา 555



ตัวตึก ตอนแรกที่บอกว่าอยากได้สีขาว เขียว อิฐ ผสมกัน ผู้รับเหมาทาให้ สองรอบแล้ว ได้สีนี้ เลยจบที่สีนี้ เพราะถ้าทาใหม่จะเสียเวลาออกไปอีก คือต้องเปิดบริการแล้ว เดี๋ยวไม่มีตังค์มาใช้หนี้



สรุปค่าใช้จ่าย งบประมาณคร่าวๆ ในการสร้างอาคารนี้ เป็นดังนี้
- ประเมินการก่อสร้างทุกอย่างไว้ที่ 7.5 ล้าน ในเบื้องต้นกู้ธนาคาร 8 ล้าน กับเงินเก็บนิดหน่อย จึงคิดว่าพอ
- ต่อมาภายหลัง การก่อสร้างที่เกินงบ หนี้สินเพื่มเติมจึงเกิดขึ้น อันได้แก่ ค่าระบบไฟฟ้า ที่ผรม แจ้งว่าไม่ได้รวมอยู่ในใบเสนอราคาที่ตกลงกันตอนแรก เสาไฟฟ้าสามเสา ที่ต้องลากสายสามเฟสมาจากเสาเมน เฟอร์นิเจอร์ ที่งบไม่พอแล้วแต่ก็ต้องหาอะไรมาใส่ห้องไม่เช่นนั้นก็เปิดให้บริการไม่ได้ และอื่นๆ อีกจิปาถะ รวมๆ แล้วอีก 2 ล้านที่ต้องเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมา

จะเห็นได้ว่า ไม่ใช่การลงทุนที่ฉลาดเท่าไหร่เลย จขกท ความรู้ ประสบการณ์ด้านนี้แทบไม่มีเลย แต่ได้เริ่มไปแล้วและหยุดไม่ได้ แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป

ที่เล่ามานี่ ไม่สามารถจะบรรยาถึงปัญหาทั้งหมดที่เจอได้ รวมถึงหน้าที่สิวบุกแบบ ไม่คิดว่าจะกลับมามีใบหน้าปกติได้ คิดว่าคงแพ้ปูน แต่สุดท้าย ก้อได้โรงแรมออกมาตามความเพ้อฝันแบบนี้แล







โรงแรมที่เคยเจอ และใช้เป็นแนวทางการออกแบบ


ติชมและออกความคิดเห็นได้นะคะ ถ้าใครอยากชี้แนะอะไรก้อเชิญได้เลยนะคะ อยากมีความรู้เพิ่มขึ้นไว้ทำโครงการต่อไป




In memories of my beautiful mother. She is the inspiration even if she is not here to see but i know she is always there for me.

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่